1 กันยายน มาธาร์ นกพิราบนักเดินทาง ตัวสุดท้ายของโลกเสียชีวิต

1 กันยายน 2457 มาธาร์ นกพิราบนักเดินทาง ตัวสุดท้ายของโลกเสียชีวิต
มาธาร์ นกพิราบนักเดินทาง
เมื่อ 500 ปีก่อนในทวีปอเมริกาเหนือ เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ผู้คนจะเห็นนกพิราบพาสเซนเจอร์จำนวนนับล้าน ๆ ตัว บินรวมฝูงจนแทบจะทำให้ท้องฟ้ามือมิดไปชั่วขณะ และที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะในช่วงเวลาดังกล่าว มีนกพิราบชนิดนี้อยู่ในทวีปอเมริกาเหนือมากกว่า 5,000 ล้านตัวชะตากรรมที่เลวร้ายของฝูงนกเริ่มขึ้นตั้งแต่ชาวผิวขาวที่อพยพมาอยู่ในทวีปนี้ค้นพบว่า เนื้อของนกเหล่านี้มีรสชาติอร่อยเป็นเลิศเพียงใด พวกเขาได้ล่านกพิราบพาสเซนเจอร์ไปเป็นจำนวนมหาศาลด้วยวิธีการหลากหลาย ตั้งแต่การใช้ปืนยิง ใช้ตาข่ายขึงไว้ระหว่างต้นไม้สูงเพื่อดักจับฝูงนกที่บินผ่าน จนกระทั่งบางครั้งพวกทหารถึงกับใช้ผปืนใหญ่บรรจุลูกปรายยิงเข้าใส่ฝูงนกและสังหารพวกมันลงนับพันตัวในการยิงครั้งเดียว เพื่อนำเนื้อมาเลี้ยงทหารทั้งกองร้อย
การที่นกเหล่านี้ชอบจับกลุ่มบินเป็นฝูงใหญ่อย่างหนาแน่น ทำให้การสังหารมันสามารถทำได้โดยไม่ยากเย็น ต่อมา เมื่อมนุษย์พบว่า ไข่และลูกอ่อนของนกพิราบชนิดนี้มีรสชาติดีกว่าเนื้อของพวกนกที่โตแล้ว พวกเขาก็ออกหาไข่และลูกอ่อนของมันอย่างเอาเป็นเอาตายต้นไม้จำนวนมากที่นกพวกนี้ใช้ทำรัง ถูกมนุษย์โค่นลงเพียงเพื่อเก็บไข่และลูกนกในรังไปเป็นอาหาร
ไม่เพียงแค่การไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งเท่าน้น ทว่าการขยายพื้นที่ทำไร่และการปศุสัตว์ของพวกมนุษย์ยังทำลายถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติของนกพิราบพาสเซนเจอร์ไปอีกด้วย จากปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้เอง ที่ทำให้นกพิราบชนิดนี้ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว
จากที่เคยมีหลายพันล้านตัว ก็ค่อยๆหายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งใน ปี ค.ศ. 1914 ชะตากรรมของนกชนิดนี้ก็มาถึงจุดสุดท้าย โดย นกพิราบพาสเซนเจอร์เพศเมีย ชื่อ มาร์ธา ซึ่งถูกเลี้ยงไว้ที่สวนสัตว์ซินซินนาติ ได้ตายลง และนั่นคือ นกพิราบพาสเซนเจอร์ตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ในโลก
ชะตากรรมอันโหดร้ายของสัตว์ปีกตัวเล็กชนิดนี้ ให้บทเรียนหนึ่งแก่เราว่า ไม่ว่า สิ่งมีชีวิตชนิดนั้นจะมีจำนวนมากมายมหาศาลเพียงใด จำนวนของพวกมันก็ยังไม่มากพอที่สนองตอบต่อความโลภและความหิวกระหายของมนุษย์ได้