วันนี้ในอดีต

14 กุมภาพันธ์ แก๊ง อัล คาโปน สังหารสมาชิกเจ็ดคนแก๊ง บั๊กส์ มอแรน

14 กุมภาพันธ์ 2472 สมาชิกแก๊งอาชญากรรมของ อัล คาโปน สังหารสมาชิกเจ็ดคนของแก๊ง “บั๊กส์” มอแรน ในชิคาโก เนื่องจาก อัล คาโปน ต้องการกวาดล้างแก๊งอาชญากรรมฝ่ายตรงข้ามเพื่อคุมธุรกิจผิดกฏหมายโดยเฉพาะธุรกิจเหล้าเถื่อนในช่วงที่มีการห้ามผลิตและจำหน่ายสุราในสหรัฐฯ เหตุการณ์ครั้งนี้รู้จักกันในชื่อ “การสังหารหมู่ในวันเซนต์วาเลนไทน์”

อัล คาโปน

แอลฟอนซ์ แกเบรียล คาโปน (Alphonse Gabriel Capone) หรือ แอล คาโปน (17 มกราคม 1899 – 25 มกราคม 1947) เป็นชาวสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นนักเลงโตในยุคประเวณีเฟื่องฟู

และก่อให้เกิดองค์กรอาชญากรรมชื่อ “ก๊วนชิคาโก” (Chicago Outfit) หรือภายหลังเป็นที่รู้จักในชื่อ “พวกคาโปน” (Capones) ซึ่งอุทิศตนให้แก่การขนและค้าสุราเถื่อน รวมถึงกิจกรรมนอกรีตอย่างอื่น เช่น การค้าประเวณี ในเมืองชิคาโกระหว่างต้นทศวรรษที่ 1920 ถึงปี 1931

คาโปนเกิดที่เมืองบรุกลิน นครนิวยอร์ก บิดามารดาเป็นชาวอิตาลีหนีเข้าเมือง คาโปนจึงพัวพันกับกลุ่มอาชญากรตั้งแต่ยังเยาว์ เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ 14 ปี ต่อมา เขาเผลอแดกดันสตรีคนหนึ่งที่หน้าประตูเข้าสถานบริการยามค่ำคืนแห่งหนึ่งในเมืองบรุกลิน

เขาจึงถูกพี่ชายของเธอทำร้าย ใบหน้าเขาถูกฟัน 3 ครั้งจนเป็นแผลเป็น เขาจึงได้ฉายาว่า “ไอ้หน้าบาก” (Scarface) เมื่อเข้าวัย 20 ปี คาโปนย้ายจากนิวยอร์กมาชิคาโกเพื่อแสวงหาลาภผลจากการขนเหล้าเถื่อนเข้าเมือง ทั้งยังร่วมละเมิดกฎหมายบ้านเมืองอีกหลายประการ โดยเฉพาะการค้าประเวณี และให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน

แม้ประกอบมิจฉาชีพ แต่คาโปนกลับสามารถลอยหน้าลอยตาอยู่ในที่สาธารณะ ทั้งเขายังอาศัยเงินทองที่ได้จากการกระทำผิดกฎหมายนั้นมาทำบุญ จึงมีผู้หลายคนเรียกเขาว่า “โรบิน ฮูด ยุคใหม่” อย่างไรก็ดี ในปี 1929 เกิดการสังหารหมู่ในวันวาเลนไทน์ สมาชิก 7 คนของกลุ่มคู่แข่งถูกฆ่า และคาโปนถูกหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าว ชื่อเสียงของเขาก็เริ่มเน่าเสีย

ในปี 1931 คาโปนถูกจับ และถูกศาลส่วนกลางพิพากษาว่า มีความผิดฐานเลี่ยงภาษี แล้วถูกจำคุกอยู่ในส่วนกลาง จนปี 1939 เขาจึงได้รับการปล่อยตัวโดยมีการคุมประพฤติ ในบั้นปลายชีวิต สุขภาพทั้งทางกายและใจของเขาย่ำแย่อย่างหนักเพราะไขสันหลังเสื่อมมาตั้งแต่เด็ก เขาจึงเสียชีวิตเพราะหัวใจหยุดเต้นหลังหน้ามืดกะทันหันในวันที่ 25 มกราคม 1947

อ่านต่อ

Alinda C.

ฉันเชื่อว่าประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเข้าใจความเป็นมาของสังคมและโลก ประวัติศาสตร์ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ทำให้เราเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในอดีต เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button