รีวิวหนังเกาหลี

[รีวิว-เรื่องย่อ] พลิกน่านฟ้าผ่าวิกฤติ | Good News (2025)

  • Good News สร้างจากเหตุการณ์จริงปี 1970 เรื่องการจี้เครื่องบินโยโดโกะที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของมุกเสียดสีสังคม
  • การแสดงของ คาซามัตสึ โช (Kasamatsu Sho) ในบทเด็นจิ นำเสนอความมั่นใจแบบงี่เง่าที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งโกลาหล
  • หนังเสียดสีความไร้ประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่รัฐและกองทัพ เน้นว่าชื่อเสียงสำคัญกว่าชีวิตประชาชน
  • ผู้กำกับเบียน ซอง-ฮยอน ใช้ฮิวเมอร์ค่อยๆ ลึกซึ้ง สู่การวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำที่ขี้ขลาดและทุจริต

เคยลองนึกภาพไหมว่าถ้าการจี้เครื่องบินครั้งใหญ่กลายเป็นเรื่องตลกขบขันแบบไม่น่าเชื่อ? หนัง Good News (2025) พาไปเจอสถานการณ์แบบนั้นเลย กับเรื่องจริงจาก “โยโดโกะ อินซิเดนต์” ปี 1970 ที่กลุ่มญี่ปุ่นหัวรุนแรงจี้เครื่องบินโดยสาร แต่ผู้กำกับ เบียน ซอง-ฮยอน ไม่ได้เล่าแบบจริงจังหรอกนะ เขาเอาเหตุการณ์จริงมาผสมมุกบลัคคอมเมดี้ สะท้อนความโกลาหลของมนุษย์ที่พยายามรับมือวิกฤติแต่ดันงุ่มง่ามซะงั้น

ประโยคเด็ดในหนังที่ติดหูคือ “ความจริงมันสัมพัทธ์ล้วนๆ สร้างขึ้นมาแล้วหายไปได้ชั่วพริบตา แค่มีจินตนาการนิดหน่อยก็พอ” แล้วอีกประโยค “เอาสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ผสมจินตนาการกับความปรารถนาในความจริง ถ้าทุกอย่างมารวมกัน…” ตัวละครตบมือดังเป๊ะ แล้วฝูงชนกรี๊ดลั่น! ทำไมกรี๊ด? เดี๋ยวค่อยสปอยล์ แต่ประโยคพวกนี้เหมือนแมนิเฟสโต้ของผู้กำกับเลย เขาเอาความจริงมาชาร์จด้วยไอเดียสร้างสรรค์ จนคนดูอยากรู้ต่อว่าสนามบินเกาหลีใต้เคยปลอมเป็นของเกาหลีเหนือจริงเหรอ? แต่หนังไม่ใช่สารคดีนะ มันคือการตีความที่เต็มไปด้วยมุกเสียดสี เน้นความไร้ความสามารถของทุกฝ่ายในเหตุการณ์

บทความนี้จะพาไปเจาะลึกทุกมุมของ Good News ตั้งแต่โครงเรื่องที่ฮาแตก ไปจนถึงการแสดงที่ทำให้ตัวละครดูน่าขบขันแต่ก็น่าเศร้า มาดูกันว่าหนังเรื่องนี้จะพลิกวิกฤติการจี้เครื่องบินให้กลายเป็นบทเรียนสังคมได้ยังไง โดยไม่เสียความสนุกแบบวัยรุ่นชาวเน็ตที่ชอบอะไรฮาๆ แต่ลึกซึ้งนิดๆ

Good News (พลิกน่านฟ้าผ่าวิกฤติ)

รีวิวและเรื่องย่อ Good News (พลิกน่านฟ้าผ่าวิกฤติ)

Good News แบ่งเป็นตอนย่อยๆ แต่ละตอนเปลี่ยนโทนแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มต้นด้วยคอมเมดี้สุดเหวี่ยงที่ทำให้ขำกลิ้ง ตัดภาพความโกลาหลในเครื่องบินสลับกับความเงียบงันข้างนอก เหมือนมุกตลกที่เล่นกับความคาดหวังของคนดู ผู้ร่วมบังคับการบิน แมเอะดะ แสดงโดย คิม ซอง-โอห์ (Kim Sung Oh) บอกกัปตัน คูโบะ ที่ ชิอินะ คิปเปย์ (Shiina Kippei) แสดง ว่า “ให้เอาโรคริดเป็นเครื่องราชฯ สิ” มันฮาแบบดำมืดเลยนะ กลุ่มจี้เครื่องนำโดย เด็นจิ ที่ คาซามัตสึ โช รับบท และผู้ช่วย อาสุกะ จาก ยามาโมโตะ ไนรุ (Yamamoto Nairu) พวกนี้มั่นใจแต่ไม่ทำการบ้าน ถึงขั้นไม่รู้วิธีเช็คเชื้อเพลิงหรือนำทางเครื่องบิน เลยโดนนักบินหลอกจอดที่สนามบินอิตาซุเกะได้ง่ายๆ

เจ้าหน้าที่รัฐและกองทัพอากาศก็ไม่ต่างกัน พวกเขาวางแผนด้วยแผนภาพเครื่องบินที่ดูเหมือนไส้กรอกมีปีกสองข้าง มุกฮาที่สุดคือตัวละครนั่งวีลแชร์เตือนสโลแกนบริษัท “ปลอดภัยดั่งบ้านบนฟ้า” แล้วใครสักคนตอบ “คนตายในบ้านทุกวันนี่หว่า” มันสะท้อนปัญหาที่เราร้องเรียนกันทุกวันเรื่องการทุจริตและความประมาทของผู้มีอำนาจ แต่ เบียน ซอง-ฮยอน บอกว่ามันมีมาตลอด ไม่ใช่แค่สมัยนี้ ประชาชนหรือรัฐบาล ล้วนต้องการอารมณ์ดึงดูดใจถึงจะขยับ อย่างในหนัง สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งถึงเพิ่งมาเยี่ยมสถานที่เหตุการณ์หลังจากเหยื่อเล่าเรื่องสะเทือนใจ จนประชาชนกดดันรัฐ ฉากเครื่องบินวุ่นวายตัดสลับความเงียบข้างนอกเลยกลายเป็นมากกว่ามุกฮา มันคือภาพสะท้อนสังคมที่ลึกซึ้ง

การแสดงของ คาซามัตสึ โช ในบทเด็นจิโดดเด่นมาก เขาเล่นเป็นหัวโจกที่มั่นใจเกินเหตุ แต่ดันงุ่มง่ามจนสถานการณ์ยิ่งแย่ ผสมความตลกกับความน่ากลัวได้ลงตัว ส่วน ยามาโมโตะ ไนรุ ในบทอาสุกะ แสดงความภักดีแบบหัวปักหัวปำที่ทำให้เห็นด้านมืดของอุดมการณ์ ทางด้านนักบิน คิม ซอง-โอห์ และ ชิอินะ คิปเปย์ ถ่ายทอดความสงบแต่แฝงเล่ห์เหลี่ยมได้น่าฟัง หนังใช้มุกพวกนี้สร้างบรรยากาศที่ฮาแต่ก็น่าเศร้า คล้ายกับชีวิตจริงที่วิกฤติมักมาพร้อมความโง่เขลาแบบไม่ตั้งใจ

แม้หนังจะมีจุดอ่อนเรื่องยืดเยื้อในช่วงหลัง โดยเฉพาะฉากเด็นจิสอบถามว่าอยู่เกาหลีเหนือรึเปล่า ที่ดูน่าเบื่อเพราะผู้กำกับปล่อยไหลเกินไป แต่ความทะเยอทะยานของ เบียน ซอง-ฮยอน ทำให้ยกโทษได้ง่ายๆ ข้อความหลักคือโลกนี้รอดเพราะคนธรรมดาที่ไม่เคยขึ้นข่าวหรือได้เหรียญ ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านี้ยอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อชาติและผู้ใหญ่ มันคือ “nobody” ที่นำข่าวดี (และร้าย) มาสู่โลกต่างหาก

Good News ไม่ใช่แค่หนังฮา มันเสียดสีสังคมแบบเฉียบคม โดยเอาความไร้ประสิทธิภาพของทุกฝ่ายมาล้อเลียน อย่างกองทัพที่วางแผนแบบงี่เง่า หรือรัฐบาลที่สนใจภาพลักษณ์มากกว่าชีวิตคน มันเหมือนกระจกบอกว่าปัญหาแบบนี้มีมาตั้งแต่ยุค 70s ไม่ใช่แค่สมัยโซเชียลมีเดียที่เราร้องเรียนกันทุกวัน หนังถามเราว่า ถ้าความจริงมันสัมพัทธ์ แล้วเราจะเชื่ออะไร? มันกระตุ้นให้คิดถึงการเมืองและอำนาจที่ยังวนเวียนแบบเดิมๆ

ผู้กำกับผสมฮิวเมอร์ดำมืดเข้ากับดราม่าได้ดี โดยเฉพาะฉากที่ตัวละครชี้ว่าความจริงสร้างได้ด้วยจินตนาการและความปรารถนา มันสะท้อนว่าสื่อหรือรัฐมักบิดเบือนเรื่องเพื่อผลประโยชน์ อย่างในเหตุการณ์จริงที่ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้แข่งกันแสดงพลัง แทนที่จะช่วยผู้โดยสารก่อน หนังใช้ภาพตัดสลับสร้างความตึงเครียด คล้ายกับชีวิตที่ความโกลาหลข้างในมักซ่อนด้วยความสงบปลอมๆ ข้างนอก

ข้อความหลักคือมนุษย์ในอำนาจมักขี้ขลาดและทุจริตเสมอ แต่คนธรรมดาคือฮีโร่ตัวจริงที่ไม่เคยได้เครดิท หนังจบด้วยการทิ้งคำถามว่าถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งของความโกลาหลนี้ จะทำยังไง? มันไม่ใช่แค่รีวิวหนัง แต่เป็นบทเรียนที่ทำให้อยากแชร์ต่อกับเพื่อนๆ ที่ชอบอะไรสะท้อนสังคมแบบนี้

Good News (2025) #1

การแสดงใน Good News เป็นไฮไลต์ที่ทำให้หนังไม่น่าเบื่อ คาซามัตสึ โช ขโมยซีนด้วยบทเด็นจิที่มั่นใจแต่โง่เขลา เขาเล่นได้ทั้งฮาและน่ากลัว เหมือนตัวร้ายในคอมเมดี้ที่เรารู้สึกสงสารไปด้วย ยามาโมโตะ ไนรุ เสริมดีในบทอาสุกะที่แสดงความมุ่งมั่นแบบสุดโต่ง จนเห็นว่าอุดมการณ์พาคนไปไกลแค่ไหน ทาง คิม ซอง-โอห์ ถ่ายทอดนักบินที่แกล้งโง่ได้เนียนๆ ทำให้มุกหลอกกลุ่มจี้เครื่องบินฮาแตก

เทคนิคภาพยนตร์ของผู้กำกับช่วยเสริมฮิวเมอร์ โดยใช้การตัดภาพเร็วๆ สร้างความโกลาหลที่ชวนขำ อย่างฉากวีลแชร์กับสโลแกนปลอมๆ ที่ตีแสกหน้าความเสี่ยงของการบินสมัยนั้น เสียงประกอบและดนตรีเบาๆ แต่ตึงเครียด คล้ายกับความจริงที่ซ่อนมุกดำมืดไว้ข้างใต้ หนังถ่ายทำแบบเรียบง่ายแต่มีพลัง สะท้อนยุค 70s ได้สมจริง โดยไม่ต้องพึ่งเอฟเฟกต์เยอะ

โดยรวม การแสดงและเทคนิคทำให้ Good News ดูเพลิน แม้ยาวหน่อย แต่จุดเด่นพวกนี้ชดเชยได้ ใครชอบหนังที่ผสมฮากับวิพากษ์สังคม เรื่องนี้ตอบโจทย์ชัวร์ เหมือนได้ดูมินิซีรีส์ที่สั้นกระชับแต่คาใจนาน

Good News (2025) พิสูจน์ว่าบลัคคอมเมดี้สามารถเสียดสีวิกฤติใหญ่ได้อย่างแสบสัน หนังเอาความจริงจากโยโดโกะ อินซิเดนต์มาผสมจินตนาการ จนเห็นว่าความไร้ประสิทธิภาพของมนุษย์คือปัญหาสุดคลาสสิก ไม่ว่าจะยุคไหนก็ตาม มันทำให้คิดว่าชื่อเสียงหรือภาพลักษณ์ไม่เคยสำคัญเท่าชีวิตคนจริงๆ และคนธรรมดาคือผู้ที่ยอมเสี่ยงเพื่อทุกคน

ใครที่เบื่อหนังดราม่าหนักๆ ลองเปิด Good News บน Netflix ดูสิ มันจะทำให้ขำกลิ้งแต่ก็คาใจไปด้วย เอาไปแชร์กับแก๊งเพื่อนที่ชอบรีวิวหนังแนวเสียดสี แล้วมาคุยกันในคอมเมนต์ว่ามุกไหนฮาสุด หรือเห็นด้วยกับข้อความเรื่องผู้นำขี้ขลาดรึเปล่า? อย่าลืมติดตามรีวิวหนังอื่นๆ ที่อัปเดตความมันส์แบบวัยรุ่นชาวเน็ตไทย!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: พลิกน่านฟ้าผ่าวิกฤติ
  • ประเภท: บลัคคอมเมดี้, ดราม่า, สถานการณ์จริง
  • วันที่ออกฉาย: 17 ตุลาคม 2568
  • นักแสดงนำ: คาซามัตสึ โช (Kasamatsu Sho), ยามาโมโตะ ไนรุ (Yamamoto Nairu), คิม ซอง-โอห์ (Kim Sung Oh), ชิอินะ คิปเปย์ (Shiina Kippei)
  • ผู้กำกับ: เบียน ซอง-ฮยอน (Byun Sung-hyun)
  • ความยาว: 2 ชั่วโมง 18 นาที
  • เรตติ้ง IMDb: 7.7/10/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button