
- ติดแกลม มาจากคำว่า Glamorous หมายถึง สวยงาม มีเสน่ห์ หรูหรา และน่าดึงดูด ในบริบทไทยหมายถึงการใช้ชีวิตที่ดูมีระดับ มีสไตล์ และหรูหรา ครอบคลุมทั้งการแต่งตัว การกิน การท่องเที่ยว และบุคลิกภาพ
- ทุกคนสามารถสร้างลุคแกลมได้ ไม่จำเป็นต้องมีเงินมากหรือซื้อของแบรนด์เนมเท่านั้น เพียงแค่เลือกใช้สิ่งที่มีอย่างชาญฉลาด ใส่ใจรายละเอียด ลงทุนกับไอเท็มคุณภาพ และที่สำคัญคือมีความมั่นใจในตัวเอง
- เทรนด์แกลมในปี 2568 หลากหลาย ตั้งแต่ Bold Glamour ที่กล้าแสดงออก Minimalist Glamour ที่เรียบหรู ไปจนถึง Vintage Glamour ที่ผสมผสานความคลาสสิกกับความทันสมัย สามารถเลือกสไตล์ที่เหมาะกับบุคลิกของตัวเองได้
- ความแกลมที่แท้จริงอยู่ที่ความมั่นใจ ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าหรือของใช้ราคาแพง แต่เป็นออร่า บุคลิกภาพ และวิธีการนำเสนอตัวเองที่แสดงออกถึงความรักและการให้คุณค่ากับตัวเอง ดังนั้นเริ่มต้นจากการดูแลตัวเอง มีสุขภาพที่ดี และมีความสุขกับสิ่งที่ทำ
ช่วงนี้เปิดโซเชียลมีเดียแทบไม่มีวันไหนที่ไม่เจอคำว่า “ติดแกลม” ไม่ว่าจะเป็นในคอมเมนต์ใต้รูปดารา แคปชั่นโพสต์ของอินฟลูฯ หรือแม้แต่การแชทกับเพื่อนๆ คำนี้กลายเป็นหนึ่งในศัพท์โซเชียลที่ฮิตที่สุดในปี 2568 จนหลายคนอาจสงสัยว่าคำว่า “ติดแกลม” มันแปลว่าอะไร มาจากไหน และใช้ยังไงให้ถูกต้อง
คำว่า ติดแกลม มาจากภาษาอังกฤษคำว่า “Glamorous” ซึ่งมีความหมายว่า สวยงาม มีเสน่ห์ น่าดึงดูด หรูหรา และดูแพง แต่เมื่อนำมาใช้ในบริบทภาษาไทย ติดแกลมไม่ได้หมายความแค่การแต่งตัวสวยเท่านั้น มันครอบคลุมไปถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตทั้งหมด ตั้งแต่การแต่งตัว การทานอาหาร การท่องเที่ยว ไปจนถึงการวางตัวในชีวิตประจำวัน ทำให้คำนี้กลายเป็นมากกว่าแค่ศัพท์แฟชั่น แต่เป็นสไตล์การใช้ชีวิตที่หลายคนปรารถนา
บทความนี้จะพาไปไขความหมายของคำว่า ติดแกลม อย่างละเอียด ตั้งแต่ที่มา ความหมาย วิธีการใช้ ไปจนถึงเคล็ดลับในการสร้างลุคและไลฟ์สไตล์แบบแกลมสุดปังที่ทุกคนสามารคทำได้ พร้อมยกตัวอย่างเทรนด์แฟชั่นและการใช้ชีวิตสไตล์แกลมที่กำลังมาแรงในปี 2568
ติดแกลม แปลว่าอะไร? ความหมายที่แท้จริง
ติดแกลม หรือ Glam มาจากคำเต็มว่า “Glamorous” ซึ่งเป็นคำภาษาอังกฤษที่มีรากศัพท์มาจากภาษาสก็อตแลนด์โบราณ หมายถึงเสน่ห์มนต์ขลังหรือความลึกลับที่ดึงดูดผู้คน โดยในศตวรรษที่ 20 คำนี้ได้พัฒนาไปสู่ความหมายสมัยใหม่ที่เกี่ยวข้องกับความสวยงาม หรูหรา และความมีระดับ โดยเฉพาะในวงการบันเทิงฮอลลีวูดและวงการแฟชั่นระดับโลก
ในบริบทของภาษาไทยและการใช้ในโซเชียลมีเดีย ติดแกลม มีความหมายว่า ติดสวย ติดหรู ติดของแพง แต่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การแต่งตัวหรือรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น มันรวมถึงการใช้ชีวิตที่ดูมีระดับ มีสไตล์ และเต็มไปด้วยความหรูหรา เช่น การกินอาหารในร้านไฟน์ไดนิ่ง การเดินทางโดยเฟิร์สคลาส การเข้าพักโรงแรมหรู หรือการมีไอเท็มของแบรนด์เนมดังๆ
คำนี้ไม่ได้มีความหมายเชิงบวกหรือเชิงลบแน่ชัด ขึ้นอยู่กับบริบทการใช้ บางครั้งอาจใช้เพื่อชมว่ามีสไตล์และเป็นที่น่าชื่นชม บางครั้งก็อาจใช้เพื่อแซวหรือเสียดสีว่าใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยเกินไป แต่โดยรวมแล้ว ติดแกลมมักจะถูกใช้ในเชิงบวก เป็นการแสดงออกถึงความชื่นชอบในสไตล์การใช้ชีวิตที่ดูมีเสน่ห์และน่าดึงดูด ตามที่ Sanook ได้อธิบายไว้ว่า ติดแกลมคือการอธิบายลักษณะการใช้ชีวิตแบบหรูหรา ยิ่งใหญ่ ดูแพง
สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือ คำที่ถูกต้องควรสะกดว่า “ติดแกลม” ด้วย ล.ลิง ไม่ใช่ “ติดแกรม” ด้วย ร.เรือ เพราะมาจาก Glamorous ไม่ใช่ Instagram หรือ Grammar แต่ด้วยความที่คนไทยชอบเล่นคำและสร้างความสนุกสนานในการสื่อสาร บางครั้งจึงอาจเห็นการสะกดผิดๆ ถูกๆ แต่การสะกดที่ถูกต้องและได้รับการยอมรับควรเป็น “ติดแกลม”
เทรนด์การใช้คำว่า ติดแกลม เริ่มแพร่หลายในช่วงต้นปี 2024 และกลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็วในทุกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น TikTok, Instagram, Twitter/X, และ Facebook โดยมีการใช้ในหลากหลายบริบท ตั้งแต่การชมการแต่งตัวของคนอื่น ไปจนถึงการโพสต์เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของตัวเอง ทำให้คำนี้กลายเป็นหนึ่งในศัพท์วัยรุ่นและศัพท์โซเชียลที่ทุกคนควรรู้จักในยุคนี้
ที่มาและวิวัฒนาการของคำว่า Glamorous
คำว่า Glamorous มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจย้อนหลังไปหลายศตวรรษ ในยุคศตวรรษที่ 18 คำนี้ยังมีความหมายเกี่ยวกับเวทมนตร์และเสน่ห์มนต์ขลัง แต่เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในยุคทองของฮอลลีวูด (1920s-1960s) คำว่า glamour ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา ความมีเสน่ห์ และความโดดเด่นทางรูปลักษณ์ ตามที่ Harper’s Bazaar ได้อธิบายว่า glamour คือความสามารถในการเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นบุคคลในฝัน
ดาราฮอลลีวูดในยุคนั้นอย่าง Marilyn Monroe, Audrey Hepburn, Grace Kelly, และ Elizabeth Taylor ล้วนเป็นไอคอนของความแกลมที่ไม่มีวันตาย พวกเธอไม่ได้แค่สวยหรือมีชื่อเสียง แต่มีสไตล์การแต่งตัว การเดิน การพูด และบุคลิกภาพที่ดึงดูดใจผู้คน จนกลายเป็นต้นแบบของความแกลมที่ผู้คนทั่วโลกต้องการเลียนแบบ แฟชั่นในยุคนั้นเน้นความหรูหรา ความประณีต ชุดราตรีที่เจิดจรัส เครื่องประดับเพชรพลอย และการแต่งหน้าที่สมบูรณ์แบบ
ในช่วงทศวรรษ 1970s-1980s ความแกลมได้พัฒนาไปในอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นยุคของ Glam Rock ที่นำโดยดาราอย่าง David Bowie, Queen, และ Elton John ที่นำเสนอความแกลมในแบบที่เกินจริง (over-the-top) ด้วยชุดที่มีกลิตเตอร์ สีสันสดใส และแต่งหน้าอย่างเข้มข้น เป็นการผสมผสานระหว่างความหรูหราและความกล้าแสดงออกทางเพศภาพ ทำให้ความแกลมไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความสวยงามแบบดั้งเดิม แต่ขยายไปสู่การแสดงออกทางศิลปะและอัตลักษณ์
เข้าสู่ยุค 1990s-2000s ความแกลมได้กลับมาในรูปแบบของ Supermodels อย่าง Naomi Campbell, Cindy Crawford, และ Kate Moss ที่กลายเป็นไอคอนแฟชั่นยุคใหม่ พร้อมกับการเติบโตของแบรนด์แฟชั่นหรูระดับโลกอย่าง Gucci, Versace, และ Chanel ที่นำเสนอความแกลมในรูปแบบที่หลากหลาย ตั้งแต่ความหรูหราแบบคลาสสิก ไปจนถึงความเซ็กซี่และกล้าแสดงออก
ในปัจจุบัน ความแกลมได้วิวัฒนาการไปอีกขั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้มีชื่อเสียงหรือคนรวยเท่านั้น ด้วยการเกิดขึ้นของโซเชียลมีเดียและวัฒนธรรมอินฟลูเอนเซอร์ ใครก็สามารถสร้างลุคแกลมและนำเสนอไลฟ์สไตล์แบบแกลมได้ ทำให้คำว่า “ติดแกลม” ในบริบทไทยกลายเป็นศัพท์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวไปงานเลี้ยง การถ่ายรูปโพสต์โซเชียล หรือแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันที่มีสไตล์
การที่คำว่า ติดแกลม กลายมาเป็นเทรนด์ในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและ Gen Z ที่ให้ความสำคัญกับการแสดงออกผ่านรูปลักษณ์และไลฟ์สไตล์บนโซเชียลมีเดีย พวกเขาต้องการนำเสนอตัวตนในแบบที่มีเอกลักษณ์ มีสไตล์ และดูมีความโดดเด่น ซึ่งคำว่า “ติดแกลม” สามารถสื่อความหมายเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนและสนุกสนาน
การใช้คำว่า ติดแกลม ในบริบทต่างๆ
คำว่า ติดแกลม สามารถนำไปใช้ได้ในหลากหลายสถานการณ์ ขึ้นอยู่กับบริบทและน้ำเสียงของผู้พูด โดยทั่วไปแล้วจะใช้เพื่ออธิบายสิ่งที่ดูหรูหรา มีสไตล์ หรือดูแพง ไม่ว่าจะเป็นคน สถานที่ ของใช้ หรือแม้แต่ประสบการณ์ต่างๆ นี่คือตัวอย่างการใช้คำว่า ติดแกลม ในบริบทต่างๆ
- การแต่งตัว เป็นบริบทที่พบบ่อยที่สุด เช่น “วันนี้แต่งตัวติดแกลมจัดเต็มเลย” หมายถึงการแต่งตัวอย่างมีสไตล์ ดูดี ดูแพง อาจจะเป็นการใส่ชุดราตรี ใส่เครื่องประดับเพชร หรือแต่งตัวด้วยไอเท็มจากแบรนด์เนม การใช้เสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าหรูหราอย่างผ้าไหม ผ้าซาติน หรือผ้ากำมะหยี่ ก็ถือเป็นการสร้างลุคแกลมได้เช่นกัน เหมือนกับสไตล์แฟชั่นที่เราเห็นในบทความเกี่ยวกับแบรนด์เนมระดับโลก ที่นำเสนอความหรูหราและมีระดับ
- ไลฟ์สไตล์การกิน เช่น “ช่วงนี้ใช้ชีวิตติดแกลมไปหน่อย ไปทานอาหารร้านหรูทุกวัน” หมายถึงการใช้ชีวิตที่ดูฟุ่มเฟือยหรูหรา ทานอาหารในร้านราคาแพง ไฟน์ไดนิ่ง หรือร้านอาหารชื่อดังที่มีบรรยากาศสวยงาม การถ่ายรูปอาหารที่จัดจานสวยงามแล้วโพสต์ลงโซเชียล ก็เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์แกลมที่หลายคนชื่นชอบ
- การท่องเที่ยว เช่น “ทริปนี้ติดแกลมมาก พักโรงแรม 5 ดาว บินเฟิร์สคลาส” หมายถึงการเดินทางท่องเที่ยวแบบหรูหรา สะดวกสบาย ใช้บริการระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นการเข้าพักโรงแรมหรู การบินในชั้นธุรกิจหรือชั้นหนึ่ง การไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวหรูหราหรือเอ็กซ์คลูซีฟ เป็นต้น
- ของใช้และไอเท็ม เช่น “กระเป๋าใบนี้ติดแกลมมาก แบรนด์เนมดังเลย” หมายถึงของใช้ที่ดูแพง มีแบรนด์ มีสไตล์ และดึงดูดความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า นาฬิกา เครื่องประดับ หรือแม้แต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การมีไอเท็มจากแบรนด์หรูเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของการใช้ชีวิตติดแกลม
- งานปาร์ตี้และอีเวนต์ เช่น “งานปาร์ตี้คืนนี้ทุกคนแต่งตัวติดแกลมกันหมด” หมายถึงงานที่มีบรรยากาศหรูหรา มีการแต่งตัวอย่างเป็นทางการหรือมีสไตล์ อาจจะเป็นงานเลี้ยงดินเนอร์ งานกาล่า งานแต่งงาน หรืองานเปิดตัวสินค้าระดับไฮเอนด์
- การแสดงออกทางบุคลิกภาพ เช่น “เธอเดินติดแกลมมาก มั่นใจดี” หมายถึงการมีท่าทาง การเดิน การพูดจา และบุคลิกภาพที่ดูมีเสน่ห์ มั่นใจ และดึงดูดความสนใจ แม้ไม่ได้แต่งตัวหรูหราก็ตาม แต่ถ้ามีออร่าและความมั่นใจ ก็สามารถสร้างความรู้สึกแกลมได้
นอกจากนี้ยังมีการใช้คำว่า ติดแกลม ในเชิงแซวหรือเสียดสี เช่น “ติดแกลมจนกระเป๋าแบน” หมายถึงการใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยเพื่อให้ดูมีระดับ จนทำให้เงินหมด หรือ “ติดแกลมแต่ขับรถเก๋งเก่า” เป็นการแซวคนที่พยายามสร้างภาพลักษณ์ที่หรูหรา แต่ความเป็นจริงอาจไม่ได้หรูหราอย่างที่แสดงออกมา อย่างไรก็ตาม การใช้ในเชิงเสียดสีนี้มักจะทำในลักษณะที่สนุกสนานและไม่ร้ายแรงเกินไป
สิ่งสำคัญคือการเข้าใจบริบทและน้ำเสียงของการใช้ คำว่า ติดแกลม สามารถเป็นทั้งคำชม คำเสียดสี หรือแค่การพรรณนาสิ่งที่เห็น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดและผู้ฟัน แต่โดยรวมแล้วคำนี้ได้รับการยอมรับในเชิงบวก และกลายเป็นส่วนหนึ่งของภาษาวัยรุ่นไทยในยุคปัจจุบัน
เทรนด์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์แกลมในปี 2568
เทรนด์แฟชั่นแบบแกลมในปี 2568 มีความหลากหลายและน่าสนใจมาก โดยได้รับอิทธิพลจากทั้งสไตล์คลาสสิกย้อนยุคและการออกแบบร่วมสมัย ตามที่ Style Rave ได้รายงานว่า Retro Glamour กำลังกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง โดยผสมผสานความหรูหราแบบย้อนยุคเข้ากับความทันสมัย
- Bold Glamour คือการแต่งตัวที่กล้าแสดงออก ใช้สีสันที่สดใส หรือใช้ชุดที่มีรายละเอียดโดดเด่น เช่น เลื่อม คริสตัล หรือผ้าที่มีความเงางาม การใช้โลหะสีทองหรือเงิน การแต่งตัวในสไตล์นี้เหมาะกับงานปาร์ตี้ งานกาล่า หรืองานที่ต้องการสร้างความประทับใจ ตัวอย่างเช่น ชุดราตรียาวที่มีเลื่อมทั้งตัว หรือชุดสูทแบบมินิมอลแต่ใช้ผ้าซาตินเงางาม
- Minimalist Glamour หรือที่เรียกว่า Quiet Luxury คือความหรูหราที่ซ่อนอยู่ในความเรียบง่าย ใช้เสื้อผ้าที่มีดีไซน์เรียบๆ แต่ใช้ผ้าคุณภาพดี มีการตัดเย็บที่ประณีต และใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ สไตล์นี้เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ยังคงดูมีระดับและมีสไตล์ เช่น เสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีขาวคู่กับกางเกงทรงตรงสีกากี หรือชุดเดรสสีดำแบบเรียบแต่ทรงสวย
- Vintage Glamour การนำสไตล์แฟชั่นจากทศวรรษ 1920s-1980s มาดัดแปลงให้เหมาะกับยุคปัจจุบัน เช่น ชุดสไตล์ The Great Gatsby ยุค 1920s ที่มีเลื่อมและชายระบาย หรือชุดสไตล์ disco ยุค 1970s ที่มีกลิตเตอร์และผ้าเมทัลลิก การผสมผสานไอเท็มวินเทจกับชิ้นส่วนโมเดิร์นก็เป็นอีกวิธีสร้างลุคแกลมที่ไม่เหมือนใคร
- Glamorous Accessories การใช้เครื่องประดับและอุปกรณ์เสริมเป็นอีกวิธีที่ทำให้ลุคดูแกลมขึ้น ไม่ว่าจะเป็นต่างหูขนาดใหญ่ สร้อยคอเพชร ถุงมือยาว แว่นตาแฟชั่น หมวก หรือกระเป๋าคลัตช์ที่มีรายละเอียดสวยงาม ไอเท็มเหล่านี้สามารถเปลี่ยนชุดธรรมดาให้กลายเป็นชุดแกลมได้ทันที ในด้านไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตแบบแกลมในปี 2568 ไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนรวยเท่านั้น แต่เป็นการสร้างประสบการณ์พิเศษในชีวิตประจำวัน เช่น การตกแต่งบ้านให้มีสไตล์ด้วยการใช้โทนสีทองคำ เงิน หรือกระจก การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์สวยงามและผ้าหุ้มที่หรูหรา การจัดดอกไม้สดในบ้าน หรือการใช้เทียนหอมแบรนด์เนม
- Self-Care Glamour เป็นเทรนด์ที่เน้นการดูแลตัวเองอย่างหรูหรา เช่น การไปสปา การทำเล็บเจล การทำผม การใช้ผลิตภัณฑ์ beauty ระดับพรีเมียม หรือแม้แต่การสร้างมุม vanity corner ในบ้านเพื่อแต่งหน้าและดูแลผิวพรรณ การลงทุนกับการดูแลตัวเองถือเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์แกลมที่ได้รับความนิยม
- Social Media Glamour การสร้างคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียที่ดูแกลม ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปในสถานที่สวยๆ การเลือกมุมกล้องที่เหมาะสม การใช้ฟิลเตอร์ที่ทำให้รูปดูหรูหรา หรือการเขียนแคปชั่นที่มีสไตล์ เช่นเดียวกับแคปชั่นผู้หญิงดูแพง ที่สามารถเพิ่มความโดดเด่นให้กับโพสต์ การผสมผสานระหว่าง sustainable fashion กับความแกลมก็เป็นอีกเทรนด์ที่น่าสนใจ การเลือกซื้อเสื้อผ้าจากแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม การซื้อของ second-hand จากแบรนด์หรู หรือการ upcycle เสื้อผ้าเก่าให้กลายเป็นชิ้นใหม่ที่มีสไตล์ ทำให้การแต่งตัวแบบแกลมไม่ได้ขัดแย้งกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
สิ่งสำคัญที่สุดของเทรนด์แกลมในยุคนี้คือ การแสดงออกถึงความเป็นตัวตน การติดแกลมไม่ได้หมายความว่าต้องทำตามเทรนด์ทุกอย่าง แต่คือการหาสไตล์ที่เหมาะกับตัวเอง มีความมั่นใจ และกล้าแสดงออกถึงบุคลิกภาพที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นแกลมแบบสุดหรู แกลมแบบเรียบหรู หรือแกลมแบบสนุกสนาน ทุกสไตล์ล้วนมีคุณค่าในตัวเองและสามารถสื่อถึงความเป็นตัวตนของแต่ละคนได้
เคล็ดลับสร้างลุคแกลมที่ใครๆ ก็ทำได้
การสร้างลุคแกลมไม่จำเป็นต้องมีเงินเป็นกอบเป็นกำ หรือต้องซื้อของแบรนด์เนมทั้งหมด หลักการสำคัญคือการเลือกใช้สิ่งที่มีอยู่อย่างชาญฉลาด เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ และมีความมั่นใจในตัวเอง นี่คือเคล็ดลับสร้างลุคแกลมที่ทุกคนสามารถทำได้
- เลือกเสื้อผ้าที่เน้นทรง (Silhouette) ให้สำคัญ การเลือกเสื้อผ้าที่ทรงดี ตัดเย็บเรียบร้อย และเหมาะกับรูปร่างของตัวเองจะทำให้ดูดีและมีระดับมากกว่าการใส่เสื้อผ้าราคาแพงแต่ทรงไม่เหมาะ เช่น ชุดเดรสทรงเอ ชุดสูทที่พอดีตัว หรือกางเกงขายาวทรงตรง ทรงเหล่านี้มักจะดูหรูหราและเป็นทางการ
- ใส่ใจรายละเอียด เช่น การรีดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย การเลือกสีที่เข้ากัน การใช้เข็มขัดหรืออุปกรณ์เสริมที่เหมาะสม หรือแม้แต่การใส่กลิ่นหอมที่ดี รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้สามารถยกระดับลุคให้ดูแกลมขึ้นได้มาก
- ลงทุนกับไอเท็มคลาสสิก (Investment Pieces) เลือกซื้อสิ่งที่มีคุณภาพดีและใช้ได้นาน เช่น เสื้อเบลเซอร์ดำ กระเป๋าหนังคุณภาพดี รองเท้าส้นสูงสีดำ หรือนาฬิกาดีไซน์เรียบง่าย ไอเท็มเหล่านี้อาจจะราคาสูงกว่า แต่สามารถใช้ได้หลายโอกาสและอายุการใช้งานยาวนาน
- การแต่งหน้าแบบแกลม ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้มทุกครั้ง แต่ควรเน้นจุดสำคัญ เช่น ใช้ลิปสติกสีสดใส ทาอายแชโดว์เล็กน้อย หรือใช้ไฮไลท์เตอร์เพื่อเพิ่มมิติให้กับใบหน้า ผิวที่ดูสุขภาพดีและเปล่งปลั่งก็เป็นรากฐานสำคัญของลุคแกลม ดังนั้นการดูแลผิวพรรณก็เป็นสิ่งสำคัญ
- เลือกสีที่เหมาะสม สีที่มักจะทำให้ดูแกลมคือ ดำ ขาว ทอง เงิน กรมท่า และสีแดง สีเหล่านี้มักจะดูหรูหราและมีระดับ แต่ถ้าชอบสีสันสดใส ก็สามารถใช้ได้ แต่ควรใช้อย่างมีหลักการ เช่น ใช้สีสดเป็น accent color และใช้สีเบสิกเป็นสีหลัก
- ดูแลรูปร่าง การมีรูปร่างที่ดูแข็งแรงและสุขภาพดีจะทำให้เสื้อผ้าทุกชุดดูดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องผอมมากหรือฟิตมาก แต่การออกกำลังกายสม่ำเสมอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้รูปร่างดูดีและมีพลังงาน
- ความมั่นใจคือกุญแจสำคัญ ไม่ว่าจะใส่อะไร ถ้ามีความมั่นใจ มีท่าทางที่ดี เดินตัวตรง ยิ้มแย้ม และมีสายตาที่มั่นคง จะทำให้ดูแกลมขึ้นทันที ความแกลมไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้าอย่างเดียว แต่อยู่ที่ออร่าและบุคลิกภาพของคนๆ นั้นด้วย
- เรียนรู้จากไอคอน ศึกษาสไตล์การแต่งตัวของคนดังหรือเซเลบริตี้ที่มีสไตล์แกลมที่ชอบ เช่น Audrey Hepburn, Grace Kelly, หรือดาราสมัยใหม่อย่าง Blake Lively, Zendaya หรือ Rihanna สังเกตว่าพวกเขาเลือกใส่อะไร ใช้สีอะไร และมีรายละเอียดอย่างไร แล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเอง
- ใช้โซเชียลมีเดียเป็นแรงบันดาลใจ ค้นหาคำว่า “glamorous style”, “glam look”, หรือ “how to look glamorous” บน Pinterest, Instagram, หรือ TikTok เพื่อหาไอเดียและแรงบันดาลใจ แต่อย่าลืมว่าการติดแกลมไม่ใช่การเลียนแบบใครเป๊ะๆ แต่คือการหาสไตล์ที่เหมาะกับตัวเอง
สุดท้าย การสร้างลุคแกลมคือการแสดงออกถึงความรักและความใส่ใจในตัวเอง มันไม่ใช่การอวดหรูหรา แต่คือการให้คุณค่ากับตัวเองและสร้างความสุขผ่านการแต่งตัวและการใช้ชีวิต ดังนั้นเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้รู้สึกดีและมั่นใจ แล้วค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
ทิ้งท้าย
ติดแกลม ไม่ใช่แค่คำศัพท์โซเชียลที่กำลังฮิตในปี 2568 แต่เป็นการแสดงออกถึงไลฟ์สไตล์และบุคลิกภาพที่หลายคนปรารถนา คำนี้มาจาก Glamorous ซึ่งหมายถึงความสวยงาม มีเสน่ห์ หรูหรา และน่าดึงดูด โดยในบริบทไทย ติดแกลมครอบคลุมทั้งการแต่งตัว การใช้ชีวิต และท่าทีที่ดูมีระดับและมีสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวด้วยชุดสวย การกินอาหารในร้านหรู การท่องเที่ยวแบบลักชูรี่ หรือแม้แต่การวางตัวที่มีความมั่นใจและเสน่ห์
สิ่งที่น่าสนใจคือ การติดแกลมในยุคปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนรวยหรือเซเลบริตี้เท่านั้น ทุกคนสามารถสร้างลุคและไลฟ์สไตล์แกลมได้ ไม่ว่าจะด้วยงบประมาณเท่าใด เพียงแค่เลือกใช้สิ่งที่มีอย่างชาญฉลาด ใส่ใจรายละเอียด และที่สำคัญที่สุดคือมีความมั่นใจในตัวเอง ความแกลมไม่ได้วัดกันที่ราคาของเสื้อผ้า แต่วัดกันที่ความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากภายในและวิธีการนำเสนอตัวเอง
การเข้าใจความหมายและการใช้คำว่า ติดแกลม อย่างถูกต้องจะช่วยให้สามารถสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ได้ดีขึ้น และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย การพัฒนาสไตล์การแต่งตัว หรือแม้แต่การใช้ชีวิตให้มีความสุขและมีคุณค่ามากขึ้น เหมือนกับเทรนด์อื่นๆ บนโซเชียล เช่น แคปชั่นวินเทจ หรือ สไตล์การแต่งตัวต่างๆ ที่ล้วนสะท้อนถึงการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์และความเป็นตัวตนของแต่ละคน
ดังนั้น ถ้าอยากจะใช้ชีวิตแบบติดแกลม ไม่ว่าจะเป็นวันธรรมดาหรือโอกาสพิเศษ เริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วยการใส่ใจในรูปลักษณ์ เลือกเสื้อผ้าที่ทำให้รู้สึกดี ดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญที่สุด มีความมั่นใจและรักตัวเอง เพราะนั่นคือความแกลมที่แท้จริงที่ไม่มีใครเอาไปได้ แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ ที่กำลังสงสัยว่า “ติดแกลม” คืออะไร หรือคอมเมนต์บอกเราว่าทุกคนมีสไตล์แกลมแบบไหนกันบ้าง!

![[รีวิว-เรื่องย่อ] Angel's Egg (1985) อนิเมะลึกลับสุดคลาสสิก](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/10/Review-angels-egg-1985.webp)

![[รีวิว-เรื่องย่อ] กาเหว่าคริสตัล | The Crystal Cuckoo (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-The-Crystal-Cuckoo-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] ต้นฉบับรุ่งอรุณแห่งความตาย | Dawn of the Dead (1978)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/10/Review-Dawn-of-the-Dead-1978.webp)
