วันนี้ในอดีต

24 ตุลาคม เหตุการณ์ตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีทตก 1929

24 ตุลาคม 2472 เกิดเหตุการณ์ “พฤหัสทมิฬ” (Black Thursday) หรือ “Wall Street Crash of 1929” เป็นวันที่ภาวะการซื้อขายหุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก (New York Stock Exchange – NYSE) ย่านถนนวอลสตรีท นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ถูกเทขายจนมีมูลค่าตกต่ำสุดขีด มีการเทขายหุ้นถึง 12.9 ล้านหุ้น

พฤหัสทมิฬ

เหตุการณ์ตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีทตก ค.ศ. 1929 (Wall Street Crash of 1929) เป็นเหตุการณ์ตลาดหลักทรัพย์ตกครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา นำไปสู่การพิจารณาขอบเขตและระยะเวลาของผลกระทบอย่างเต็มตัว เหตุการณ์ตลาดหลักทรัพย์ตกครั้งนี้ส่งสัญญาณถึงจุดเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่นาน 12 ปี ซึ่งมีผลกระทบต่อประเทศอุตสาหกรรมตะวันตกทั้งหมด และยังดำเนินต่อไปในสหรัฐอเมริกาจนกระทั่งการเริ่มต้นระดมของสหรัฐอเมริกาในสงครามโลกครั้งที่สอง ในปลาย ค.ศ. 1941

ลำดับเหตุการณ์

คริสต์ทศวรรษ 1920 เป็นช่วงเวลาแห่งความมั่งคั่งและเกินพอดี ตลาดได้เติบโตต่อเนื่องหกปี โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นห้าเท่า จนระดับสูงสุด 381.17 จุด เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1929 ไม่นานก่อนเหตุการณ์ นักเศรษฐศาสตร์ เอียร์วิง ฟิชเชอร์ ป่าวประกาศซึ่งมีชื่อเสียงในเวลาต่อมาว่า “มูลค่าหลักทรัพย์ได้ถึงระดับที่ดูเหมือนว่าถึงระดับราบสูงอย่างถาวรแล้ว”

วันที่ 24 ตุลาคม หรือเรียกว่า วันพฤหัสบดีทมิฬ ตลาดเสียมูลค่าไป 11% เมื่อตลาดเปิดทำการ โดยมีการขายอย่างหนัก นายธนาคารวอลล์สตรีทชั้นนำหลายคนประชุมกันเพื่อหาทางแก้ไขความตื่นตระหนกและความโกลาหลบนชั้นซื้อขาย ด้วยทรัพยากรทางการเงินของนายธนาคารอยู่เบื้องหลังเขา ริชาร์ด วิทนี รองประธานตลาดหลักทรัพย์ จัดการประมูลซื้อหลักทรัพย์เหล็กกล้าสหรัฐอเมริกาบล็อกใหญ่ในราคาสูงกว่าตลาดปัจจุบัน ขณะที่เทรดเดอร์เฝ้ามอง วิตนีได้จัดการประมูลที่คล้ายกันกับหลักทรัพย์ “ชิพน้ำเงิน” (blue chip) อื่น ๆ ยุทธวิธีนี้คล้ายกับที่ใช้เพื่อยุติวิกฤตการเงิน ค.ศ. 1907 ซึ่งทำให้หยุดการปรับลดลง ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ฟื้นตัว ปิดโดยปรับลดลงเพียง 6.38 จุด วันหนึ่ง อย่างไรก็ดี ไม่เหมือนกับใน ค.ศ. 1907 มาตรการนี้เกิดผลเพียงชั่วคราวเท่านั้น

ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เหตุการณ์นี้ได้รับรายงานในหนังสือพิมพ์ทั่วสหรัฐอเมริกา เมื่อถึงวันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม หรือ “วันจันทร์ทมิฬ” มีนักลงทุนตัดสินใจออกจากตลาดเพิ่ม และการปรับลดลงดำเนินต่อไปโดยทำสถิติการลดลงในดาวโจนส์วันเดียว 38 จุด หรือ 13% วันรุ่งขึ้น “วันอังคารทมิฬ” ซึ่งตรงกับวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1929 มีการซื้อขายหลักทรัพย์ประมาณ 16 ล้านหลักทรัพย์ และดาวโจนส์ลดลงอีก 30 จุด หรือ 12% มูลค่าของหุ้นที่ซื้อขายกันเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมนั้นเป็นสถิติอยู่นานถึงเกือบ 40 ปี ตลาดเสียมูลค่า 30,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในเวลาเพียงสองวัน

ตลาดยังคงปรับตัวลดลงจนถึงจุดต่ำสุดชั่วคราว (interim bottom) เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1929 โดยตลาดปิดที่ 198.60 จุด ตลาดฟื้นตัวเป็นเวลาหลายเดือนและแตะระดับปิดตัวสูงสุดครั้งที่สองที่ 294.07 จุด เมื่อวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 1930 ก่อนเริ่มลดลงอีกครั้งซึ่งกินเวลานานกว่าครั้งแรก จากเดือนเมษายน ค.ศ. 1931 ถึงเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1932 และตลาดดาวโจนส์ปิดที่ 41.22 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 และตลาดไม่กลับคืนสู่ระดับสูงสุดเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 1929 จนถึงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1954

อ่านต่อ

Alinda C.

ฉันเชื่อว่าประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเข้าใจความเป็นมาของสังคมและโลก ประวัติศาสตร์ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ทำให้เราเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในอดีต เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button