รีวิวซีรีส์ฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] ฟอลล์เอาท์ | Fallout ซีซั่น 2

  • Fallout ซีซั่น 2 เปลี่ยนรูปแบบการฉายเป็นรายสัปดาห์จนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2026 ซึ่งอาจทำให้สูญเสียความตื่นเต้นแบบ binge-watching
  • ตอนแรกของซีซั่นนี้มุ่งเน้นการวางรากฐานเรื่องราวมากกว่าสร้างความตื่นเต้น ทำให้รู้สึกอ่อนแรงไปบ้าง
  • ความสัมพันธ์ระหว่างลูซี่และเดอะกูลยังคงสร้างเคมีที่น่าสนใจด้วยความแตกต่างทางอุดมการณ์
  • อารมณ์ขันแบบดาร์กคอเมดี้และการสร้างโลกที่แปลกประหลาดยังคงเป็นจุดแข็งของซีรีส์

เคยรู้สึกผิดหวังไหมเมื่อรอคอยสิ่งที่ชอบมานานจนมีความคาดหวังสูง แต่พอได้มาแล้วกลับรู้สึกว่ามันไม่เหมือนที่หวัง? นั่นคือความรู้สึกที่หลายคนมีกับ Fallout ซีซั่น 2 ซีรีส์ดราม่าแนว หลังวันโลกาวินาศ (Post-Apocalyptic) ที่สร้างจากวิดีโอเกมชื่อดังและประสบความสำเร็จอย่างมากในซีซั่นแรก ซีซั่นแรกทำให้เราติดตามอย่างไม่อยากพลาดแม้แต่วินาทีเดียว แต่เมื่อซีซั่น 2 กลับมา รูปแบบการฉายที่เปลี่ยนไปและจังหวะการเล่าเรื่องที่ช้าลงกลับทำให้ความตื่นเต้นลดลง

บทความนี้จะพาไปเจาะลึกทุกแง่มุมของ Fallout ซีซั่น 2 ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการฉาย ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลัก ไปจนถึงอารมณ์ขันแบบดาร์กคอเมดี้ที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ มาดูกันว่าซีซั่นใหม่นี้ยังคงเสน่ห์เหมือนเดิมหรือไม่

fallout season 2 #1

สิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดเกี่ยวกับ Fallout ซีซั่น 2 คือรูปแบบการฉายที่เปลี่ยนไป จากที่ซีซั่นแรกปล่อยทุกตอนพร้อมกัน ซีซั่น 2 กลับเลือกฉายทีละตอนทุกสัปดาห์จนถึง 4 กุมภาพันธ์ 2026 รูปแบบนี้อาจเหมาะกับซีรีส์ที่มีเนื้อเรื่องแยกเป็นตอนๆ แต่สำหรับ Fallout ที่เน้นการดื่มด่ำกับโลกและตัวละครอย่างต่อเนื่อง การบังคับให้รอดูทีละตอนกลับทำลายความสนุกที่เคยมี

ซีซั่นแรกประสบความสำเร็จเพราะทำให้ผู้ดูติดตามจนไม่อยากหยุด เราดูตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่พักแม้แต่ครั้งเดียว และเมื่อจบแล้วก็อยากกลับไปใช้เวลากับตัวละครและสำรวจโลกของซีรีส์ต่อ แต่ความตื่นเต้นและความคาดหวังแบบนั้นกลับไม่มีในตอนแรกของซีซั่น 2 ตอนแรกนี้ประสบกับ ปัญหาของตอนเปิดฉาก (Premiere Problem) คือมุ่งเน้นไปที่การวางรากฐานเรื่องราวสำหรับอนาคตมากเกินไป จนตอนนั้นเองรู้สึกอ่อนแรง

แม้ว่าตอนแรกจะมีปัญหา แต่ก็ยังมีช่วงเวลาที่ทำให้เราระลึกถึงเหตุผลที่เราตกหลุมรักซีรีส์นี้ เอลล่า เพอร์เนลล์ (Ella Purnell) ที่รับบท ลูซี่ แมคลีน (Lucy MacLean) ยังคงมีเสน่ห์อย่างมาก เธอยังคงแผ่ความอบอุ่น และเราก็ยิ้มทุกครั้งที่เธอพูดประโยคเด็ดของเธอว่า “โอเคโดกี้ (Okey Dokey)” ในตอนแรกนี้ เธอพูดประโยคนั้นก่อนที่จะยิงเชือกที่ เดอะกูล (The Ghoul) แสดงโดย วอลตัน กอกกินส์ (Walton Goggins) แขวนห้อยอยู่

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็ต้องสู้กับกลุ่มชายที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตเหมือนกัน ในขณะที่เดอะกูลทำให้ร่างกายของพวกเขาระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ลูซี่กลับเล็งไปที่แขนและขาเท่านั้น โดยปฏิเสธที่จะโหดร้าย เธอกล่าวว่า “ฉันจะไม่ขอโทษที่ไม่ฆ่าคน” ความแตกต่างทางอุดมการณ์ระหว่างลูซี่และเดอะกูลสร้างเคมีที่น่าสนใจ เมื่อพวกเขาเจอหญิงชรา เดอะกูลพร้อมที่จะส่งเธอไปหาพระผู้เป็นเจ้า แต่ลูซี่เข้ามาห้ามและยืนยันว่าควรคุยกันแทน

แล้วลูซี่ที่ไม่ใช้ความรุนแรง ที่ใจดีนั้น ได้รับอะไรตอบแทน? ชามซุปหมัดที่เตรียมในลักษณะที่ทำให้ใครก็ตามที่มองเห็นรู้สึกคลื่นไส้ทันที นี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าความดีไม่ได้ตอบแทนเสมอไป ในโลกหลังวันโลกาวินาศ

อารมณ์ขันแบบดาร์กคอเมดี้ ของ Fallout ยังคงอยู่และมาในรูปแบบเต็มพิกัด รอจนกว่าจะเห็นกลุ่มสนับสนุนสำหรับ “ผลผลิตของการผสมพันธุ์ภายในครอบครัว (Products of In-Breeding)” ซึ่งเป็นแนวคิดที่แปลกประหลาดจนรู้สึกว่าเข้ากับโลกนี้อย่างสมบูรณ์แบบ ชายคนหนึ่งพยายามหาที่ยืนของตัวเองใน Vault และมองหาความเชื่อมโยงในกลุ่ม In-Breeding อย่างสิ้นหวัง อีกคนหนึ่งมีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ที่ทุกอย่างรู้สึกกลับด้าน หากเคยต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อไปห้องน้ำ ตอนนี้ต้องเลี้ยวขวาแทน

จากนั้นก็มี เชท (Chet) แสดงโดย เดฟ เรจิสเตอร์ (Dave Register) ที่ดูแลเด็กของ สเตฟานี (Stephanie) แสดงโดย แอนนาเบล โอฮาแกน (Annabel O’Hagan) และถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพ่อของเด็ก เขาไม่ค่อยดีใจ โดยเฉพาะเมื่อสเตฟานีตัดสินใจตั้งชื่อลูกว่า เชท จูเนียร์

ในที่อื่น นอร์ม (Norm) แสดงโดย มอยเซส อาเรียส (Moisés Arias) ที่ติดอยู่และกำลังหิวโหยใน Vault 31 ปล่อยความโกลาหลโดยการละลายน้ำแข็ง ผู้บริหารระดับจูเนียร์ ที่ถูกเก็บแช่แข็ง บัด ซึ่งเป็น ไซบอร์กสมองบนล้อ ไม่พอใจเลย ว่าความโกลาหลและเส้นเรื่องต่างๆ เหล่านี้จะนำไปสู่อะไรในที่สุดนั้น ยังต้องรอติดตามกัน

รูปแบบการฉายรายสัปดาห์จะไม่สร้างความลุ้นระทึกอย่างมีความหมายหากตอนต่อไปยังอ่อนแรงเหมือนตอนแรกนี้ ในฐานะแฟนของซีซั่นแรก การเริ่มต้นแบบนี้รู้สึกผิดหวัง ซีซั่นแรกทำให้เราติดหนึบ เพราะเราสามารถดื่มด่ำกับเรื่องราวได้อย่างต่อเนื่อง แต่ซีซั่น 2 กลับบังคับให้เราต้องหยุดพักและรอ ซึ่งทำลายจังหวะและความตื่นเต้นที่เคยมี

อย่างไรก็ตาม ยังมีเหตุผลที่ควรติดตามต่อ ความรักที่มีต่อซีซั่นแรก และเสน่ห์ของตัวละครยังคงดึงดูดใจ การแสดงของเอลล่า เพอร์เนลล์และวอลตัน กอกกินส์ยังคงยอดเยี่ยม และโลกของ Fallout ที่แปลกประหลาดและเต็มไปด้วยอันตรายยังคงน่าสำรวจ แม้ว่าตอนแรกจะไม่ได้โดดเด่น แต่ก็ยังมีช่วงเวลาที่ทำให้เรายิ้มและหัวเราะ

fallout season 2 #2

Fallout ซีซั่น 2 เริ่มต้นอย่างเชื่องช้า แต่ไม่ได้หมายความว่าซีซั่นทั้งหมดจะแย่ ตอนแรกมักจะต้องวางรากฐานเรื่องราว และหากตอนต่อไปสามารถสร้างความตื่นเต้นและจังหวะที่ดีขึ้นได้ ซีซั่นนี้อาจกลับมาเป็นที่ถูกใจแฟนๆ อีกครั้ง อารมณ์ขันแบบดาร์ก การสร้างโลกที่แปลกประหลาย และความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครยังคงเป็นจุดแข็ง

สำหรับใครที่เป็นแฟนซีซั่นแรก อาจต้องอดทนกับตอนแรกที่อ่อนแรงไปบ้าง แต่ยังมีความหวังว่าตอนต่อไปจะปรับปรุงขึ้นและนำเสนอความบันเทิงที่เราคาดหวัง การรอติดตามทีละสัปดาห์อาจจะน่าหงุดหงิด แต่หากเนื้อเรื่องพัฒนาไปในทิศทางที่ดี มันอาจสร้างความลุ้นระทึกแบบใหม่ที่แตกต่างจากซีซั่นแรกได้

มาแชร์ความคิดเห็นกันว่าคิดอย่างไรกับการเปลี่ยนรูปแบบการฉายของ Fallout ซีซั่น 2 และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชื่นชอบซีรีส์แนว หลังวันโลกาวินาศ ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันแบบดาร์กและโลกที่น่าสำรวจ!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: ฟอลล์เอาท์ ภารกิจฝ่าแดนฝุ่นมฤตยู ซีซั่น 2
  • ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ: Fallout ซีซั่น 2
  • ประเภท: ดราม่า, แอ็คชั่น, ไซไฟ, หลังวันโลกาวินาศ
  • วันที่ออกฉาย: ตอนแรกออกฉายแล้ว ตอนต่อไปฉายทุกสัปดาห์จนถึง 4 กุมภาพันธ์ 2026
  • นักแสดงนำ: เอลล่า เพอร์เนลล์ (Ella Purnell), วอลตัน กอกกินส์ (Walton Goggins), มอยเซส อาเรียส (Moisés Arias)
  • ผู้สร้าง: โจนาธาน โนแลน (Jonathan Nolan), ลิซ่า จอย (Lisa Joy)
  • จำนวนตอน: ยังไม่เปิดเผย
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Prime Video

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button