วันนี้ในอดีต

5 เมษายน เจียง ไคเช็ค นักการเมืองจีน เสียชีวิต

5 เมษายน 2518 เจียง ไคเช็ค (Chiang Kai-shek) เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย เจียง ไคเช็คเป็นนักการเมืองจีนและผู้ก่อตั้ง ประเทศไต้หวัน เกิดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2430 ที่มณฑลซีเจียง (Zhejiang) จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยของญี่ปุ่น กลับมาเมืองจีนในปี 2454 เป็นหัวหน้าพรรค ก๊กมินตั๋ง (Kuomintang-KMT) หลังจาก ซุน ยัตเซน (Sun Yat-sen) เสียชีวิต

เขาเป็นผู้นำพรรคก๊กมินตั๋งทำการปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty) แล้วก้าวขึ้นเป็นผู้นำรัฐบาลแห่งชาติของประเทศ สาธารณรัฐจีน (Republic of China-ROC) ระหว่างปี 2471-2518 หลังจากสงรามกลางเมืองของจีน พรรคก๊กมินตั๋งพ่ายแพ้ต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนของ เหมา เจ๋อตง ประธานเหมาจึงเปลี่ยนจีนเป็นประเทศคอมมิวนิสต์และเปลี่ยนชื่อเป็น สาธารณรัฐประชาชนจีน (People Republic of China : PRC) เจียง ไคเช็คจึงต้องหนีไปตั้งรัฐบาลแห่งชาติและสาธารณรัฐจีน ที่เกาะไต้หวันเมื่อปี 2493 และขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศสาธารณรัฐจีน หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า ประเทศไต้หวัน

เจียง ไคเช็ค

เจียง ไคเช็ค (Chiang Kai-shek) 31 ตุลาคม ค.ศ. 1887 — 5 เมษายน ค.ศ. 1975 หรือชื่อตามภาษาจีนมาตรฐาน คือ เจี่ยง จงเจิ้ง (蔣中正) หรือ เจี่ยง เจี้ยฉือ (蔣介石) เป็นผู้นำทางการเมืองและการทหาร ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐจีน ระหว่างปี ค.ศ. 1928 ถึง ค.ศ. 1975 โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง ในช่วงแรกเจียง ไคเชกได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐจีนได้ปกครองจีนแผ่นดินใหญ่จนถึง ปี ค.ศ. 1949 ช่วงที่สองหลังจากนั้นได้อพยพลี้ภัยไปอยู่เกาะไต้หวันและสถาปนาสาธารณรัฐจีนขึ้นมาใหม่ เจียงได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งจีนไต้หวันอีกครั้งนับจากนั้นถึงปี ค.ศ. 1975 เขาได้รับการยอมรับโดยนานาประเทศส่วนใหญ่ในฐานะผู้นำของประเทศจีนตามหลักความชอบธรรมทางกฎหมายจนถึงช่วงปลายปี ค.ศ. 1960 และช่วงต้นปี ค.ศ. 1970 เขาได้กลายมาเป็นผู้นำที่ไม่ใช่ราชวงศ์ที่ปกครองประเทศเป็นเวลาถึง 48 ปี

เจียงได้เป็นผู้หนึ่งที่ร่วมอยู่ในการปฏิวัติ ค.ศ. 1911 และทำการรบต่อต้านรัฐบาลของหยวน ซื่อไข่ และตั้งแต่ ค.ศ. 1918 เจียงได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคก๊กมินตั๋ง ในฐานะที่เป็นสมาชิกที่โดดเด่น เขาได้กลายมาเป็นขุนศึกค้ำบัลลังก์ของดร.ซุน ยัตเซน บิดาผู้บุกเบิกสาธารณรัฐจีน เมื่อดร.ซุน ยัตเซน ถึงแก่อสัญกรรม ใน ค.ศ. 1925 เจียง ไคเชกได้เป็นผู้นำพรรคแทน เจียงได้ทำการรวมชาติจีนเป็นปึกแผ่น นำทัพกรีฑาขึ้นเหนือปราบปรามเหล่าขุนศึกจนสำเร็จ

และต่อมาพยายามรวบอำนาจในพรรคด้วยการกำจัดแกนนำพรรคคนอื่น ๆ ด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้งด้วยอำนาจทหารและอำนาจเงิน โดยมีการต่อท่อสายสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น กระทั่งสามารถยกตนเองก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีของสาธารณรัฐจีน และได้รับยกย่องเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐจีนจากคำบรรยายใต้ภาพดังนี้ 「蔣公於民國三十七年當選中華民國第一任總統」 ใน ค.ศ. 1948

เจียง ไคเชกย้ายที่ตั้งรัฐบาลไปอยู่เมืองหนานจิง (นานกิง) ซึ่งอยู่ใกล้กับภูมิลำเนาเดิมบ้านที่มณฑลเจ้อเจียง แต่จากปัญหาฉ้อราษฎร์บังหลวง และถูกซ้ำเติมด้วยการรุกรานของกองทัพญี่ปุ่นจนเกิดความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เป็นเหตุให้เกิดกลุ่มต่อต้านขึ้นมามากมายเพื่อโค่นล้มการปกครองของพรรคก๊กมินตั๋ง กลุ่มที่สำคัญที่สุดคือ พรรคคอมมิวนิสต์จีน (จงกว๋อก้งฉ่านต่าง) โดยมีเหมาเจ๋อตุง เป็นแกนนำสำคัญของพรรคนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1921 จนกระทั่งกลายเป็นสงครามกลางเมือง ระหว่าง ค.ศ. 1927 ถึง ค.ศ. 1937 และระหว่าง ค.ศ. 1946 ถึง ค.ศ. 1949 แต่บางครั้งทั้งสองฝ่ายก็หันมาร่วมมือกัน เช่น ในสงครามจีน-ญี่ปุ่น ระหว่าง ค.ศ. 1937 ถึง ค.ศ. 1945 และในสงครามโลกครั้งที่สอง

โดยในช่วงหลัง ค.ศ. 1945 การทำสงครามกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ รัฐบาลเจียง ไคเชกเป็นฝ่ายแพ้ต้องอพยพไปตั้งรัฐบาลจีนคณะชาติที่ไต้หวันใน ค.ศ. 1949 ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาด้วยดีตลอดมาจนถึง ค.ศ. 1971 จีนคณะชาติที่ไต้หวันถึงถูกถอดออกจากการเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ เปิดทางให้สาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าเป็นสมาชิกแทน

อ่านต่อ

Alinda C.

ฉันเชื่อว่าประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเข้าใจความเป็นมาของสังคมและโลก ประวัติศาสตร์ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ทำให้เราเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในอดีต เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button