รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] เอเลี่ยน 2 ฝูงมฤตยูนอกโลก | Aliens (1986)

  • Aliens เป็นหนังภาคต่อที่เปลี่ยนจากสยองขวัญใน Alien มาเป็นแอ็คชั่นลุ้นระทึก เน้นการต่อสู้กับฝูงเอเลี่ยนจำนวนมาก
  • ตัวละครหลักอย่างริปลีย์พัฒนาจากผู้รอดชีวิตที่หวาดกลัวสู่ฮีโร่ที่กล้าหาญ โดยมีธีมความเป็นแม่และการเผชิญหน้ากับความกลัว
  • ผู้กำกับเจมส์ คาเมรอน สร้างโลกที่ใหญ่ขึ้น ผสมแอ็คชั่น 1980s กับสัตว์ประหลาดเอเลี่ยนที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
  • หนังสำรวจประเด็นการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดและธรรมชาติของมนุษย์ในสถานการณ์วิกฤต

เราเคยถกเถียงกันไหมว่า หนัง Alien ภาคแรกหรือ Aliens ภาคสองเรื่องไหนเจ๋งกว่ากัน? สำหรับชาวเน็ตอย่างเรา ที่ชอบดูหนังไซไฟ มันก็เหมือนเลือกไม่ได้หรอก เพราะทั้งคู่มันสุดยอดในแบบของตัวเอง แต่ Aliens นี่แหละที่พาเราไปลุ้นระทึกแบบยกกำลังสอง เปลี่ยนจากหนังสยองขวัญในอวกาศมาเป็นแอ็คชั่นระห่ำกับฝูง เอเลี่ยน ที่บุกมาแบบยกก๊วน หนังเรื่องนี้กำกับโดย เจมส์ คาเมรอน ผู้ชายที่รู้จักสร้างหนังบล็อกบัสเตอร์สุดมันส์ อย่างที่เราเห็นในยุค 80s ที่เต็มไปด้วยกล้ามใหญ่ ปืนยักษ์ และฉากระเบิดตูมตาม

ลองนึกภาพสิ ถ้าเราเป็นริปลีย์ ที่หลับไหลในยานกว่า 50 ปี แล้วตื่นมาพบว่าดาวที่เคยเจอเอเลี่ยนตอนนี้มีคนไปตั้ง colony แล้ว พอส่งทีมไปตรวจสอบ ทุกอย่างเงียบกริบ ไม่มีสัญญาณตอบกลับ บริษัทเลยลากเราและหน่วย marines ไปสำรวจ แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น? หนัง Aliens พาเราไปสัมผัสความกลัวที่อัพเกรดขึ้น จากตัวเดียวในภาคแรกมาเป็นฝูงใหญ่โต ผสมกับธีมการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดที่ทำให้เรานั่งไม่ติดเก้าอี้ หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ยิงๆ ระเบิดๆ แต่ยังมีเรื่องราวลึกซึ้งเกี่ยวกับการเยียวยาจิตใจและความเป็นมนุษย์ด้วยนะ

ในรีวิวนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของ Aliens (1986) ตั้งแต่เรื่องย่อ การแสดงที่เด็ดดวง ไปจนถึงเหตุผลที่หนังเรื่องนี้กลายเป็นตำนานของวงการไซไฟแอ็คชั่น มาดูกันว่า ทำไมหนังเรื่องนี้ถึงทำให้เราอยากกลับไปดูซ้ำๆ และมันสอนอะไรเราเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับความกลัวในชีวิตจริง

รีวิวและเรื่องย่อ Aliens (เอเลี่ยน 2 ฝูงมฤตยูนอกโลก)

Aliens เล่าเรื่องต่อจากภาคแรก เมื่อยานช่วยชีวิตของริปลีย์ถูกค้นพบหลังจากลอยอยู่ในอวกาศกว่า 50 ปี เธอตื่นขึ้นมาในโลกที่เปลี่ยนไป และพบว่าดาว LV-426 ที่เคยเจอเอเลี่ยน ตอนนี้มีคนไปตั้งอาณานิคมเพื่อเปลี่ยนสภาพบรรยากาศ แต่แล้วการติดต่อกับอาณานิคมก็ขาดหาย บริษัท Weyland-Yutani เลยส่งทีมทหารนาวิกโยธินไปตรวจสอบ พร้อมลากริปลีย์ที่ยังหลอนจากเหตุการณ์เก่าไปด้วย หนังเริ่มต้นด้วยการสร้างบรรยากาศกดดัน เน้นการเดินทางทางจิตใจของริปลีย์ ก่อนที่จะพุ่งเข้าสู่แอ็คชั่นเต็มรูปแบบเมื่อพวกเขาเจอฝูงเอเลี่ยนที่บุกมาแบบไม่หยุด

เรื่องราวเข้มข้นขึ้นเมื่อทีมทหารต้องต่อสู้กับเอเลี่ยนจำนวนมหาศาล บนดาวที่เต็มไปด้วยอันตราย ริปลีย์ไม่ใช่แค่ผู้รอดชีวิตอีกต่อไป แต่เธอต้องกลายเป็นผู้นำเพื่อปกป้องเด็กหญิงตัวเล็กชื่อนิวต์ ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความไร้เดียงสา หนังผสมผสานฉากแอ็คชั่นสุดเร้าใจกับธีมความเป็นแม่และการเอาชนะความกลัว ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกมสยองขวัญเอาชีวิตรอด แต่ในรูปแบบหนังใหญ่ เจมส์ คาเมรอน รู้จักเล่นกับความคาดหวังของคนดู โดยไม่รีบโชว์เอเลี่ยนตั้งแต่แรก แต่ค่อยๆ สร้างความกดดันจนระเบิดออกมา

นอกจากความลุ้นระทึก หนังยังสะท้อนยุค 80s ที่เต็มไปด้วยแอ็คชั่นแบบเกินจริง ทั้งปืนใหญ่ ระเบิด และประโยคเด็ดติดหู แต่ใต้ความมันส์นั้นยังมีสาระซ่อนอยู่เหมือนกัน ภาคแรกวิจารณ์ทุนนิยม แต่ภาคนี้เน้นการต่อสู้ของมนุษย์กับธรรมชาติอันโหดร้าย เราเห็นได้จากตัวละครที่ต้องปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอด ทำให้หนังไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่ยังทำให้เราคิดต่อว่า ถ้าเจอวิกฤตจริงๆ เราจะมีความกล้าหาญแค่ไหน

การแสดงของซิกอร์นีย์ วีเวอร์ในบทริปลีย์คือจุดเด่นสุดๆ เธอถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ที่หวาดกลัวแต่ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นได้อย่างน่าประทับใจ ไม่ใช่ฮีโร่สายโหดตั้งแต่ต้น แต่เป็นคนธรรมดาที่ต้องเผชิญกับฝันร้าย ริปลีย์พัฒนาจากผู้หญิงที่บอบช้ำทางใจ กลายเป็นแม่ที่ปกป้องนิวต์ ซึ่งทำให้เราอินสุดๆ เหมือนเธอเป็นตัวแทนของพวกเราที่ต้องต่อสู้กับปัญหาในชีวิตประจำวัน การถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ของวีเวอร์ก็พิสูจน์ว่าหนังแอ็คชั่นก็มีมิติได้

ตัวละครอื่นๆ ก็เด็ดไม่แพ้กัน เช่น ไมเคิล บีนในบทฮิกส์ ชายดีที่เป็นกำลังใจให้ริปลีย์ หรือบิล แพกซ์ตันในบทฮัดสัน ทหารขี้โม้ที่สร้างเสียงหัวเราะท่ามกลางความตึงเครียด และเจเน็ตต์ โกลด์สไตน์ในบทวาสเกซ ทหารหญิงสุดแกร่งที่เป็นต้นแบบสาวแกร่ง แต่ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นฉากหลังเน้นที่ริปลีย์ ทำให้หนังไม่หลุดโฟกัสเกินไป เราชอบตรงที่ตัวละครพวกนี้ดูเหมือนคนจริงๆ บางคนขี้กลัว บางคนกล้าหาญ แต่ทุกคนต้องเจอบททดสอบเดียวกัน

หนังยังเล่นกับธีมสัญชาตญาณความเป็นแม่ได้อย่างเจ๋ง ริปลีย์เสี่ยงชีวิตเพื่อนิวต์ เหมือนแม่ปกป้องลูก ขณะที่ราชินีเอเลี่ยนก็แก้แค้นเพื่อปกป้องลูกๆ ของมัน ทำให้ฉากไคลแมกซ์มันส์สุดๆ เพราะทั้งคู่มีเหตุผลจริงที่จะต้องสู้กัน เหมือนเป็นการเปรียบเปรยชีวิตว่าความรักและความแค้นสามารถขับเคลื่อนเราได้แค่ไหน การแสดงเหล่านี้ทำให้ Aliens ไม่ใช่แค่หนังยิงเอเลี่ยน แต่เป็นเรื่องราวของมนุษย์ที่ต่อสู้กับปีศาจในใจตัวเอง

เจมส์ คาเมรอน แสดงฝีมือการกำกับได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเปลี่ยนโทนจากสยองขวัญในภาคแรกมาเป็นแอ็คชั่นเต็มสูบ เขารู้จักสร้างโลกที่ใหญ่ขึ้น ด้วยฉากต่อสู้ที่โกลาหลแต่น่าตื่นเต้น เช่น การปะทะครั้งแรกกับเอเลี่ยนที่เหมือนสงครามจริงๆ การตัดต่ออาจดูยุ่งบ้าง แต่กลับเพิ่มความสมจริง ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ หนังไม่รีบโชว์เอเลี่ยน แต่ค่อยๆ สร้างบรรยากาศจนถึงจุดพีคกับการปรากฏตัวของราชินีเอเลี่ยน ที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

เทคนิคพิเศษยุค 80s ก็สุดยอด ด้วยเอฟเฟกต์จริงที่ทำให้เอเลี่ยนดูน่ากลัว ไม่ใช่ CGI ปลอมๆ งานภาพและเสียงช่วยสร้างบรรยากาศกดดัน เหมือนเรากำลังเล่น Resident Evil แต่ในเวอร์ชั่นหนังใหญ่ คาเมรอนยังเก่งเรื่องการสร้างโลก ทำให้แฟรนไชส์นี้ขยายต่อไปได้อีก มันเหมือนเขาเอาสูตรหนังแอ็คชั่นยุคนั้นมาผสมกับไซไฟได้อย่างลงตัว จนกลายเป็นต้นแบบให้หนังภาคต่ออีกหลายเรื่อง

นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดแฝง เช่น การพัฒนาตัวละครริปลีย์ที่เอาชนะความกลัว เหมือนฉากสุดท้ายจากภาคแรก แต่ครั้งนี้เธอไม่หนีอีกต่อไป ทำให้เรารู้ว่า Aliens ไม่ใช่แค่หนังระเบิดภูเขาเผากระท่อม แต่ยังมีมิติเรื่องการเติบโตส่วนตัว ถ้า Alien ของริดลีย์ สก็อตต์ เน้นสยองขวัญและสังคม Aliens ก็อัจฉริยะในแบบของมัน ที่ยกระดับจากหนังมอนสเตอร์ทั่วไป

Aliens (1986) เป็นหนังที่ทำให้เราตั้งคำถามว่า การเอาชีวิตรอดในโลกที่โหดร้ายต้องใช้ความกล้าหาญขนาดไหน หนังแสดงว่าริปลีย์ไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ แต่เป็นมนุษย์ธรรมดาที่เอาชนะความกลัวได้ ธีมหลักคือการเผชิญหน้าฝันร้ายและการปกป้องคนที่รัก ซึ่งยังเกี่ยวข้องกับชีวิตเราทุกวันนี้ ไม่ว่าจะปัญหาส่วนตัวหรือสังคม

ถ้าเป็นแฟนหนังไซไฟแอ็คชั่น Aliens คือหนังที่ต้องดู ที่จะทำให้เราลุ้นจนเหงื่อแตกและได้คิดตาม หนังเรื่องนี้พิสูจน์ว่าภาคต่ออาจดีกว่าภาคแรกได้ ถ้าขยายสเกลให้ใหญ่ขึ้นแต่ยังรักษาหัวใจของเรื่องไว้ มาดูแล้วแชร์ในคอมเมนต์ว่าฉากไหนที่เราชอบที่สุด หรือคิดว่าริปลีย์คือฮีโร่ตัวจริงยังไง และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ชาวเน็ตที่ชอบหนังคลาสสิก

สำหรับใครที่อยากสร้างเพลย์ลิสต์หนังเอเลี่ยน หรือหาหนังเอาชีวิตรอดมาดู Aliens จะให้แรงบันดาลใจใหม่แน่นอน หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่ยังสอนให้เรากล้าหาญขึ้นในชีวิตจริง มาเล่าในคอมเมนต์ว่าเราเคยกลัวอะไรและเอาชนะมันยังไงบ้าง!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: เอเลี่ยน 2 ฝูงมฤตยูนอกโลก
  • ประเภท: แอ็คชั่น, ไซไฟ, สยองขวัญ
  • วันที่ออกฉาย: 18 กรกฎาคม 2529
  • นักแสดงนำ: ซิกอร์นีย์ วีเวอร์ (Sigourney Weaver), ไมเคิล บีน (Michael Biehn), บิล แพกซ์ตัน (Bill Paxton), เจเน็ตต์ โกลด์สไตน์ (Jenette Goldstein)
  • ผู้กำกับ: เจมส์ คาเมรอน (James Cameron)
  • ความยาว: 2 ชั่วโมง 17 นาที
  • เรตติ้ง IMDb: 8.4/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Disney+

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button