วันนี้ในอดีต

23 มิถุนายน คลีออน เทอร์เนอร์ ค้นพบทางเข้าของถ้ำคริสตัลโอนิกซ์

23 มิถุนายน 2503 คลีออน เทอร์เนอร์ (Cleon Turner) ค้นพบทางเข้าของถ้ำคริสตัลโอนิกซ์ (Crystal Onyx Cave) เขาใช้เวลาค้นหาถ้ำนี้มานานกว่า 30 ปี และในที่สุดเขาค้นพบพื้นที่ ที่น่าจะเป็นไปได้บริเวณด้านข้างของ ภูเขาพรูอิต (Pruitt”s Knob) มลรัฐเคนตักกี้ สหรัฐอเมริกา

ถ้ำคริสตัลโอนิกซ์

ถ้ำแรกที่ถูกค้นพบคือ ถ้ำ Cueva de las Espadas (ภาษาสเปน) หรือเรียกว่า ถ้ำแห่งดาบ (Cave of Swords) จากการสำรวจของคนงานเหมืองแร่เมื่อปีพ.ศ.2453 ตำแหน่งถ้ำอยู่ลึกลงไปใต้ดินประมาณ 120 เมตร โดยผลึกแร่มีความยาวประมาณ 1 เมตร

ต่อมาในเดือนเมษายน ปีพ.ศ.2543 หรือ 90 ปีจากการค้นพบถ้ำแห่งดาบ คนงานเหมืองสองพี่น้อง ฟลอย และจาเวียร์ เดลกาโด้ (Floy & Javier Delgado) ได้ค้นพบถ้ำที่เต็มไปด้วยผลึกแร่ขนาดใหญ่กว่าถ้ำแรก ซึ่งพบโดยบังเอิญระหว่างที่พวกเขากำลังระเบิดอุโมงค์ใต้ดินใกล้กับแนวรอยเลื่อน เพื่อหาสายแร่เงิน สังกะสี และตะกั่ว ให้กับบริษัทเหมืองแร่ Peñoles

ถ้ำคริสตัลยักษ์ที่ค้นพบนี้มีชื่อเป็นภาษาสเปนว่า Cueva de los Cristales หรือ Cave of the Crystals มีตำแหน่งลึกลงไปใต้ดินกว่า 300 เมตร ในชั้นหินปูน พื้นและฝนังถ้ำเต็มไปด้วยผลึกแร่ยิปซัมที่ก่อตัวเป็นแท่งยื่นออกมาภายในถ้ำ

ผลึกแร่ที่ใหญ่ที่สุดมีความยาวถึง 12 เมตร ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 เมตร และหนัก 55 ตัน ถ้ำผลึกยักษ์นี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาถ้ำที่ค้นพบ มีความสวยงามมาก และยังคงมีการรักษาสภาพผลึกแร่ไว้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ในปีเดียวกัน (พ.ศ.2543) ก็ยังได้ค้นพบถ้ำอีกสองแห่งชื่อว่า Queen’s Eye Cave และ Candles’ Cave

ในปีพ.ศ.2552 มีการค้นพบถ้ำใหม่ชื่อว่า Ice Palace ซึ่งอยู่ลึก 150 เมตรจากผิวดิน และมีผลึกแร่ที่เล็กกว่ามาก

อ่านต่อ

Alinda C.

ฉันเชื่อว่าประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเข้าใจความเป็นมาของสังคมและโลก ประวัติศาสตร์ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ทำให้เราเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในอดีต เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button