วันนี้ในอดีต

10 เมษายน เดอะ บีทเทิลส์ แถลงข่าววงแตกอย่างเป็นทางการ

10 เมษายน 2513 พอล แม็คคาร์ทนีย์ (Paul McCartney) ออกแถลงข่าวว่า เดอะ บีทเทิลส์วงแตก อย่างเป็นทางการ เดอะ บีทเทิลส์ (The Beatles) เริ่มโด่งดังไปทั่วโลกในยุคต้นคริสตศตวรรษ 60

จากนั้นดนตรีของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปตามอิทธิพลของเสรีภาพในยุค บุปผาชน ช่วงหลังพวกเขาก็เริ่มทดลองแนวทางดนตรีใหม่ ๆ ซึ่งปรากฏในผลงานชุด Sgt Pepper’s Lonely Hearts Club Band เมื่อปี 2510 จากนั้นเดอะ บีทเทิลส์ก็เริ่มเข้าสู่ยุคเสื่อมเมื่อ สมาชิกในวงเริ่มมีความขัดแย้งกันโดยเฉพาะเลนนอนกับแม็คคาร์ทนีย์ กระทั่งวงแตกในที่สุด จากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์แม็คคาร์ทนีย์ก็เปิดตัวอัลบัมเดี่ยวชุดแรกชื่อว่า McCartney ถือเป็นการสิ้นสุดของวงดนตรีป๊อปจากอังกฤษที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

เดอะ บีทเทิลส์

เดอะบีเทิลส์ (The Beatles) เป็นวงร็อกแอนด์โรลจากเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ในปี 1960 ประกอบด้วยสมาชิก ร้องนำและมือกีตาร์ จอห์น เลนนอน ร้องนำและมือเบสพอล แม็กคาร์ตนีย์ มือกีตาร์ จอร์จ แฮร์ริสัน และมือกลอง ริงโก สตาร์ บีเทิลส์ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางให้เป็นวงร็อกที่มีอิทธิพลที่สุดแห่งยุคและเป็นหนึ่งในวงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด[1] ในตอนเริ่มต้นแนวดนตรีของพวกเขาจะเป็นแบบสกิฟเฟิลและร็อกแอนด์โรล แต่ในเวลาต่อมาบีเทิลส์ก็ได้สรรค์สร้างแนวเพลงอีกหลากหลาย นับแต่ไปจนถึงไซเคเดลิก บางครั้งก็ผสมแนวดนตรีคลาสสิกหรือเครื่องดนตรีแบบอื่นๆ ด้วยกระแสนิยมของบีเทิลส์อย่างสูง จนถึงกลับเรียกกระแสเหล่านี้ว่า “บีเทิลมาเนีย” (Beatlemania) โดยเฉพาะในช่วงยุค 60 – 70

เดอะบีเทิลส์เริ่มสร้างชื่อเสียงจากเล่นคอนเสิร์ตในคลับที่ลิวเวอร์พูลและฮัมบวร์คในช่วง 3 ปีของ 1960 โดยมีเพลงฮิตที่ประสบความสำเร็จครั้งแรกอย่าง “เลิฟมีดู” (Love Me Do) ในช่วงปลายปี 1962 พวกเขาได้ฉายา “เดอะแฟปโฟร์” (the Fab Four) ในขณะที่กระแสบีเทิลมาเนียก็เริ่มเกิดขึ้นมา

ในช่วงก่อนปี 1964 ชื่อเสียงของพวกเขาก็กระจายไปไกลจนถึงตลาดเพลงป๊อปของสหรัฐอเมริกา ในปี 1965 เดอะบีเทิลส์ได้สร้างงานดนตรีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นงานชิ้นเอกของนวัตกรรมดนตรีและอิทธิพลทางดนตรีสมัยใหม่ เช่น Rubber Soul (1965), Revolver (1966), Sgt. Pepper’s Lonely Hearts Club Band (1967), The Beatles (หรือที่รู้กันในชื่อ White Album, ปี 1968) และ Abbey Road (1969)

ภายหลังบีเทิลส์ได้แตกลงในปี 1970 สมาชิกที่ยังคงมีชีวิตและใช้ชีวิตที่เหลือกับงานเดี่ยวทางดนตรีอย่างต่อเนื่องคือ พอล แม็กคาร์ตนีย์และริงโก สตาร์ ส่วนเลนนอนได้ถูกยิงในเดือนธันวาคม 1980 และแฮร์ริสันซึ่งเสียชีวิตจากมะเร็งปอดในเดือนพฤศจิกายน ปี 2001

อ้างจากสมาคมอุตสาหกรรมบันทึกเสียงแห่งสหรัฐอเมริกา (RIAA) เดอะบีเทิลส์ได้รับการยืนยันว่าเป็นศิลปินที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา ด้วยยอดจำหน่ายราว 178 ล้านก็อปปี้ บีเทิลส์ยังมีซิงเกิลฮิตอันดับ 1 บนบิลบอร์ดชาร์ทอังกฤษและทำยอดจำหน่ายซิงเกิลที่สูงสุดตลอดกาล ในปี 2008 เดอะบีเทิลส์ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารบิลบอร์ดให้เป็นวงที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาล ต่อเนื่องกันในปี 2015 บีเทิลส์ได้รับการบันทึกสถิติซิงเกิลฮิตอันดับ 1 บนบิลบอร์ดฮอต 100 กว่า 20 ซิงเกิล พวกเขาได้รับรางวัลแกรมมีถึง 10 รางวัล รางวัลออสการ์สาขา “คะแนนเพลงดั้งเดิมที่ดีที่สุด” (Best Original Song Score) รางวัลอิวอร์โนเวลโลกว่า 15 รางวัล นิตยสารไทม์ ยังได้ทำการใส่ชื่อพวกเขาในหัวข้อ “100 บุคคลที่มีอิทธิพลแห่งศตวรรษที่ 20” ปัจจุบันเดอะบีเทิลส์ถือเป็น “วงที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์” ด้วยยอดจำหน่ายกว่า 600 ล้านก็อปปี้ทั่วโลก[2][3] พวกเขายังได้ถูกบรรจุเข้าสู่หอเกียรติยศร็อกแอนด์โรล ในปี 1988 ร่วมกับสมาชิกทั้ง 4 คน ซึ่งได้รับต่างหาก จากช่วงปี 1994 ถึง 2015

ในปี 1968 พวกเขาได้ก่อตั้งบริษัทแผ่นเสียงของตนเองโดยใช้ชื่อว่า Apple Records

อ่านต่อ

Alinda C.

ฉันเชื่อว่าประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเข้าใจความเป็นมาของสังคมและโลก ประวัติศาสตร์ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ทำให้เราเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในอดีต เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button