เรื่องน่าสนใจ

ประวัติกีฬาว่ายน้ำ กฎกติกา และประโยชน์

กีฬาว่ายน้ำ (Swimming) หลายคนก็คงอยากรู้จักกับประวัติกีฬาว่ายน้ำ และกฏกติกากีฬาว่ายน้ำ ให้มากขึ้นเพื่อความสนุกในการชม และเชียร์เวลามีการแข่งขัน

ประวัติกีฬาว่ายน้ำ

ประวัติกีฬาว่ายน้ำ

กีฬาว่ายน้ำ คือ ศิลปะอย่างหนึ่ง เพราะมนุษย์สามารถว่ายน้ำได้ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ที่ตั้งภูมิลำเนาอยู่ตามชายทะเล แม่น้ำ ลำคลอง และที่ราบลุ่มต่าง ๆ เช่น พวกเอสซีเรีย อียิปต์ กรีก และโรมัน มีการฝึกหัดว่ายน้ำกันมาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล เพราะมีผู้พบภาพวาดเกี่ยวกับการว่ายน้ำในถ้ำบนภูเขาแถบทะเลทรายลิบยาน

การว่ายน้ำในสมัยนั้นเพียงเพื่อให้สามารถว่ายน้ำข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ หรือเมื่อเกิดอุทกภัยน้ำท่วมป่าและที่อยู่อาศัยก็สามารถพาตัวไปในที่น้ำท่วมไม่ถึงได้อย่างปลอดภัย

การว่ายน้ำได้มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน แต่มีหลักฐานบันทึกไว้ไม่นานนัก Ralph Thomas ให้ชื่อแบบว่ายน้ำที่มนุษย์ใช้ว่ายกันมาตั้งแต่เดิมว่า ฮิวแมน สโตร์ก (Human stroke) นอกจากนี้พวกชนชาติสลาฟและพวกสแกนดิเนเวียรู้จักการว่ายน้ำอีกแบบหนึ่ง โดยใช้เท้าเคลื่อนไหวในน้ำคล้ายกบว่ายน้ำ หรือที่เรียกว่าฟล็อกคิก (Flogkick) แต่วิธีการเคลื่อนไหวของท่าแบบนี้จะทำให้ว่ายน้ำได้ไม่เร็วนัก

การแข่งขันว่ายน้ำครั้งแรกได้จัดขึ้น วูลวิช บาร์ท (Woolwich Baths) ใกล้กับกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 1873 การแข่งขันครั้งนั้นมีการแข่งขันเพียงแบบเดียวคือ แบบฟรีสไตล์ (Free style) โดยผู้ว่ายน้ำแต่ละคนจะว่ายแบบใดก็ได้ ในการแข่งขันครั้งนี้ J. Arhur Trudgen เป็นผู้ได้รับชัยชนะ โดยเขาได้ว่ายแบบเดียวกับพวกอินเดียแดงในอเมริกาใต้ คือแบบยกแขนกลับเหนือน้ำ ซึ่งเป็นวิธีการว่ายน้ำของเขาได้กลายเป็นแบบที่ได้รับความนิยมมากจนได้ชื่อว่า ท่าว่ายน้ำแบบทรัดเจน (Trudgen stroke)

ประชาชนชาวโลกได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการว่ายน้ำเพิ่มมากขึ้น เมื่อเรือเอก Mathew Webb ได้ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษจากเมืองโดเวอร์ คาเลียส เมื่อเดือนสิงหาคม 1875 โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 21 ชั่วโมง 45 นาที ด้วยการว่ายแบบกบ (Breast stroke) ข่าวความสำเร็จอันนี้ได้สร้างความพิศวงและตื่นเต้นไปทั่วโลก ต่อมาเด็กชาวอเมริกันชื่อ Gertude Ederle ได้ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษ เมื่อเดือนสิงหาคม 1926 ทำเวลาได้ 14 ชั่วโมง 31 นาที โดยว่ายน้ำแบบท่าวัดวา (Crawa stroke) จะเห็นได้ว่าในชั่วระยะเวลา 50 ปี

การว่ายน้ำได้วิวัฒนาการก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมาก ถ้าหากได้พิจารณาถึงเวลาของคนทั้งสองที่ทำได้ แบบและวิธีว่ายน้ำได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดความเร็วขึ้นเสมอ ในบรรดานักว่ายน้ำทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวแลนเคเชียร์และออสเตรเลีย ได้ดัดแปลงวิธีว่ายน้ำแบบทรัดเจน ซึ่งก็ได้รับผลดีในเวลาต่อมา กล่าวคือ Barney Kieran ชาวออสเตรเลียและ T. S. Battersby ชาวอังกฤษ ได้ว่ายน้ำแบบที่ปรับปรุงมาจากทรัดเจน เป็นผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศของโลก

Alex Wickham ชาวเกาะโซโลมอนเป็นผู้ริเริ่มการว่ายน้ำแบบท่าวัดวาและเป็นผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศของโลก ระยะทาง 50 หลา เขาได้กล่าวว่าเด็กโซโลมอนทุกคนว่ายน้ำแบบนี้ทั้งนั้น ต่อมาท่าว่ายน้ำแบบวัดวาจึงเป็นที่นิยมฝึกหัดกันโดยทั่วไป

กีฬาว่ายน้ำได้จัดเข้าไว้ในการแข่งขันโอลิมปิกเมื่อปี 1893 และได้จัดการแข่งขันมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุดังกล่าวกีฬาว่ายน้ำก็ได้รับความสนใจจากคนทั่วไป และถือเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก มีการพัฒนากีฬาว่ายน้ำให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นเป็นลำดับ โดยมีผู้คิดแบบและประเภทของการว่ายน้ำเพื่อความสนุกสนาน และความตื่นเต้นในการแข่งขันมากขึ้น

กีฬาว่ายน้ําในประเทศไทย

กีฬาว่ายน้ําในประเทศไทย

สำหรับกีฬาว่ายน้ำในประเทศไทย มีการจดทะเบียนสมาคมว่ายน้ำสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ต่อกรมตำรวจเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 1959 โดยมี พล.ร.ท.สวัสดิ์ ภูติอนันต์ เป็นนายกสมาคมฯ คนแรก ก่อนที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกของสหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ ปี 1961

อย่างไรก็ตาม ปี 2005 สมาคมว่ายน้ำสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น สมาคมว่ายน้ำแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนกีฬาทางน้ำหลายชนิดทั้งว่ายน้ำ, กระโดดน้ำ, โปโลน้ำ และระบำใต้น้ำ

ส่วนการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำในปัจจุบัน มีการแข่งขันกันหลากหลายประเภท แยกประเภทการแข่งขันจากท่าการว่าย, ระยะทาง, การว่ายคนเดียวหรือการว่ายเป็นทีม (ว่ายผลัด)

กติกากีฬาว่ายน้ํา

กติกากีฬาว่ายน้ํา

การตัดสิน

ลำดับที่ผู้แข่งขันทุกคนจะกำหนดโดยการเปรียบเทียบเวลาที่เป็นทางการของแต่ละคนถ้าเวลาทางการเท่ากันหลาย ๆ คน ก็ให้ลำดับที่เท่ากันในรายการนั้น ๆ ได้

ผู้ควบคุมการแข่งขัน

  • ผู้ตัดสินชี้ขาด 1 คน
  • กรรมการดูฟาวล์ 4 คน
  • ผู้ปล่อยตัว 2 คน
  • หัวหน้ากรรมการดูการกลับตัว (อยู่คนละด้านของสระ) 2 คน
  • กรรมการดูการกลับตัว (อยู่คนละด้านของสระ) 2 คน
  • หัวหน้าผู้บันทึก 1 คน
  • ผู้บันทึก 1 คน
  • ผู้รับรายงานตัว 2 คน
  • กรรมการเชือกฟาวล์ 1 คน
  • ผู้ประกาศ 1 คน

จากการแข่งขันไม่สามารถใช้อุปกรณ์แบบอัตโนมัติได้ จะต้องมีการแต่ตั้งกรรมการเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้น คือ

  • หัวหน้าผู้จับเวลา 1 คน
  • ผู้จับเวลาลู่ละ 3 คน (กรรมการจับเวลาสำรอง 2 คน)
  • หัวหน้าเส้นชัย 1 คน
  • กรรมการเส้นชัย (อย่างน้อย) 1 คน

กีฬาว่ายน้ํามีกี่ประเภท

  • ฟรีสไตล์ 50 เมตร, 100 เมตร, 200 เมตร, 400 เมตร, 800 และ 1,500 เมตร
  • กรรเชียง 50 เมตร, 100 เมตร และ 200 เมตร
  • กบ 50 เมตร, 100 เมตร และ 200 เมตร
  • ผีเสื้อ 50 เมตร, 100 เมตร และ 200 เมตร
  • เดี่ยวผสม 200 เมตร และ 400 เมตร
  • ผลัดฟรีสไตล์ 4 x 100 เมตร และ 4 x 200 เมตร
  • ผลัดผสม 4 x 100 เมตร

กีฬาว่ายน้ํามีทั้งหมดกี่ท่า

  • ท่าฟรีสไตล์ : เป็นท่าว่ายอย่างไรก็ได้ ขอให้ต่างจากท่าผีเสื้อ ท่ากบ และท่ากรรเชียง ซึ่งส่วนมากที่เห็นกันคือ การสาวมือว่ายสลับกันไปมาซ้ายขวา
  • ท่าผีเสื้อ : เป็นการว่ายแบบคว่ำหน้า มือทั้งสองข้างจะต้องยกเหนือน้ำพร้อมกัน
  • ท่ากบ : เป็นท่าว่ายแบบคว่ำหน้า มือทั้งสองข้างต้องพุ้งไปข้างหน้าพร้อมกัน ส่วนข้อศอกอยู่ใต้ผิวน้ำ พร้อมกับเตะเท้าไปด้านหลังด้วย ถือว่าเป็นท่าที่ว่ายได้ช้าที่สุด
  • ท่ากรรเชียง : เป็นท่าว่ายแบบนอนหงาย มือสองข้างสลับกันสาวน้ำ เพื่อให้เคลื่อนตัวไปข้าง

ประโยชน์ของกีฬาว่ายน้ํา

  • เพียงไหว้น้ำด้วยความเร็วสม่ำเสมอ เป็นเวลา 30 นาที สามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 200-350 แคลลอรี่
  • การว่ายน้ำช่วยเบิร์นพลังงานได้มากถึง 3 แคลอรีต่อไมค์ ต่อน้ำหนักตัว 1 สปอนด์
  • การออกกำลังกายในน้ำ 30 นาที มีค่าเท่ากับการออกกำลังกายบนบกประมาณ 1 ชั่วโมง
  • ดีต่อหัวใจการว่ายน้ำดีตอหัวใจ เพราะเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ดีมาก และเป็นกีฬาที่เหมาะกับผู้สูงอายุ หญิงมีครรถ์ และคนที่กำลังฟื้นฟูร่างกายจากอาการบาดเจ็บ
  • ลดความเสี่ยง การว่ายน้ำเป็นประจำแค่ครั้งละ 30 นาที ช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตก่อนวันอันควร
  • เป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการบิลด์ความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
  • การว่ายน้ำช่วยลดรงกระแทกตามข้อต่อต่าง ๆ ได้มากถึง 90% เมื่อเทียบกับกีฬาชนิดอื่น ๆ
  • การว่ายน้ำสัปดาห์ละครั้ง ครั้งละ 30 นาที จะช่วยเพิ่มระดับพลังงานในร่างกายให้สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • การว่ายน้ำช่วยพิลด์กล้ามเนื้อแขน ขา และแกนกลางของเราให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
  • การว่ายน้ำเป็นการบริหารทุกส่วนในร่างกาย จึงทำให้มีการสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงแขน และ ขา อย่างเต็มที่ นั้นแปลว่าการว่ายน้ำเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button