![[รีวิว-เรื่องย่อ] นินจา ปะทะ ยากูซ่า | Ninja Vs Gokudo (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/10/Review-Ninja-Vs-Gokudo.webp)
- Ninja Vs Gokudo นำเสนอสงครามระหว่างนินจาและยากูซ่าที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยเอโดะ สู่โตเกียวยุคปัจจุบัน
- ตัวเอกคู่นี้คือคิวามิ โกคูโด จากแก๊งยากูซ่า และทานากะ ชิโนฮะ จากตระกูลนินจา ทั้งคู่หลงใหลแอนิเมะแต่ต้องเผชิญศัตรูใจ
- แอนิเมะชุดนี้มีจุดเด่นเรื่องไอเดียแปลกใหม่ แต่ขาดความลื่นไหลในแอนิเมชั่นและการพากย์
- สไตล์การเล่าเรื่องผสมความรุนแรงและฮาแบบเบาๆ เหมาะสำหรับแฟนแนวแอ็คชั่นที่ชอบอะไรเซอร์ๆ
เคยลองนึกภาพไหมว่าถ้านินจาโบราณบุกโตเกียวสมัยใหม่ แล้วปะทะกับพวกยากูซ่าที่ควบคุมถนนย่านชิบูย่า จะเกิดอะไรขึ้น? แอนิเมะ Ninja Vs Gokudo (2025) พาไปสำรวจสงครามเก่าแก่ที่หลุดออกจากเงามืด สู่โลกที่เต็มไปด้วยแสงนีออนและเทศกาลฮาโลวีนสุดคึกคัก เรื่องราวเริ่มจากไฟไหม้เมืองเอโดะปี 1657 ที่จุดชนวนความแค้นระหว่างสองตระกูล แล้วกระโดดมาสู่ปัจจุบัน ที่ตัวเอกสองคนต้องสานต่อมรดกเลือดนี้ ท่ามกลางชีวิตประจำวันแบบโอตาคุที่ดูธรรมดาแต่แฝงอันตราย
ไอเดียหลักของแอนิเมะชุดนี้เหมือนเกมสุ่มตัวละครจากตู้เกมในร้านอาร์เคด ผสมนินจากับยากูซ่าเข้าไว้ด้วยกัน จนกลายเป็นซุปครัวเรือนที่ชวนสงสัยว่าจะรสชาติยังไง แต่กลับน่าสนใจตรงที่มันสะท้อนด้านมืดของมนุษย์ ตั้งแต่ยุคเกษตรกรรมที่มนุษย์เริ่มตั้งถิ่นฐาน จนกลายเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยการต่อสู้เพื่ออำนาจ นินจา กับ ยากูซ่า ในที่นี้ไม่ใช่แค่ตัวร้ายในนิยาย แต่เป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้งที่ยังคงลุกลามในเงามืดของญี่ปุ่นสมัยใหม่
บทความนี้จะพาไปเจาะลึกทุกมุมของตอนแรก ตั้งแต่พล็อตที่พุ่งทะยาน ตัวละครที่ชวนให้ติดตาม ไปจนถึงจุดอ่อนที่ทำให้แฟนๆ ต้องถอนหายใจ มาดูกันว่าแอนิเมะเรื่องนี้จะจุดประกายความตื่นเต้นหรือกลายเป็นแค่ลูกเล่นที่ล้มเหลว

ตอนแรกเปิดฉากด้วยภาพไฟลุกโหมเมืองเอโดะปี 1657 ที่กำลังกลายเป็นเถ้าถ่าน สองฝ่ายนักสู้ปะทะกันท่ามกลางกำแพงเพลิงที่แผดเผา ความแค้นเบ่งบานราวกับดอกลิลลี่แมงมุมริมฝั่งแม่น้ำเงียบสงบ ฝ่ายหนึ่งคือบรรพบุรุษนินจาที่ซ่อนตัวในเงา อีกฝ่ายคือยากูซ่าโบราณที่ครองอิทธิพลดิบเถื่อน การต่อสู้นี้ไม่ใช่แค่การชิงดี แต่เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามที่สืบทอดมาหลายศตวรรษ จนกลายเป็นมรดกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับคนรุ่นหลัง
กระโดดมาสู่โตเกียวยุคปัจจุบัน ตัวเอกหลักคือคิวามิ โกคูโด ชายหนุ่มจากตระกูลยากูซ่าที่ดูเป็นนักธุรกิจธรรมดา แต่แฝงความดุร้ายไว้ใต้ร่มเงา เขาชอบดูแอนิเมะและเป็นโอตาคุตัวยง ส่วนทานากะ ชิโนฮะ คือลูกหลานนินจาที่มีรูปลักษณ์ขรึมๆ เก้งก้าง แต่ฝีมือลึกลับล่อแหลม ทั้งคู่ถูกโชคชะตาผูกมัดให้เป็นศัตรู แม้จะมีจุดร่วมคือความหลงใหลในวัฒนธรรมป๊อปญี่ปุ่น ชิโนฮะบุกมาขัดแผนลอบสังหารผู้ว่าการโตเกียวและครอบครัวของเขา ซึ่งเป็นแผนของโกคูโด สงครามเก่าแก่จึงปะทุขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางถนนที่สะอาดสะอ้านแต่เปื้อนเลือด
เรื่องราวในตอนนี้ชวนให้คิดถึงการปะทะระหว่างอดีตกับปัจจุบัน นินจาที่เคยเป็นตำนานลึกลับต้องเผชิญกับยากูซ่าที่ปรับตัวเข้ากับสังคมทุนนิยม พวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่แค่นักรบ แต่เป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีชีวิตส่วนตัว เช่น การเถียงกันเรื่องอนิเมะเรื่องโปรด การปะทะครั้งนี้ไม่ใช่แค่ดวลมีด แต่เป็นการทดสอบว่าความเป็นเพื่อนจะเอาชนะความแค้นได้หรือไม่ ในโลกที่ทุกอย่างดูเชื่อมโยงกันผ่านหน้าจอ
คิวามิ โกคูโด คือตัวแทนของยากูซ่าสมัยใหม่ เขาแต่งตัวเรียบร้อยแบบนักธุรกิจ แต่ลึกๆ แล้วคือหัวหน้าแก๊งที่ควบคุมเทศกาลฮาโลวีนย่านชิบูย่า ชายคนนี้มีเสน่ห์แบบเงียบขรึม ชอบใช้สมองมากกว่ากำปั้น แต่เมื่อถึงเวลาต้องลงมือ เขาก็โหดเหี้ยมไม่แพ้นินจา การที่เขาเป็นโอตาคุช่วยให้ตัวละครดูมนุษย์มากขึ้น ไม่ใช่แค่เครื่องจักรสังหาร แต่เป็นคนที่ใช้เวลาว่างดูอนิเมะเพื่อคลายเครียด ท่ามกลางชีวิตที่เต็มไปด้วยอันตราย
ทานากะ ชิโนฮะ ตรงข้ามกับโกคูโด เขาเป็นนินจาที่ดูเก้งก้างและขี้อาย แต่ฝีมือการต่อสู้ลื่นไหลราวกับเงาในคืนพระจันทร์ ชิโนฮะมาจากตระกูลที่ซ่อนตัวมานาน รักษาไว้ซึ่งศิลปะนินจาโบราณ แต่เขาก็หลงรักแอนิเมะเหมือนกัน ทำให้ทั้งคู่มีจุดเชื่อมโยงที่ชวนให้หวังว่าจะพัฒนาเป็นมิตรภาพ การที่ชิโนฮะขัดแผนของโกคูโดไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่เป็นการท้าทายระบบที่ครอบงำชีวิตเขา สร้างมิติให้ตัวละครนี้น่าติดตามยิ่งขึ้น
ทั้งสองตัวละครนี้เหมือนคู่ปรับที่ถูกกำหนดโดยโชคชะตา แต่การเพิ่มองค์ประกอบโอตาคุเข้าไปทำให้พวกเขาดูใกล้ชิดกับวัยรุ่นสมัยใหม่ คิวามิกับชิโนฮะไม่ใช่แค่ศัตรู แต่เป็นกระจกสะท้อนสังคมญี่ปุ่นที่ผสมผสานประเพณีเก่ากับวัฒนธรรมป๊อปได้อย่างลงตัว แม้จะยังไม่พัฒนาลึก แต่ตอนแรกนี้วางรากฐานให้เห็นศักยภาพในการเล่าเรื่องที่ชวนให้อยากดูต่อ

ไอเดียหลักของ Ninja Vs Gokudo คือการผสมนินจาโบราณเข้ากับยากูซ่าสมัยใหม่ ซึ่งชวนให้นึกถึงหนังสือเด็กแนว “ใครจะชนะ” ที่ให้สัตว์ป่าต่อสู้กันแบบ ดับเบิลยูดับเบิลยูอี แต่ที่นี่มันจัดจ้านและดิบเท่กว่ามาก ด้วยเลือดสาดและความรุนแรงที่ซ่อนในเงาโตเกียว การใช้ประวัติศาสตร์จริง เช่น ไฟไหม้เอโดะ ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้พล็อต ทำให้ไม่ใช่แค่แอ็คชั่นไร้สาระ แต่เป็นการสำรวจว่าความขัดแย้งเก่าแก่จะอยู่รอดในโลกดิจิทัลได้ยังไง เพลงประกอบเปิดโดย มิยาวิ ก็ช่วยสร้างบรรยากาศตื่นเต้นตั้งแต่ต้น
แต่ปัญหาหลักอยู่ที่แอนิเมชั่นและการพากย์ที่แข็งทื่อราวกับหุ่นยนต์ในเกมเก่าๆ ตัวละครแทบไม่แสดงอารมณ์ ทำให้ฉากต่อสู้น่าติดตามน้อยลง การพากย์ดูตรงตัวเกินไป คล้ายคำสั่งในเกม โซนิค แอดเวนเจอร์ 2 ที่ขาดอารมณ์จริงๆ ไม่ใช่ความผิดของนักพากย์ แต่เป็นการกำกับที่ล้มเหลว ส่งผลให้ตอนแรกดูเป็นงานเกรดบีที่น่าจดจำเพราะเหตุผลผิดๆ เช่น มุก “ผู้ชายใส่ชุดเดรส” ที่เกือบกลายเป็นเรื่องน่ารังเกียจแต่ตัดออกทัน
โดยรวม แอนิเมะชุดนี้มีศักยภาพจากคอนเซ็ปต์แปลกใหม่ แต่การนำเสนอยังกลางๆ ไม่เด่นพอที่จะดึงดูดแฟนแนวนี้ ถ้าปรับปรุงจังหวะการเล่าเรื่อง และเพิ่มความลึกให้ตัวละครได้ มันอาจกลายเป็นเพชรในตมของซีซั่น แต่ตอนนี้ยังดูเป็นแค่การทดลองที่ไม่สมบูรณ์แบบ
Ninja Vs Gokudo (2025) คือแอนิเมะที่ท้าทายความคาดหวัง ด้วยการนำนินจาและยากูซ่ามาปะทะกันในโลกโอตาคุสมัยใหม่ มันสะท้อนว่าประวัติศาสตร์ไม่เคยจบสิ้น แต่ปรับตัวเข้ากับยุคสมัยได้อย่างไร แม้ตอนแรกจะมีจุดด้อยเรื่องการผลิต แต่ไอเดียหลักยังชวนให้คิดถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยการต่อสู้เพื่อครองอำนาจ ถ้าชอบแนวแอ็คชั่นผสมฮาเบาๆ ลองให้โอกาสดูสักตอน แล้วมาคุยกันว่ามันเวิร์กหรือเปล่า
แอนิเมะเรื่องนี้เตือนว่าการผสมองค์ประกอบสุ่มๆ ไม่ใช่แค่ความสนุก ถ้าขาดการเล่าเรื่องที่แน่น มันอาจกลายเป็นแค่ของเล่นชั่วคราว แต่ถ้าทีมงานปรับปรุงได้ ซีรีส์นี้อาจจุดประกายการถกเถียงสนุกๆ ในคอมมิวนิตี้แอนิเมะ ลองแชร์ความเห็นในคอมเมนต์ว่าสงครามนินจา-ยากูซ่าจะจบยังไง หรือแท็กเพื่อนๆ ที่หลงรักแนวนี้มาดูด้วยกัน สนับสนุนคอนเทนต์ดีๆ ด้วยการแชร์โพสต์นี้ให้แพร่หลาย!
- ชื่อเรื่องในภาษาไทย: นินจา ปะทะ ยากูซ่า
- ประเภท: แอ็คชั่น, ดราม่า, โอตาคุ
- วันที่ออกฉาย: 8 ตุลาคม 2568
- เรตติ้ง MyAnimeList: 6.50/10
- ช่องทางการดูในประเทศไทย: Amazon Prime Video