[รีวิว-เรื่องย่อ] โจรกรรมจิงเกิลเบล | Jingle Bell Heist (2025)

• Jingle Bell Heist เป็นหนังคอมเมดี้ปล้นในช่วงคริสต์มาสที่มีความสนุกสนานและอารมณ์ขันแปลกใหม่
• การแสดงของนักแสดงทีมโจรสามคนมีเคมีที่ดีและสร้างช่วงเวลาตลกขบขันได้อย่างยอดเยี่ยม
• หนังนำเสนอธีมครอบครัวและการเปลี่ยนแปลงตัวเองในแบบที่อบอุ่นแต่ไม่เกินไป
• จังหวะเรื่องเร็วและเต็มไปด้วยฉากที่วุ่นวายจนบางครั้งอาจรู้สึกเหนื่อยตาม

เคยสงสัยไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าโจรสามคนที่ไม่มีความสามารถพอตัดสินใจปล้นห้างในวัน คริสต์มาสอีฟ? Jingle Bell Heist (2025) พาเราไปสัมผัสกับความโกลาหลที่เกิดขึ้นเมื่อแผนการปล้นเล็กๆ กลายเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่ทั้งเมืองจับตามอง หนังเรื่องนี้ไม่ได้พยายามเป็นหนังดราม่าหนักหน่วงที่สอนบทเรียนชีวิต แต่เป็นหนังคอมเมดี้ที่รู้จักตัวเองดีและยอมรับว่ามันแค่ต้องการสร้างความสนุกสนาน

หนังเรื่องนี้เริ่มต้นจากห้างสรรพสินค้าเล็กๆ ในเมืองเล็กที่กำลังเตรียมจัดงานคริสต์มาสอีฟประจำปี มีบัลลังก์ซานต้าที่ดูน่าสงสัยและของตตกแต่งที่ดูเหมือนละเมิดกฎความปลอดภัยหลายข้อ โจรสามคนเข้ามาในสถานการณ์นี้พร้อมกับหน้ากากซื้อจากร้านสะดวกซื้อ ความมั่นใจที่วางผิดที่ และแผนการที่ดูเหมือนถูกเขียนขึ้นมาตอนไข้สูง ตั้งแต่ฉากแรกหนังก็ทำให้ชัดเจนว่ามันไม่ได้เอาจริงเอาจังกับตัวเอง และนั่นคือจุดแข็งอย่างหนึ่งของมัน

ตัวเอกของเรื่องคือโจรเล็กๆ ที่พยายามเปลี่ยนตัวเองและอยากซื้อของขวัญที่ดีจริงๆ ให้ลูก ตัวละครคนนี้ยึดเรื่องราวไว้ได้ดีกว่าที่คาดไว้ เส้นทางตัวละครค่อนข้างเรียบง่ายแต่จริงใจ คือคนที่อยากทำดีแต่กลับเลือกวิธีที่แย่ที่สุด ฉากระหว่างตัวเอกกับลูกนั้นอบอุ่นและน่ารักจริงๆ แม้จะถูกล้อมรอบด้วยความบ้าคลั่งอย่างรูปปั้นกวางเรนเดียร์ที่หนีไปทั่วห้างหรือพนักงานห้างที่ดูเหมือนไม่เคยเจอปัญหามาก่อนในชีวิต จังหวะอารมณ์ของหนังโดนใจมากกว่าที่จะพลาด ซึ่งผมไม่ได้เตรียมใจไว้เลย เพราะหนังยังมีฉากที่โจรสองคนทะเลาะกันในลูกบอลหิมะยักษ์ปลอมขณะที่หิมะปลอมพ่นเข้าตาพวกเขาตลอดเวลา

แต่สำหรับทุกช่วงเวลาที่ดีเกินคาด ก็มีบางตัดสินใจที่ทำให้ผมต้องกะพริบตาจนสงสัยว่าตัวเองเปิดผิดหนังรึเปล่า จังหวะเรื่อง เคลื่อนไปเหมือนคนที่วิ่งหลังจากดื่มกาแฟเปปเปอร์มินต์โมก้าไปสามแก้ว เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีช่วงที่ผมสงสัยว่าคนตัดต่อกล้าที่จะไม่กดปุ่มหยุดเลยหรือเปล่า นาทีหนึ่งโจรกำลังดิ้นรนเปิดตู้เซฟโลหะราคาถูก อีกนาทีพวกเขากำลังนำขบวน คองก้าไลน์ ของนักช้อปที่ตื่นตระหนกผ่านห้างขณะที่เพลงคริสต์มาสดังสนั่นจนไม่ปลอดภัย มันวุ่นวายในแบบที่สนุก แต่บางครั้งก็ทำให้เหนื่อยตาม

อารมณ์ขันของหนังส่วนใหญ่ใช้ได้ผล มีหลายฉากที่ตลกจริงๆ รวมถึงยามรักษาความปลอดภัยที่ทำงานจริงจังเกินไปทั้งที่เห็นชัดว่าเกลียดงานทุกวินาที และซานต้าห้างที่ให้คำแนะนำชีวิตแบบไม่กรองคำเหมือนเขาหลงทางมาจากหนังดราม่าเรื่องอื่น แต่ก็มีบางมุกที่ไม่โดน บางเรื่องยืดยาวไปหน่อย เหมือนหนังกระแทกศอกเราแล้วถาม “เข้าใจมั้ย? เข้าใจมั้ย?” และใช่ เราเข้าใจอยู่แล้ว

ด้านภาพ หนังเรื่องนี้ขัดเงาได้สวยงามน่าประหลาดใจสำหรับหนังคอมเมดี้ปล้นในช่วงคริสต์มาส แสงไฟในฉากห้างให้บรรยากาศอบอุ่นแบบวันหยุดโดยไม่เกินไปจนดูเหมือนโฆษณาคริสต์มาสในซูเปอร์มาร์เก็ต ฉากไล่ล่าตอนกลางคืน ในลานจอดรถดูดีจริงๆ คมชัด มีสีสัน และเต็มไปด้วยพลัง แม้แต่ช็อตสโลว์โมชันที่ทะเยอทะยานเกินไปของลูกบอลประดับที่แตกในช่วงเวลาดราม่าก็ใช้ได้ดีกว่าที่ควรจะเป็น ผมไม่คาดหวังว่าหนังที่มีโทนแบบนี้จะใส่ใจเรื่องภาพ แต่มันใส่ใจจริงๆ และความพยายามนั้นเห็นได้ชัด

จุดที่หนังดิ้นรนมากที่สุดคือตัวร้าย คู่ปรปักษ์คือผู้จัดการห้างที่ปฏิบัติต่อคริสต์มาสเหมือนปฏิบัติการทางทหารศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับสร้างความน่ากลัวได้น้อยกว่าวัฟเฟิลไหม้ หนังพยายามตั้งพวกเขาเป็นภัยคุกคามใหญ่ แต่ทุกครั้งที่ปรากฏตัว พลังงานของหนังก็ตก แรงจูงใจของพวกเขาคลุมเครือ บทพูดรู้สึกเหมือนคัดลอกมาจากรายการ “ประโยคตัวร้ายทั่วไป” และการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายไร้จุดสุดยอดจนผมเกือบจะหัวเราะด้วยความสับสน สำหรับหนังปล้น แม้จะเป็นแบบตลกๆ ก็ต้องมีคนที่สามารถยกระดับความตึงเครียดได้ ไม่ใช่แค่บ่นเรื่องตารางงานอีเวนต์

แต่ นักแสดงสมทบ ชดเชยข้อบกพร่องนั้นได้มาก ทีมของตัวเอกประกอบด้วยคนเทคที่ประหม่าซึ่งความเชี่ยวชาญน่าสงสัยมากที่สุด และตัวประหลาดที่อาจทำลายทั้งหนังได้ถ้าปล่อยให้อยู่คนเดียวสักสิบวินาที เคมีของพวกเขาสร้างช่วงเวลาที่ดีที่สุดของหนัง การพูดคุยกันอย่างรวดเร็ว ความหงุดหงิดที่ทวีขึ้น ความโกลาหลที่จังหวะสุดยอด พวกเขาทำให้การปล้นไม่ใช่แค่ดูได้ แต่สนุกจริงๆ แม้เมื่อบทเขียนไม่ค่อยลื่นไหล นักแสดงก็ขายได้ด้วยความมุ่งมั่นที่รู้สึกเกือบจะกล้าหาญ

ผลตอบแทนทางอารมณ์ของหนังมาในช่วงท้าย ตรงที่ตัวเอกเผชิญหน้ากับผลที่ตามมาจากการเลือกของพวกเขา ทั้งทางกฎหมายและส่วนตัว มันถูกจัดการอย่างละเอียดอ่อนกว่าที่คาดไว้ หลีกเลี่ยงการพูดสุนทรพจน์ดราม่าตามธรรมเนียมและใช้การแก้ปัญหาที่เงียบกว่าซึ่งเหมาะกับตัวละคร ผมชอบที่หนังไม่พยายามจริงจังเกินไป มันรับรู้ความยุ่งเหยิง แก้ไขสิ่งที่สำคัญ แล้วก็ดำเนินต่อไป ตอนจบ สนุกสนาน อบอุ่น และงี่เง่าเล็กน้อย สอดคล้องกับส่วนที่เหลือของหนังมาก

แม้จะมีปัญหาเหล่านั้น ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังเรื่องนี้สนุก มันยุ่งเหยิง เสียงดัง บางครั้งไร้สาระ แต่ก็มีเสน่ห์ มีพลัง และสร้างสรรค์กว่าหนังช่วงเทศกาลส่วนใหญ่ มันรู้ว่าตัวเองคืออะไร คือ หนังคอมเมดี้คริสต์มาสที่ให้ความสำคัญกับความสนุกมากกว่าตรรกะ และมันมุ่งมั่นกับอัตลักษณ์นั้นอย่างเต็มที่ ผมหัวเราะมากกว่าที่จะเกลือกตา ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่ผมขอจากเรื่องราวปล้นในช่วงเทศกาล

Jingle Bell Heist อาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่มันน่าจดจำ สนุกในความโกลาหล และตลกจริงๆ ในแบบที่ไม่คาดคิด ถ้าอยากดูหนังระดับเกียรติยศที่ขัดเงาเป็นมัน นี่ไม่ใช่ แต่ถ้าอยากได้การผจญภัยในช่วงเทศกาลที่บ้าคลั่งพร้อมหัวใจเล็กๆ น้อยๆ และการตัดสินใจที่น่าสงสัยเต็มไป มันให้มากกว่าที่คาดหวัง หนังเรื่องนี้เหมาะสำหรับใครที่อยากผ่อนคลายและหัวเราะในช่วงคริสต์มาส ไม่ต้องคิดมาก แค่สนุกกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นบนหน้าจอ แชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่กำลังหาหนังสนุกๆ ดูในช่วงเทศกาล และอย่าลืมมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในคอมเมนต์ว่าใครชอบโจรคนไหนมากที่สุด!

• ชื่อเรื่องในภาษาไทย: โจรกรรมจิงเกิลเบล
• ประเภท: คอมเมดี้, ปล้น, ครอบครัว
• วันที่ออกฉาย: 2025
• ความยาว: 1 ชั่วโมง 36 นาที
• ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix