รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] เอเลี่ยน โคเวแนนท์ | Alien: Covenant (2017)

  • Alien: Covenant เป็นหนังที่แก้ไขข้อผิดพลาดจาก Prometheus โดยนำเสนอเรื่องราวที่เข้มข้นและน่ากลัวกว่าเดิม
  • การแสดงของไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ในบทเดวิด หุ่นยนต์สังเคราะห์ สร้างความลึกซึ้งให้กับธีมการเล่นพระเจ้าและการกำเนิดเอเลี่ยน
  • หนังผสมผสานองค์ประกอบจากภาคก่อนๆ แต่กำกับโดยริดลีย์ สก็อตต์ ที่ทำให้ฉากแอ็คชั่นดูสดใหม่และตื่นเต้น
  • แม้จะขาดความสดใหม่ แต่หนังทำหน้าที่หนังสยองขวัญได้ดี เหมาะสำหรับแฟนซีรีส์ Alien ที่อยากเห็นการพัฒนา

เคยรู้สึกผิดหวังจาก หนัง Prometheus ที่มันแบบ… เฮ้ย ทำไมไม่มันส์กว่านี้วะ? แต่พอมาดู Alien: Covenant (2017) มันเหมือนได้แก้ตัวเลยนะ หนังเรื่องนี้พัฒนาขึ้นชัดเจน เหมือนเป็นเวอร์ชั่นที่ Prometheus ควรจะเป็นตั้งแต่แรก ลองนึกภาพลูกเรือบนยาน Covenant ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังดาวใหม่เพื่อตั้งอาณานิคม แต่ดันเจอสัญญาณลึกลับ แล้วตัดสินใจแวะสำรวจดาวที่ดูเหมือนสวรรค์ แต่จริงๆ แล้วมันคือดาวมฤตยูเต็มไปด้วยอันตราย

เรื่องราวเริ่มต้นจากลูกเรือที่ตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล แล้วเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนไปยังดาวดวงนั้น ที่นั่นพวกเขาเจอเดวิด หุ่นยนต์สังเคราะห์ตัวเดียวที่รอดชีวิตจากภารกิจ Prometheus หนังพาเราไปสัมผัสความน่ากลัวแบบคลาสสิกของซีรีส์ Alien แต่เพิ่มมิติใหม่ๆ เข้าไป ทำให้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนดูภาคแรกๆ เลย

ในรีวิวนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของ หนัง Alien: Covenant ตั้งแต่จุดเด่นของการกำกับ การแสดงที่โดดเด่น ไปจนถึงธีมลึกซึ้งเกี่ยวกับการเล่นพระเจ้าและธรรมชาติของเอเลี่ยน มาดูกันว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้เรากลับมารักซีรีส์ Alien ได้ยังไงบ้าง

รีวิวและเรื่องย่อ Alien: Covenant (เอเลี่ยน โคเวแนนท์)

Alien: Covenant เล่าเรื่องลูกเรือบนยาน Covenant ที่กำลังจะไปตั้งอาณานิคมบนดาวห่างไกล แต่ดันเจอสัญญาณเพลงลึกลับจากดาวดวงอื่นที่ดูเหมือนสวรรค์บริสุทธิ์ พวกเขาตัดสินใจแวะลงไปสำรวจ แต่จริงๆ แล้วดาวนั้นเต็มไปด้วยอันตรายมืดมิด และมีผู้อยู่อาศัยเพียงคนเดียวคือเดวิด หุ่นยนต์จากภารกิจ Prometheus ที่รอดชีวิตมาได้ เรื่องราวค่อยๆ เผยให้เห็นความลับดำมืดเกี่ยวกับการกำเนิดของเอเลี่ยน

หนังเริ่มต้นด้วยภารกิจที่ถูกขัดจังหวะ แล้วลูกเรือเจอยานเอเลี่ยนลึกลับ บางคนเริ่มล้มป่วย แล้วสัตว์ประหลาดน่ากลัวก็ทะลุออกมาจากร่าง เหมือนภาคแรกที่รีเมคเลย แต่หนังไม่หยุดแค่นั้น มันพัฒนาไปสู่การไล่ล่าบนยานที่ระเบิด และทุกคนต้องรวมตัวในที่ที่คิดว่าปลอดภัย แต่จริงๆ ไม่ใช่ เหมือนผสม Aliens กับ Alien 3 เข้าด้วยกัน

สุดท้าย หนังจบด้วยการย้อนกลับไปสู่รากเหง้าของภาคแรก ผู้รอดชีวิตต้องเผชิญหน้ากับการกำจัดมอนสเตอร์ตัวสุดท้ายบนยาน แต่สิ่งที่แตกต่างคือ ริดลีย์ สก็อตต์ เล่าเรื่องให้ออกมาสดใหม่ ฉากที่สิ่งมีชีวิตปะทุออกจากอกไม่ได้มีแค่ความสยองขวัญ แต่ยังเต็มไปด้วยความหมาย โดยเฉพาะมุมมองระหว่างสิ่งมีชีวิตกับผู้สร้าง

ริดลีย์ สก็อตต์ กลับมากำกับ Alien: Covenant ด้วยมุมมองใหม่ ทำให้ฉาก ซีโนมอร์ฟ ดูน่ากลัวกว่าที่เคย เขาเน้นการตีความคลาสสิกขึ้นมาใหม่ เช่น ฉากที่ Daniels (แคเธอรีน วอเตอร์สตัน) ต่อสู้กับ ซีโนมอร์ฟ บนแพลตฟอร์มที่ไม่มั่นคง ซึ่งให้ความตื่นเต้นเหมือนกับตอนที่ริปลีย์สู้กับราชินีในเรื่อง Aliens แต่เพิ่มความลุ้นระทึกจนแทบไม่ให้หายใจ

แม้ว่าโครงเรื่องจะหยิบมาจากภาคก่อนๆ อยู่บ้าง แต่การกำกับทำให้หนังไม่น่าเบื่อ ทุกจุดหักเหอาจพอเดาได้ แต่การถ่ายทำทำให้เกิดความเซอร์ไพรส์จากมุมกล้องและจังหวะ ถ้าเป็นผู้กำกับคนอื่นอาจออกมาแป้ก แต่สก็อตต์ทำให้มันทั้งกระชับและสนุก

หนังยังเชื่อมโยงกับ Prometheus โดยแก้ปมที่ค้างไว้ให้ลงตัว แต่ธีมเรื่องการท้าทายพระเจ้าด้วยการที่มนุษย์สร้างหุ่น และหุ่นสร้างเอเลี่ยน มันไม่สดใหม่เท่าไหร่ ออกไปทางขี้เกียจเล็กน้อย แต่โดยรวมยังทำงานได้ดีเพราะเน้นแอ็กชันมากกว่าธีม

ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ในบทเดวิด คือจุดเด่นสุดของ หนัง Alien: Covenant เขาถ่ายทอดหุ่นยนต์ที่เล่นพระเจ้าได้อย่างลึกซึ้ง มันทำให้เราได้เห็นด้านมืดของการสร้างชีวิต ฉากที่เดวิดโต้ตอบกับสิ่งมีชีวิตนั้นเต็มไปด้วยความหมาย เหมือนเป็นอุปมาเปรียบกับมนุษย์ที่พยายามควบคุมธรรมชาติ แต่สุดท้ายกลับถูกกลืนกินเอง

แคเธอรีน วอเตอร์สตัน ในบท Daniels แสดงได้ดีราวกับเป็น Ripley เวอร์ชั่นใหม่ เธอถ่ายทอดทั้งความกล้าหาญและความฉลาดในการเอาตัวรอด ทำให้คนดูเอาใจช่วยตลอดเรื่อง ส่วนบิลลี ครูดัพ ในบทกัปตัน ก็ช่วยเสริมให้ทีมลูกเรือดูสมจริงมากขึ้น

แต่ตัวละครอื่นอาจไม่เด่นเท่าเดวิด เพราะหนังโฟกัสไปที่เขาและธีมใหญ่ๆ ทำให้บางคนรู้สึกจืดชืด แต่โดยรวม การแสดงช่วยยกหนังให้สูงขึ้นจาก Prometheus

หนัง Alien: Covenant สำรวจธีมการเล่นพระเจ้าและการกำเนิดเอเลี่ยน โดยเชื่อมโยงกับ Weyland แต่ไอเดียนี้ไม่จำเป็นสำหรับแฟรนไชส์ มันเหมือนยัดเยียดเข้ามา ทำให้รู้สึกไม่สมเหตุสมผลเล็กน้อย เหมือนไม่ใช่สิ่งที่ซีรีส์ต้องการเพื่อเดินหน้าต่อ

อย่างไรก็ตาม ถ้าแยกจาก Prometheus หนังเรื่องนี้ถือว่าดีมาก มันทำออกมาได้อย่างมีฝีมือ และไม่ติดอยู่กับธีมหนักเกินไป ทำให้สนุกในฐานะหนังเดี่ยว แต่จุดด้อยคือขาดความแปลกใหม่ เพราะเป็นการผสมจากภาคเก่าๆ

หนังทำให้เราคิดถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่พยายามสร้างสวรรค์แต่กลับลงเอยด้วยนรก เหมือนคำถามเชิงวาทศิลป์ว่า ถ้าเราเล่นเป็นพระเจ้า เราจะควบคุมมันได้จริงหรือเปล่า?

Alien: Covenant (2017) เป็นหนังที่แก้ตัวจาก Prometheus ได้ดี มันนำเสนอแอ็กชันสยองขวัญที่มีประสิทธิภาพและเร้าใจ แม้จะรีไซเคิลองค์ประกอบเก่า แต่การกำกับของริดลีย์ สก็อตต์ ทำให้มันสดใหม่และน่าดูซ้ำ ธีมการเล่นพระเจ้าและการเอาชีวิตรอดบนดาวมฤตยู ช่วยให้หนังมีความลึกแต่ไม่หนักจนเกินไป

สำหรับแฟน หนัง Alien ที่เคยผิดหวังจากภาคก่อน เรื่องนี้คือหนังที่ต้องดู มันทำให้เราอยากกลับไปดูซีรีส์ทั้งหมดอีกครั้ง แต่ข้าม Prometheus ไปเลยก็ได้ หนังแสดงให้เห็นว่าความน่ากลัวไม่ได้มาจากปีศาจเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากความทะเยอทะยานของมนุษย์เองด้วย

ถ้าเคยดูแล้วชอบ ลองแชร์ความคิดเห็นในคอมเมนต์ ว่าฉากไหนที่ทำให้คุณตื่นเต้นที่สุด หรือถ้าใครยังไม่ได้ดู ไปหาดูได้เลยบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง แล้วมาคุยกันต่อ อย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบ หนังไซไฟสยองขวัญ ด้วย!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: เอเลี่ยน โคเวแนนท์
  • ประเภท: ไซไฟ, สยองขวัญ, แอ็คชั่น
  • วันที่ออกฉาย: 19 พฤษภาคม 2560
  • นักแสดงนำ: ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ (Michael Fassbender), แคเธอรีน วอเตอร์สตัน (Katherine Waterston), บิลลี ครูดัพ (Billy Crudup)
  • ผู้กำกับ: ริดลีย์ สก็อตต์ (Ridley Scott)
  • ความยาว: 2 ชั่วโมง 2 นาที
  • เรตติ้ง IMDb: 6.4/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Disney+

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button