วันนี้ในอดีต

6 ตุลาคม อเมริกา ประกาศให้สารแอลเอสดีเป็นสิ่งเสพติด

6 ตุลาคม 2509 ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศให้สาร “แอลเอสดี” (LSD : Lysergic acid diethylamide) เป็นสิ่งเสพติด ทั้งนี้แอลเอสดีเป็นสารกึ่งสังเคราะห์มีฤทธิ์หลอนประสาทอย่างรุนแรง

แอลเอสดี

แอลเอสดี (Lysergic acid diethylamide – LSD) อาจเรียกว่า แอซิด เป็นสารเสพติดที่สกัดได้จากเชื้อราที่อยู่บนข้าวไรย์ เป็นสารเสพติดที่มีฤทธิ์หลอนประสาทรุนแรงที่สุด ผู้เสพนิยมเรียกว่า กระดาษเมา กระดาษมหัศจรรย์ หรือ สแตมป์มรณะ

ในตอนแรกอาร์เธอร์ สตอลล์ นักวิจัยของบริษัทแซนดอสได้ทำการแยกสารชนิดหนึ่งออกมาจากเชื้อราบนเมล็ดข้าวไรย์ และได้เรียกสารชนิดนี้ว่า “กรดไลเซอร์จิก” (Lysergic acid) และเพื่อนร่วมงานชื่ออัลเบิร์ต ฮอฟมานน์ได้ทำการสังเคราะห์ลักษณะโมเลกุลของกรดไลเซอร์จิกขึ้นมาโดยไม่ต้องใช้เชื้อราในปี ค.ศ. 1938 และได้เรียกว่า “แอลเอสดี” (LSD) ซึ่งรู้จักกันไปทั่วในวงการยาเสพติด

หลังจากค้นพบแล้ว ยังไม่ทราบว่าแอลเอสดีนั้นมีประโยชน์หรือโทษอย่างไร และเสพแอลเอสดีมาเรื่อย ๆ จนวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1943 ฮอฟมานน์ก็เกิดอาการวิงเวียนศีรษะและตาลาย แสงแดดเจิดจ้าขึ้นกว่าปกติ มีประกายสีต่าง ๆ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างประหลาด อีกสามวันต่อมา เขาได้ทดลองกินแอลเอสดี 0.25 ไมโครแกรมใน 45 นาทีให้หลัง ยาก็เริ่มออกฤทธิ์ ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน

ต่อมา นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับสารแอลเอสดี เพื่อที่ใช้ทำเป็นยาในการรักษาอาการโรคจิตในอนาคต

ในช่วงปี ค.ศ. 1960 สตาลิสลาฟ กรอฟ ซึ่งทำงานวิจัยเกี่ยวกับยาหลอนประสาทและจิตเวชได้พยายามทำการวิจัยเกี่ยวกับจิตบำบัด โดยการใช้สารแอลเอสดี โดยเป็นการใช้สารแอลเอสดีเข้าถึงสภาวะเหนือธรรมดาของจิตสำนึกและได้ออกหนังสือเกี่ยวกับการทำวิจัยของเขาออกมาชื่อ LSD Psychotherapy แต่ต่อมาได้มีการออกกฎหมายเกี่ยวกับการห้ามใช้ยาหลอนประสาท ทำให้กรอฟต้องล้มเลิกโครงการวิจัยนี้ไป

ในปี ค.ศ. 1960 ทิโมที แลรี นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดได้ทดลองเสพสารแอลเอสดีและเสนอผลการเสพสารแอลเอสดีไว้ดังนี้

  • ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นสุขทันที
  • มีความคิดสร้างสรรค์ทางด้านดนตรีและศิลปะ
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนและการทำงาน
  • เพิ่มความไวของประสาทการรับรู้

ในระยะแรกได้มีการใช้สารนี้ในกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย ผู้เสพในสมัยนั้นอายุมากกว่าในปัจจุบัน โดยมีอายุเฉลี่ยเท่ากับ 21 ปี ต่อมาได้มีการเสพกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากหาซื้อง่ายเพราะมีขายกันทั่วไป และยังหลบเบี่ยงเจ้าหน้าที่ได้ง่าย กลุ่มผู้เสพที่สำคัญคือ นักดนตรี พวกฮิปปี้และบุปผาชน (flower children) ได้มีงานรื่นเริงฉลองการเสพแอลเอสดีอย่างเอิกเกริกและยิ่งใหญ่ เช่น งานฉลองฤดูร้อนแห่งความรัก (summer love) ที่เมืองซานฟรานซิสโก

ในเวลาต่อมาสารแอลเอสดีได้แพร่ระบาดเข้าไปในกลุ่มวัยรุ่น และในทุกกลุ่มชนชั้นโดยเฉพาะชนชั้นกลางและร่ำรวย เด็กวัยรุ่นในกลุ่มเสพประท้วงรัฐบาลในการทำสงครามกับเวียดนาม ขอเพิ่มสิทธิมนุษยชนและอิสระในการพูดและแสดงความคิดเห็น ในระยะหลัง ๆ ผู้เสพแอลเอสดีได้ใช้สารเสพติดชนิดอื่นร่วมด้วย เช่น กัญชา แอมเฟตามีนหรือเฮโรอีน ทำให้การเสพสารนี้กลายเป็นปัญหาระดับชาติที่สำคัญ ร่วมกับปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาเกี่ยวกับสงครามในเวียดนาม จึงได้มีการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดครั้งยิ่งใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา และได้มีการตั้งองค์กรเรียกสถาบันการศึกษาเรื่องยาเสพติดแห่งชาติ

Alinda C.

ฉันเชื่อว่าประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเข้าใจความเป็นมาของสังคมและโลก ประวัติศาสตร์ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ทำให้เราเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในอดีต เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button