วันนี้ในอดีต

5 กันยายน แม่ชีเทเรซา เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย

5 กันยายน 2540 แม่ชีเทเรซา (Mother Teresa) เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายที่นครกัลกัตตา ประเทศอินเดีย

แม่ชีเทเรซา

แม่ชีเทเรซา หรือ คุณแม่เทเรซา (26 สิงหาคม พ.ศ. 2453 – 5 กันยายน พ.ศ. 2540) เป็นนักพรตหญิงในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ท่านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ช่วยเหลือและผู้ต่อสู้เพื่อคนยากไร้ทั้งในประเทศที่ยากจนและร่ำรวย จนเมื่อปี พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) ท่านจึงได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และหลังจากมรณกรรมก็ได้รับการประกาศเป็นบุญราศีโดยสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 มีนามว่า “บุญราศีเทเรซาแห่งกัลกัตตา” ต่อมาในวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสได้ประกาศให้ท่านเป็น “นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตา”

บั้นปลายชีวิต

พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) ขณะคุณแม่เทเรซาไปเยี่ยมสถานสงเคราะห์แห่งหนึ่งในอิตาลี ท่านก็เริ่มป่วยเป็นโรคหัวใจ และมีอาการกำเริบครั้งแรก โดยมีหัวใจเต้นอ่อนเกินไป แต่ปลอดภัย หลังจากนั้น คุณแม่เทเรซาก็ทำงานอยู่เหมือนปกติ แต่อาการโรคหัวใจก็มาเยือนอยู่เรื่อยๆ จนในที่สุด คุณแม่เทเรซา ได้ยื่นจดหมายต่อพระสันตะปาปา ว่า ขอลาออกจากตำแหน่งมหาธิการิณีคณะธรรมทูตแห่งเมตตาธรรม พร้อมกับอยากให้มีการเลือกตั้งขึ้นเพื่อเลือกผู้ที่จะมาสืบทอดตำแหน่งจากตน ตอนแรกเหล่าภคินีต่างคัดค้าน แต่เมื่อรู้ว่าคุณแม่เทเรซาจะให้จัดการเลือกตั้งผู้สืบทอดตำแหน่ง จึงเทคะแนนเสียงให้คุณแม่เทเรซา แล้วผลการเลือกตั้งก็คือคุณแม่เทเรซาก็ได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็นมหาธิการิณีคณะฯ อีกครั้ง

การทำงานของท่านก็มีอาการโรคหัวใจกำเริบมารบกวนท่านบ่อยขึ้น อาการป่วยในระดับหนักมากเกิดขึ้นกับแม่ชีเทเรซาอีกใน พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) และอีกครั้งใน พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) หลังจากนั้น คุณแม่เทเรซา ก็ป่วยหนักถึงขนาดล้มหมอนนอนเสื่อ ลุกนั่งไม่ได้

เมื่อคุณแม่เห็นว่าตนคงไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ในวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) จึงได้ลาออกจากตำแหน่งมหาธิการิณีคณะธรรมทูตแห่งเมตตาธรรมอีกครั้ง ครั้งนี้เหล่าแม่ชีเห็นว่า คุณแม่เทเรซาควรได้พักผ่อน เพื่อต่อสู้กับโรคร้าย จึงไม่คัดค้านในการลาออกของคุณแม่เทเรซา และไม่เทคะแนนเสียงให้คุณแม่เทเรซา เพื่อให้คุณแม่ได้พักรักษาตัวไม่ต้องมีภารกิจ ดังนั้นภคินี นิรมลาจึงได้รับเลือกเป็นมหาธิการิณีคณะธรรมทูตแห่งเมตตาธรรมแทนคุณแม่เทเรซา

5 เดือนครึ่งต่อมา ในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) คุณแม่เทเรซาได้ถึงแก่กรรมลงที่บ้านของคุณแม่ในอินเดีย ขณะอายุ 87 ปี กับอีก 10 วัน โดยคำพูดคำสุดท้ายที่คุณแม่ได้พูดออกมาคือ “หายใจไม่ออกแล้ว” ทางการอินเดียได้จัดพิธีศพของคุณแม่เทเรซาอย่างยิ่งใหญ่ เป็นงานศพระดับชาติ (งานศพของบุคคลที่ทุ่มเทอุทิศตนเพื่อประเทศนั้นๆ) ของทางการอินเดีย

ในช่วงเวลาที่คุณแม่เสียชีวิต คณะมิชชันนารีแห่งความรักของพระเจ้ามีแม่ชีมากว่า 4,000 คนและอาสาสมัครกว่าอีก 1 แสนคน ซึ่งอัตรานี้ครอบคลุมไปถึงกว่า 610 แห่ง 123 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบันร่างของแม่ชีนอนหลับอยู่ที่บ้านคุณแม่ในอินเดีย

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ได้ประกาศให้คุณแม่เป็นบุญราศี ต่อมาในวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสได้ประกาศให้คุณแม่เป็นนักบุญ

คำสอนแม่ชีเทเรซา

  1. ถ้าคุณกำลังตัดสินคนอื่น คุณย่อมไม่มีเวลาจะรักเขา
  2. โรคร้ายที่สุดในปัจจุบันไม่ใช่วัณโรค หรือโรคเรื้อน แต่มันคือการไม่มีใครต้องการ ไม่มีใครรัก และเอาใจใส่ เราสามารถเยียวยารักษาโรคฝ่ายกายด้วยยา แต่วิธีเดียวที่จะรักษาความโดดเดี่ยวและความสิ้นหวัง คือ ความรัก มีหลายคนในโลกกำลังสิ้นชีวิตเพราะขาดอาหาร แต่ก็มีหลายคนกำลังสิ้นชีวิตมากกว่าอีก เพราะขาดความรักเล็กๆ น้อยๆ ความยากจนในโลกตะวัตตกเป็นความยากจนชนิดหนึ่ง ที่แตกต่างจากเรา คือ ไม่ใช่แค่ยากจนน่าสงสารเพราะความโดดเดี่ยวเท่านั้น แต่ทางจิตวิญญาณก็กระหายความรักของพระเจ้า
  3. ความคิดของฉันคืออะไร ฉันเห็นพระเยซูเจ้าในมนุษย์ทุกคน ฉันพูดกับตนเองว่า พระเยซูเจ้าหิว ฉันต้องให้อาหารพระองค์ พระเยซูเจ้าไม่สบาย คนนี้เป็นโรคเรื้อน หรือเนื้อตายเน่า ฉันต้องล้างแผลให้ ดูแลเขา ฉันรับใช้เพราะฉันรักพระเยซูเจ้า
  4. จงใจดีต่อทุกคนในบ้าน จงใจดีกับคนรอบข้างคุณ ฉันชอบให้คุณทำผิดพลาดในความใจกว้าง มากกว่าคุณทำอัศจรรย์ได้แต่ไม่ใจดี บ่อยๆ แค่คำพูดคำเดียว มองครั้งเดียว ทำครั้งเดียวด้วยความรัก จะเปลี่ยนเงามืดในหัวใจคนได้
  5. ฉันอธิษฐานภาวนาขอให้คุณเข้าใจคำพูดของพระเยซูเจ้าที่ว่า “ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน 13:34) จงถามตนเองว่า “พระองค์ทรงรักฉันอย่างไร ฉันรักผู้อื่นจริงๆ ในแบบเดียวกันไหม” หากความรักไม่ได้อยู่ท่ามกลางเรา เราก็สามารถฆ่าเราเองด้วยงาน มันจะเป็นเพียงงาน ไม่ใช่ความรัก งานที่ไม่มีความรักก็เป็นทาส
  6. การเสียสละที่ดีต้องมีคุณค่า ต้องไม่ทำร้าย ต้องเสียสละตนเองให้ว่างเปล่า ผลของความเงียบ คือ การภาวนา ผลของการภาวนา คือ ความเชื่อ ผลของความเชื่อ คือ ความรัก ผลของความรัก คือ การรับใช้ ผลของการรับใช้ คือ สันติสุข
  7. การแสวงหาพระพักตร์พระเจ้าในทุกสิ่ง ทุกคน ตลอดเวลา และแสวงหาพระหัตถ์ของพระองค์ในทุกเหตุการณ์ นี่คือสิ่งที่มีความหมาย ที่เราต้องไตร่ตรองในใจ การมองและการนมัสการการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้า เป็นพิเศษในที่ขาดอาหาร ในคนจนที่กำลังมีทุกข์
  8. สิ่งที่คุณกำลังทำ ฉันไม่สามารถทำ แต่สิ่งที่ฉันกำลังทำ คุณไม่สามารถทำ แต่เมื่อเราทำอะไรด้วยกันบางสิ่งที่สวยงามเพื่อพระเจ้า นี่คือความรักยิ่งใหญ่ของพระเจ้าสำหรับเรา พระองค์ให้โอกาสเราเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ อาศัยกิจการแห่งความรัก
  9. เมื่อคนจนสิ้นชีวิตเพราะความหิว ไม่ใช่เพราะพระเจ้าไม่เอาใจใส่ดูแลเขา แต่เป็นเพราะเราไม่ได้ช่วยเขา
  10. พระเยซูเจ้าต้องการให้ฉันบอกคุณอีกว่า พระองค์ทรงรักคุณมากเกินกว่าที่คุณมโนได้… พระองค์ทรงรักคุณเสมอ แม้เมื่อคุณรู้สึกว่าไม่มีค่าควร…

แม่ชีเทเรซารางวัลที่ได้รับ

ในปี พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) คุณแม่เทเรซาได้รับเกียรติให้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ในฐานะ “สำหรับการอาสาต่อสู้เพื่อลดความยากจนทุกข์ยากซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการนำไปสู่ความสงบสุขและสันติ” (for work undertaken in the struggle to overcome poverty and distress, which also constitute a threat to peace.) นอกจากนี้ คุณแม่เทเรซาปฏิเสธงานเลี้ยงฉลองที่ท่านได้รับรางวัลโนเบล และขอให้ผู้ที่ทำเค้กฉลองมาแล้ว นำเค้กไปมอบให้คนยากคนจน

อ่านต่อ

Alinda C.

ฉันเชื่อว่าประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเข้าใจความเป็นมาของสังคมและโลก ประวัติศาสตร์ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ทำให้เราเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในอดีต เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button