รีวิวซีรีส์ไทย

[รีวิว-เรื่องย่อ] สาธุ ซีซั่น 2 เมื่อความละโมบไต่ขึ้นบันไดวัด

  • สาธุ ซีซั่น 2 กลับมาเข้มข้นและซับซ้อนกว่าซีซั่นแรก โดยเจาะลึกโครงการบุญใหญ่ การเมือง และความรุนแรงที่ทวีความรุนแรงขึ้น
  • การแสดงของทั้งสามนักแสดงนำยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการถ่ายทอดความขัดแย้งภายในของวิน และความโลภที่เพิ่มขึ้นของเกม
  • ซีรีส์ไม่หลีกเลี่ยงคำถามทางศีลธรรม และกล้าที่จะนำเสนอความจริงที่ไม่มีคำตอบง่ายๆ
  • แม้จะมีบางตอนที่เนื้อหาซับซ้อนเกินไปและจังหวะเรื่องชะลอตัว แต่โดยรวมแล้วซีซั่นนี้ยังคงดึงดูดและน่าติดตามอย่างมาก

เคยสงสัยไหมว่าเมื่อความโลภเจอกับความศรัทธา จะเกิดอะไรขึ้น? ซีรีส์สาธุ กลับมาในซีซั่น 2 พร้อมกับการยกระดับทุกอย่างให้ดาร์กและซับซ้อนกว่าเดิม หากซีซั่นแรกเป็นเรื่องของสามเพื่อนที่พยายามหาทางแก้หนี้ด้วยการเปลี่ยนวัดร่อแร่ให้กลายเป็นแหล่งรายได้ ซีซั่นสองนี้กลายเป็นเรื่องราวที่มีมิติใหญ่ขึ้น มีโครงการบุญเมกะ มีการเมือง มีอำนาจนอกระบบ และมีภัยคุกคามที่ทำให้ทุกอย่างตึงเครียดไปหมด

สามหนุ่ม วิน เกม และเดียร์ ที่เคยเป็นเพียงคนหลอกลวงเล็กๆ ตอนนี้ต้องเผชิญกับโลกที่ใหญ่กว่าและอันตรายกว่าที่คิด การตัดสินใจของพวกเขาไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ตัวเองอีกต่อไป แต่กระทบไปถึงคนบริสุทธิ์ที่ถูกดึงเข้ามาด้วยความเชื่อและความหวังที่จะได้บุญง่ายๆ ซีซั่นนี้ไม่ได้แค่เล่าเรื่องการฉ้อโกง แต่เจาะลึกไปถึงคำถามว่า เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น มนุษย์จะทำอะไรได้บ้าง?

ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกแง่มุมของ สาธุ ซีซั่น 2 ตั้งแต่การพัฒนาตัวละคร การกำกับที่ยกระดับขึ้น ไปจนถึงประเด็นทางศีลธรรมที่ซีรีส์พยายามสื่อสาร มาดูกันว่าซีรีส์ไทยเรื่องนี้จะทำให้เราได้เห็นด้านมืดของความศรัทธาและความโลภอย่างไร

ปั๊ป พัฒน์ชัย (ดล) / สาธุ ซีซั่น 2
ปั๊ป พัฒน์ชัย (ดล)

รีวิวและเรื่องย่อ สาธุ ซีซั่น 2

สาธุ ซีซั่น 2 เริ่มต้นด้วยบรรยากาศที่เปลี่ยนไปจากซีซั่นแรกอย่างชัดเจน หากซีซั่นแรกยังมีความตลกขบขันปนอยู่ ซีซั่นสองกลับมีน้ำหนักและความมืดมนมากขึ้น แผนการที่เริ่มจากการหาเงินมาใช้หนี้กลายเป็นเครือข่ายใหญ่ของโครงการบุญเมกะ ที่เกี่ยวพันกับนักการเมือง นายทุน และคนในแวดวงอำนาจที่ใช้วัดเป็นเครื่องมือหากิน สิ่งที่เริ่มต้นจากความหมดหนทางกลายเป็นวงจรของการโกหก หลอกลวง และความรุนแรงที่หนีไม่พ้น

วิน เกม และเดียร์ ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า เมื่อเข้าไปลึกในระบบนี้แล้ว การถอนตัวออกมาเป็นไปไม่ได้ง่ายๆ วิน ซึ่งเป็นสมองของกลุ่ม เริ่มรู้สึกหวาดกลัวและถูกหลอกหลอนด้วยสิ่งที่ตัวเองทำลงไป การแสดงของเจมส์ ธีรดนย์ในบทนี้ถ่ายทอดความขัดแย้งภายในได้อย่างน่าเชื่อถือ เราจะเห็นเขาพยายามหาทางออก แต่กลับถูกดึงลึกลงไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เขาคิดว่าจะหยุดได้ ก็มีเหตุการณ์บังคับให้ต้องทำต่อไป ซีรีส์ไม่ได้ปล่อยให้ตัวละครหลบหนีจากผลกระทบของการกระทำ และนั่นทำให้เรื่องราวมีน้ำหนัก

เกม แสดงโดย พีช พชร เปลี่ยนจากนักลงทุนที่เจ๊งกลายเป็นคนบงการเบื้องหลังที่โลภและสะเพร่ามากขึ้นเรื่อยๆ เขาเป็นตัวละครที่น่าสนใจเพราะเราจะเห็นว่าความโลภสามารถเปลี่ยนคนได้อย่างไร เกมไม่ใช่คนชั่วตั้งแต่ต้น แต่สถานการณ์และโอกาสที่เข้ามาทำให้เขาเลือกทางที่ผิด และเมื่อเลือกไปแล้ว เขาก็กลับไม่ได้ การแสดงของ พีช พชร แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป จนเราแทบไม่รู้ตัวว่าตัวละครนี้เปลี่ยนไปมากแค่ไหน

เดียร์ แสดงโดย แอลลี่ อชิรญา เป็นตัวละครที่ติดอยู่ระหว่างอุดมคติและความหมดหวัง เขาเป็นคนที่มีจิตใจดีที่สุดในกลุ่ม แต่กลับถูกดึงเข้าไปในวงจรนี้เพราะมิตรภาพและความจำเป็น ความลังเลและความรู้สึกผิดของเดียร์ทำให้ซีรีส์มีมิติทางอารมณ์ เขาเป็นเสมือนเสียงของผู้ชมที่อยากจะบอกว่าสิ่งที่พวกเขาทำมันผิด แต่ก็เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงต้องทำ การแสดงของเจมส์ให้น้ำหนักอารมณ์แก่ซีรีส์ในช่วงเวลาที่คนอื่นๆ พยายามหาเหตุผลให้กับการกระทำของตัวเอง

การกำกับของสาธุ ซีซั่น 2 ยกระดับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้กำกับใช้ความแตกต่างระหว่างความศักดิ์สิทธิ์ของวัดกับความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในนั้นเป็นเครื่องมือเล่าเรื่องที่ทรงพลัง ฉากในวัดที่มีแสงธูปริบหรี่ สีทองของพระพุทธรูป และความสงบเงียบของพิธีกรรม ทั้งหมดนี้ดูสวยงามและศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อซีรีส์ตัดไปยังฉากห้องหลังวัด ห้องประชุมที่มีแต่ควันบุหรี่ ไฟนีออนของเมือง และการคุกคามเบื้องหลัง ความแตกต่างนี้ทำให้เราเห็นภาพได้ชัดว่าสิ่งที่ดูศักดิ์สิทธิ์ข้างนอกกลับมีความมืดมนข้างใน

กล้องเคลื่อนไหวและหยุดอยู่ในจังหวะที่เหมาะสม มีบางฉากที่กล้องจ้องไปที่ใบหน้าของตัวละครนานพอที่จะทำให้เราเห็นความขัดแย้งภายใน มีบางฉากที่กล้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความตึงเครียด จังหวะการตัดต่อทำให้เราติดตามเรื่องได้อย่างไม่รู้สึกเบื่อ แม้จะมีบางตอนที่เรื่องราวซับซ้อน แต่การกำกับก็ช่วยให้เราเข้าใจได้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น

ฉากที่น่าประทับใจที่สุดคือฉากที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของวัดจากเงินบริจาค วัดที่เคยร่อแร่กลายเป็นวัดหรูหราด้วยทองคำและความอลังการ แต่กล้องก็ตัดไปยังใบหน้าของคนที่ถูกหลอก ความหวังในดวงตาของพวกเขา และความหวาดกลัวของวินที่รู้ว่าทุกอย่างนี้สร้างขึ้นจากการโกหก การใช้สัญลักษณ์ของวัดและความศรัทธาเป็นฉากหลังของเรื่องราวเกี่ยวกับการฉ้อโกงทำให้ซีรีส์มีความลึกซึ้งมากกว่าแค่เรื่องอาชญากรรมทั่วไป

พีช พชร (เกม) และ เจมส์ ธีรดนย์ (วิน) / สาธุ ซีซั่น 2
พีช พชร (เกม) และ เจมส์ ธีรดนย์ (วิน)

สิ่งที่ทำให้สาธุ ซีซั่น 2 โดดเด่นคือความกล้าที่จะตั้งคำถามทางศีลธรรมโดยไม่ให้คำตอบที่ง่าย ซีรีส์ไม่ได้บอกว่าตัวละครเหล่านี้เป็นคนดีหรือคนชั่ว แต่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ที่มีข้อจำกัด มีความอ่อนแอ และทำผิดพลาดเมื่อถูกผลักเข้าไปในสถานการณ์ที่ไม่มีทางออก บางครั้งเราก็รู้สึกเห็นใจพวกเขา แม้จะรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำมันผิด และนั่นคือความสำเร็จของการเขียนบท

ซีรีส์เจาะลึกว่าความศรัทธาและเงินสามารถบิดเบือนกันและกันได้อย่างไร เมื่อความศรัทธากลายเป็นสินค้าที่ซื้อขายได้ มันก็สูญเสียความหมายที่แท้จริงไป แต่ในขณะเดียวกัน ผู้คนก็ยังคงต้องการความหวังและความปลอบใจที่ศาสนาให้ ความขัดแย้งนี้ทำให้ซีรีส์มีความซับซ้อนและน่าสนใจ มันไม่ได้เพียงแค่ประณามการฉ้อโกง แต่ถามว่าทำไมคนถึงเชื่อ ทำไมคนถึงยอมให้ถูกหลอก และทำไมระบบนี้ถึงมีอยู่ได้

อีกหนึ่งธีมที่น่าสนใจคือความหมดหวังและการตัดสินใจ ตัวละครทุกคนในเรื่องต่างทำสิ่งที่พวกเขาทำเพราะรู้สึกว่าไม่มีทางเลือกอื่น วินทำเพราะหนี้สิน เกมทำเพราะความโลภ เดียร์ทำเพราะมิตรภาพ และแม้แต่คนที่มาบริจาคก็ทำเพราะหวังว่าจะได้บุญที่จะเปลี่ยนชีวิต ซีรีส์แสดงให้เห็นว่าเมื่อความหมดหวังมาเยือน คนเราสามารถหลอกตัวเองได้ว่าสิ่งที่ทำมันถูกต้อง แม้จะรู้ในใจว่ามันผิด

จุดเด่นของซีซั่นนี้คือการพัฒนาตัวละครที่มีความลึก การแสดงของนักแสดงทั้งสามคนหลักยังคงแข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ ช่วงเวลาที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกผิด ความกลัว และความสิ้นหวัง ทำให้เราเห็นถึงความเป็นมนุษย์ที่แท้จริง นักแสดงสมทบก็ทำหน้าที่ได้ดี โดยเฉพาะตัวละครนักการเมืองและนักธุรกิจที่มาเกี่ยวข้องกับโครงการ พวกเขาไม่ได้เป็นแค่ตัวประกอบ แต่มีมิติและแรงจูงใจของตัวเอง ซึ่งทำให้เรื่องราวรู้สึกสมจริงมากขึ้น

การเขียนบทที่ไม่หลีกเลี่ยงคำถามทางศีลธรรมที่ยากก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ซีรีส์ไม่ได้พยายามให้คำตอบที่ง่าย หรือพยายามทำให้ตัวละครดูดีขึ้นเพื่อให้ผู้ชมชอบ แต่กลับยอมรับว่าโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีคำตอบที่ชัดเจน และนั่นทำให้เรื่องราวมีพลังและน่าจดจำ การกำกับและการถ่ายภาพก็ยกระดับขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ซีซั่นนี้ดูมีคุณภาพและน่าติดตามมากขึ้น

เพชร เผ่าเพชร (พระเอกชัย) / สาธุ ซีซั่น 2
เพชร เผ่าเพชร (พระเอกชัย)

อย่างไรก็ตาม ซีรีส์ก็มีจุดอ่อนบางประการ ความทะเยอทะยานในการขยายเรื่องราวให้ใหญ่ขึ้นบางครั้งทำให้เนื้อหาซับซ้อนเกินไป มีบางตอนที่เรามีเครือข่ายของตัวละคร การสมคบคิด และการทรยศมากเกินไปจนทำให้เราตามไม่ทัน บางครั้งรู้สึกว่าต้องพยายามจดจำว่าใครกำลังร่วมมือกับใคร ใครกำลังหักหลังใคร และฝ่ายไหนกำลังได้เปรียบ ความซับซ้อนนี้ไม่ได้ทำให้เรื่องน่าเบื่อ แต่ทำให้เรารู้สึกหนักใจบ้างในบางตอน

อีกหนึ่งปัญหาคือจังหวะของเรื่อง มีบางตอนที่จังหวะเรื่องชะลอตัว โดยเฉพาะในช่วงกลางซีซั่น มีหลายซับพล็อตเกิดขึ้นพร้อมกัน และบางซับพล็อตก็ไม่ได้น่าสนใจเท่าที่ควร จังหวะที่เคยแหลมคมกลับกลายเป็นเชื่องช้า ความตึงเครียดลดลง และเราต้องรอให้เรื่องกลับมาดึงดูดความสนใจอีกครั้ง นี่ไม่ได้ทำลายซีซั่นทั้งหมด แต่ทำให้ผลกระทบบางส่วนลดน้อยลง

นอกจากนี้ บางทีแรงจูงใจของตัวละครบางตัวก็ดูเหมือนถูกปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะกับโครงเรื่องมากกว่าจะเป็นไปตามตัวละครจริงๆ มีบางฉากที่ตัวละครตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพราะเรื่องราวต้องการความตกใจ ไม่ใช่เพราะมันสมเหตุสมผลกับตัวละคร ช่วงเวลาเหล่านี้ทำให้ซีรีส์รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องราวที่ถูกขับเคลื่อนโดยพล็อตมากกว่าตัวละคร ซึ่งขัดกับความสำเร็จของส่วนอื่นๆ ที่ตัวละครรู้สึกจริงและมีมิติ

แอลลี่ อชิรญา (เดียร์) / สาธุ ซีซั่น 2
แอลลี่ อชิรญา (เดียร์)

สาธุ ซีซั่น 2 เป็นซีรีส์ที่ไม่กลัวที่จะพาผู้ชมไปในพื้นที่ที่ไม่สบายใจ ที่ความเชื่อผสมกับความโลภ ที่ความหมดหวังผลักดันให้คนทำในสิ่งที่พวกเขารู้ว่าผิด และที่ไม่มีคำตอบง่ายๆ สำหรับคำถามยากๆ ซีรีส์เรื่องนี้ถามว่า เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เราจะทำอะไรได้บ้าง? และคำตอบที่ได้กลับไม่ได้ทำให้เรารู้สึกสบายใจเลย

การพัฒนาตัวละครที่มีความลึก การแสดงที่น่าเชื่อถือ และธีมที่ท้าทายทำให้ซีซั่นนี้โดดเด่นและน่าจดจำ แม้จะมีบางตอนที่เนื้อหาซับซ้อนเกินไปและจังหวะเรื่องไม่สม่ำเสมอ แต่จุดแข็งของซีรีส์ก็ชดเชยจุดอ่อนเหล่านี้ได้ นี่ไม่ใช่ซีรีส์ที่จะปล่อยให้เราดูแบบสบายๆ แต่เป็นซีรีส์ที่ดึงเราเข้าไปในโลกที่มืดมนและบีบให้เราต้องเผชิญกับคำถามเกี่ยวกับธรรมชาติมนุษย์และสังคม

หลังจากจบตอนสุดท้าย เรารู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับความจริงที่โหดร้าย รู้สึกตกใจบ้าง แต่ก็ติดใจและอยากรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น สำหรับใครที่ชื่นชอบซีรีส์ไทยที่มีเนื้อหาลึก และไม่กลัวที่จะเจอคำถามที่ไม่มีคำตอบ สาธุ ซีซั่น 2 คือซีรีส์ที่ไม่ควรพลาด มาแชร์ความคิดเห็นกันในคอมเมนต์ว่าซีรีส์เรื่องนี้ทำให้เราคิดอย่างไรเกี่ยวกับความศรัทธาและความโลภในสังคม และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชื่นชอบซีรีส์แนวดราม่าที่เต็มไปด้วยความหมาย!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: สาธุ ซีซั่น 2
  • ชื่อเรื่องในภาษาอังกฤษ: The Believers ซีซั่น 2
  • ประเภท: ดราม่า, ระทึกขวัญ, อาชญากรรม
  • จำนวนตอน: ซีซั่น 2 มี 8 ตอน
  • นักแสดงนำ: พีช พชร (เกม), แอลลี่ อชิรญา (เดียร์), โดนัท มนัสนันท์ (สจ.เอ๋), ปั๊ป พัฒน์ชัย (ดล), เพชร เผ่าเพชร (พระเอกชัย), เจมส์ ธีรดนย์ (วิน)
  • ผู้กำกับ: วรรรนพงศ์ วงศ์วรรณ
  • เรตติ้ง IMDb: 7.8/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix

เมื่อความโลภไต่ขึ้นบันไดวัด

บทภาพยนตร์ - 7.8
การแสดง - 8.5
โปรดักชัน - 8.2
ความบันเทิง - 8
ความคุ้มค่าในการรับชม - 8.1

8.1

สาธุ ซีซั่น 2 กลับมาด้วยความเข้มข้นและซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น เจาะลึกโครงการบุญเมกะที่เต็มไปด้วยการเมืองและความรุนแรง การแสดงของทั้งสามนักแสดงนำยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการถ่ายทอดความขัดแย้งภายในและความรู้สึกผิดที่เพิ่มขึ้น ซีรีส์กล้าตั้งคำถามทางศีลธรรมโดยไม่ให้คำตอบง่ายๆ และนำเสนอธีมเรื่องความศรัทธา ความโลภ และความหมดหวังได้อย่างลึกซึ้ง แม้จะมีบางตอนที่เนื้อหาซับซ้อนเกินไปและจังหวะเรื่องชะลอตัว แต่โดยรวมแล้วซีซั่นนี้ยังคงดึงดูดและน่าติดตามอย่างมาก เหมาะสำหรับใครที่ชื่นชอบซีรีส์ที่มีเนื้อหาลึกและไม่กลัวที่จะเจอคำถามยากๆ

User Rating: Be the first one !

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button