รีวิวหนังเกาหลี

[รีวิว-เรื่องย่อ] A Taxi Driver (2017) หนังดราม่าประวัติศาสตร์เกาหลี

  • A Taxi Driver เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงเกี่ยวกับกบฏกวางจู เมื่อทหารปราบปรามประชาชนอย่างโหดร้าย
  • การแสดงของซงคังโฮในบทคิมมันซอบโดดเด่นมาก แสดงความเปลี่ยนแปลงจากคนธรรมดาเป็นฮีโร่ได้อย่างน่าประทับใจ
  • หนังสำรวจธีมการต่อสู้เพื่อความจริงและบทบาทของสื่อมวลชนในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์
  • ผู้กำกับจางฮุนนำเสนอเรื่องราวที่ตึงเครียดผสมอารมณ์ขันและดราม่าเข้มข้น

เคยสงสัยไหมว่าการเป็นคนธรรมดาที่บังเอิญเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ใหญ่โตในประวัติศาสตร์จะเป็นยังไง? หนัง A Taxi Driver (2017) ของผู้กำกับ จางฮุน (Jang Hoon) พาเราไปสัมผัสเรื่องจริงจากปี 1980 ในเกาหลีใต้ เมื่อเหตุการณ์ กบฏกวางจู กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ หนังเล่าเรื่องผ่านสายตาของคนขับแท็กซี่ธรรมดาที่ต้องเผชิญกับความโหดร้ายของรัฐบาลทหาร ด้วยการผสมผสานระหว่างดราม่าเข้มข้นและอารมณ์ขันเบาๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังนั่งรถแท็กซี่เข้าไปในใจกลางความวุ่นวาย

เรื่องราวเกิดขึ้นหลังจากรัฐประหารที่เราเห็นในหนังอย่าง 12.12: The Day เมื่อ ชุนดูฮวาน ยึดอำนาจและประกาศกฎอัยการศึก นักศึกษาที่เมืองกวางจูลุกขึ้นประท้วง แต่ถูกทหารปราบปรามอย่างรุนแรง หนังเริ่มต้นจาก คิมมันซอบ แสดงโดย ซงคังโฮ (Song Kang-ho) คนขับแท็กซี่พ่อม่ายที่กำลังลำบากเรื่องเงิน เมื่อเขาได้ยินงานขนส่งนักข่าวต่างชาติไปกวางจูด้วยเงินก้อนโต เขาก็รีบคว้าโอกาส แต่พอเข้าเมืองไปจริงๆ ก็เจอกับความจริงที่น่ากลัว ทหารกำลังสังหารหมู่ประชาชน และสื่อถูกปิดกั้น

ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่ตัวละครที่สร้างจากเรื่องจริง ไปจนถึงข้อความที่หนังอยากบอกเกี่ยวกับพลังของสื่อและความกล้าหาญของคนธรรมดา มาดูกันว่า A Taxi Driver จะทำให้เรารู้สึกยังไงกับประวัติศาสตร์มืดมนของเกาหลีใต้ และทำไมหนังเรื่องนี้ถึงกลายเป็นตำนานที่ยังน่าดูในปี 2025

รีวิวและเรื่องย่อ A Taxi Driver

A Taxi Driver เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในกรุงโซลปี 1980 ผ่านตัวละครหลักอย่าง คิมมันซอบ คนขับแท็กซี่ธรรมดาที่ชีวิตพลิกผันเมื่อรับงานพา ยูร์เกน ฮินซ์ปีเตอร์ นักข่าวชาวเยอรมัน แสดงโดย โธมัส เคร็ตช์มันน์ (Thomas Kretschmann) ไปยังเมืองกวางจูที่ถูกปิดล้อม คิมคิดแค่ว่าจะได้เงินก้อนโตเพื่อเลี้ยงลูกสาว แต่พอเข้าไปจริงๆ เขาก็ต้องเผชิญกับภาพน่าสยดสยองของการปราบปรามประชาชน หนังสร้างจากเรื่องจริงของฮินซ์ปีเตอร์ที่พยายามบันทึกภาพความจริงเพื่อบอกโลกภายนอก

แม้หนังจะแต่งเติมบางส่วน เช่น ชีวิตส่วนตัวของคิมที่ในความจริงฮินซ์ปีเตอร์แทบไม่รู้อะไรเลย แต่ส่วนสำคัญอย่างความโหดร้ายของทหารยังคงยึดตามประวัติศาสตร์จริง เราเหมือนได้เข้าไปในเหตุการณ์พร้อมตัวละคร เริ่มจากความไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วค่อยๆ เห็นความจริงที่โหดร้าย เหมือนรถแท็กซี่ค่อยๆ ขับลึกเข้าไปในนรกบนดิน หนังแสดงให้เห็นว่าคนกวางจูเองก็งงว่าทำไมรัฐบาลถึงโหดขนาดนี้ พวกเขาถูกฆ่าอย่างไม่เข้าใจเหตุผล

หนังเล่าเรื่องผ่านมุมมองของคนธรรมดา ทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดและเข้าใจง่าย คิมเริ่มจากคนเห็นแก่เงิน แต่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นคนที่ห่วงใยคนอื่น เหมือนเพื่อนเราที่บังเอิญเจอเรื่องใหญ่แล้วกลายเป็นฮีโร่โดยไม่ตั้งใจ การเล่าแบบนี้ช่วยให้หนังไม่หนักเกินไป แต่ยังคงความตึงเครียดไว้สูง

ซงคังโฮ (Song Kang-ho) คือหัวใจของหนังเรื่องนี้เลย เขาแสดงบทคิมมันซอบได้อย่างสมบูรณ์แบบ จากพ่อม่ายร่าเริงที่แค่หาเงินเลี้ยงลูก กลายเป็นคนที่เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือคนอื่น การแสดงของเขาทำให้เราอยากเอาใจช่วยให้เขารอดกลับไปหาลูกสาว แต่ก็อยากเห็นเขาเป็นฮีโร่ที่ช่วยคนขับแท็กซี่คนอื่นๆ ด้วย ฉากที่เขาตัดสินใจขับรถหนีพร้อมฟุตเทจข่าวคือจุดพีคที่ทำให้เราลุ้นตัวโก่ง

ส่วน โธมัส เคร็ตช์มันน์ ในบทฮินซ์ปีเตอร์ก็ทำได้ดี แต่ตัวละครนี้เหมือนเป็นเครื่องมือช่วยผลักดันคิมมากกว่า เราจะเห็นมิติของนักข่าวที่อยากเปิดโปงความจริง แต่หนังไม่ได้เจาะลึกมาก เหมือนเป็นตัวประกอบที่ช่วยให้เรื่องเดินหน้า หนังยังมีตัวละครสมทบอย่างคนขับแท็กซี่ในกวางจูที่ช่วยกันต่อสู้ ทำให้เราเห็นภาพรวมของความสามัคคีในยามวิกฤต

หนังหลีกเลี่ยงการเล่นใหญ่เรื่องอารมณ์ โดยปล่อยให้ภาพเหตุการณ์พูดแทน เหมือนที่คิมกับฮินซ์ปีเตอร์ทำสำเร็จในการนำความจริงออกสู่โลก มันแสดงพลังของสื่อมวลชนได้ชัดเจน และเน้นว่าผู้ประสบภัยคือคนธรรมดาที่ไร้อำนาจ เผชิญหน้ากับการกดขี่

หนังสำรวจธีมการต่อสู้เพื่อความจริงและบทบาทของคนธรรมดาในประวัติศาสตร์ใหญ่โต ผู้กำกับจางฮุน ที่เคยร่วมงานกับซงคังโฮในหนังเรื่องอื่นๆ นำเสนอเรื่องราวด้วยความสมดุลระหว่างดราม่าและความตึงเครียด เขาเพิ่มอารมณ์ขันจากตัวคิมเพื่อไม่ให้หนังหนักเกินไป แต่ยังคงความจริงจังในฉากรุนแรง เหมือนการขับรถผ่านพายุที่ค่อยๆ รุนแรงขึ้น

แม้หนังจะโฟกัสที่คิมมากเกินไป จนไม่ได้เล่าภาพรวมของเหตุการณ์กวางจูทั้งหมด แต่สิ่งนี้ทำให้เรื่องราวน่าติดตามและอารมณ์ร่วมสูง การกำกับสร้างความลุ้นระทึกได้ดี โดยเฉพาะฉากหลบหนีที่ทำให้เรารู้สึกว่าพวกเขาอาจไม่รอด แม้เราจะรู้ตอนจบจากประวัติศาสตร์จริงก็ตาม

หนังยังชวนคิดถึงพลังของสื่อที่สามารถเปลี่ยนโลกได้ เหมือนฟุตเทจของฮินซ์ปีเตอร์ที่ช่วยเปิดโปงความโหดร้าย มันเตือนเราว่าในยามที่รัฐบาลปิดกั้น ความกล้าหาญของคนธรรมดาคือสิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลง

A Taxi Driver (2017) คือหนังที่ทำให้เราตั้งคำถามกับประวัติศาสตร์มืดมนและพลังของคนตัวเล็กๆ หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความกล้าหาญของประชาชนที่ลุกขึ้นสู้ แม้จะเสี่ยงชีวิตก็ตาม เมื่อไม่มีสื่อเปิดโปง ความจริงก็ถูกฝังกลบ แต่หนังพิสูจน์ว่าคนธรรมดาอย่างคิมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง

สำหรับใครที่ชอบ หนังดราม่าประวัติศาสตร์ ที่ผสมความตึงเครียดและอารมณ์ขัน A Taxi Driver คือเรื่องที่ต้องดู มันจะทำให้เราได้คิดถึงบทบาทของสื่อและความสำคัญของการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม มาแชร์ความคิดเห็นในคอมเมนต์กันว่าหนังเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกยังไงกับเหตุการณ์กวางจู และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชื่นชอบหนังเกาหลีแนวจริงจังแต่สนุก!

  • ประเภท: ดราม่า, ประวัติศาสตร์, ระทึกขวัญ
  • วันที่ออกฉาย: 2 สิงหาคม 2560
  • นักแสดงนำ: ซงคังโฮ (Song Kang-ho), โธมัส เคร็ตช์มันน์ (Thomas Kretschmann)
  • ผู้กำกับ: จางฮุน (Jang Hoon)
  • ความยาว: 2 ชั่วโมง 17 นาที
  • เรตติ้ง IMDb: 7.9/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button