รีวิวซีรีส์ฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] รักนี้… ไม่มีใครอยากได้ | Nobody Wants This ซีซั่น 2

  • ซีซั่น 2 เน้นดราม่าระหว่างตัวละครรองอย่างมอร์แกนและเอสเธอร์ แต่ขาดความลึกและความตึงเครียด
  • การแสดงของจัสติน ลูป ในบทมอร์แกนโดดเด่นด้วยเสน่ห์และความสดใสที่ขโมยซีนทุกครั้ง
  • เนื้อเรื่องยืดเยื้อ ขาดมุกฮาและบทสนทนาเฉียบคมแบบซีซั่นแรก ทำให้ดูจืดชืด
  • ธีมหลักยังวนเวียนเรื่องการเปลี่ยนศาสนา แต่ส่วนอื่นๆ ดูไร้สาระและลืมง่าย

เคยลองนั่งดูซีรีส์ที่เริ่มต้นสนุกปั๊บ แต่พอซีซั่นต่อไปกลับรู้สึกเหมือนกินขนมจืดๆ ที่ไม่มีรสไตยไหม? Nobody Wants This ซีซั่น 2 กำลังพาแฟนๆ ไปเจอประสบการณ์แบบนั้นเลย ซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้เรื่องนี้ จากฝีมือผู้สร้างเอริน ฟอสเตอร์ ยังคงเล่าเรื่องความรักต้องห้ามระหว่างโจน (เคริสเตน เบลล์) สาวนอกศาสนากับโนอาห์ (อะแดม โบรดี) ชายชาวยิวที่เคร่งครัด แต่คราวนี้ทุกอย่างดูแผ่วลง เหมือนเดิมพันที่เคยตื่นเต้นกลายเป็นเกมเด็กๆ ที่ยืดเยื้อไม่จบสิ้น เรื่องราวในซีซั่นนี้หมุนรอบความสัมพันธ์ที่พังทลายของตัวละครรอง และคำถามเก่าๆ ว่าความรักจะเอาชนะกำแพงศาสนาได้จริงหรือเปล่า

แทนที่จะเจาะลึกดราม่าหลัก ซีซั่น 2 กลับโฟกัสไปที่มอร์แกน (จัสติน ลูป) สาวมั่นใจที่กล้าโชว์เสน่ห์ตัวเองแบบไม่เกรงใจใคร เธอชอบเล่นผม สะบัดหน้าให้ดูสวยเป๊ะ แล้วยิ้มรับคำชมแบบ “รู้อยู่แล้วน่า” แต่โชคร้ายที่เรื่องราวของเธอกับหมอแอนดี้ (อาเรียน โมอายด) กลับจืดสนิท จากคบกันจนเลิกกันตอนปาร์ตี้หมั้นหมาย มันเหมือนเรื่องเล็กๆ ที่ถูกยืดให้ยาวเกินไป จนคนดูง่วงเหงา บทความนี้จะพาไปเจาะลึกทุกมุมของซีซั่นนี้ ตั้งแต่จุดเด่นของนักแสดง ไปจนถึงจุดอ่อนที่ทำให้ซีรีส์ดูจืดชืดแบบน่าเสียดาย มาดูกันว่า Nobody Wants This ซีซั่น 2 จะพาไปหัวเราะรึร้องไห้ หรือแค่เบื่อๆ ไปวันๆ ได้ยังไง

รีวิวและเรื่องย่อ Nobody Wants This (รักนี้… ไม่มีใครอยากได้) ซีซั่น 2

Nobody Wants This ซีซั่น 2 ยังคงเดินเรื่องจากจุดจบของซีซั่นแรก ที่โจนกับโนอาห์ต้องเผชิญแรงกดดันจากครอบครัวและชุมชนชาวยิว แต่คราวนี้เนื้อเรื่องกระจายไปหาตัวละครรองมากเกิน จนดราม่าหลักดูหายไปไหนไม่รู้ มอร์แกนกลายเป็นดาวเด่นด้วยบุคลิกสดใส เธอรับมือคำพูดร้ายๆ จากซาชา (ทิโมธี ไซมอนส์) แบบชิลๆ สะบัดผมแล้วเดินหน้าต่อ เหมือนเกราะที่ปกป้องตัวเองแต่กลับทำให้ดูน่ารักยิ่งขึ้น ฉากที่เธอเบื่อพิธีตั้งชื่อลูก แล้วบิดตัวเหมือนเด็กงอแง ขโมยซะใจกล้องเลย แม้บทจะไม่ค่อยช่วย แต่จัสติน ลูป ก็ทำให้มอร์แกนดูมีชีวิตชีวาแบบติดหนึบ

ส่วนเอสเธอร์ (แจ็คกี้ โทห์น) ภรรยาของซาชา ก็มีโมเมนต์น่าสนใจตอนเห็นสามีสนุกกับมอร์แกน แล้วตระหนักว่าชีวิตตัวเองน่าเบื่อแค่ไหน สุดท้ายเธอก็เลิกกับซาชา เหมือนโดมิโน่ล้มต่อกัน แต่เส้นเรื่องพวกนี้บางเบาจนเหมือนกระดาษทิชชู ซีซั่นนี้มีแค่ 10 ตอน ตอนละ 20-30 นาที แต่ยืดเรื่องให้ยาวเกินไป ถ้าเป็นหนัง 2 ชั่วโมง คงจบสวยๆ ด้วยความเร่งด่วนและน้ำหนัก แต่ที่นี่มันแค่เบี่ยงเบนความสนใจ ไม่ใช่จุดพีคที่ทำให้ลุ้นตาม อย่างซาชาบอกโนอาห์ว่าแก้ปัญหากับเมียได้แล้ว แต่ไม่บอกว่าทำยังไง พูดคุยอะไรกันบ้าง มันทำให้คนดูงงๆ เหมือนเล่าเรื่องครึ่งๆ กลางๆ

การสนทนาในซีซั่นนี้ดูเหมือนเพื่อนเม้าท์มอยกันมากกว่า ฟังเพลินๆ ยิ้มๆ แต่พอจบแล้วจำไม่ได้สักอย่าง เหมือนปาร์ตี้ชิลๆ ที่ไม่มีสาระหนักๆ บินา (โทวาห์ เฟลด์ชูห์) พูดถึงกรรไกรตอนพูดถึงความสนิทของโนอาห์กับโจน แต่สุดท้ายไม่ใช้จริงๆ เหมือนโยนมุกให้คนดูขำเฉยๆ หรือฉากที่โนอาห์เล่าให้โจนฟังว่าคุยเรื่องความสัมพันธ์กับใครสักคนแบบครบทุกมุม แต่เราไม่เห็นบทสนทนาจริงๆ มันทำให้บทสนทนาทั้งหมดดูไร้ความหมาย ซีรีส์ที่พึ่งพาคำพูดเป็นหลัก กลับตัดส่วนสำคัญทิ้ง แล้วเหลือแต่เรื่องที่ขยับพล็อตหรือย้ำสิ่งที่รู้อยู่แล้ว เหมือนผู้สร้างเหนื่อยแล้ว ไม่มีไอเดียใหม่ๆ

ธีมหลักที่ซีซั่นนี้จริงจังหน่อยคือ โจนจะเปลี่ยนมานับถือศาสนายูดายเพื่อโนอาห์ไหม? แต่ส่วนอื่นๆ ดูลอยๆ ไม่เรียกร้องความสนใจ และไม่เปิดมิติใหม่ๆ คนดูอย่างเราคงคิดถึงบทสนทนาเฉียบๆ ระหว่างโจนกับโนอาห์จากซีซั่นแรก ที่ฮาและเคมีเพ้อปรอยได้ใจ แต่ซีซั่น 2 กลับวนลูปเก่าๆ อย่างคู่ปรับเก่าที่กลายเป็นแฟนคลับลับของมอร์แกนและโจน มันเหมือนได้ยินเสียงเอริน ฟอสเตอร์ถอนหายใจไกลๆ ว่า “หมดไอเดียแล้วว่ะ หมดแรง” จุดจบยังคล้ายซีซั่นแรกเป๊ะ ทำให้คนดูอ้าปากค้างด้วยความผิดหวัง ซีรีส์เรื่องนี้เคยสดใส แต่ตอนนี้ดูเหมือนไม่มีใครอยากได้จริงๆ

จัสติน ลูป ในบทมอร์แกนคือดาวเด่นที่ทำให้ซีซั่นนี้ยังดูได้ เธอมีเสน่ห์แบบสาวมั่นที่ไม่กลัวคำวิจารณ์ ชอบชมตัวเองและรับคำชมจากคนอื่นแบบชิลๆ ฉากที่เธอสะบัดผมโชว์หน้า หรือบิดตัวเบื่อๆ ในพิธี ทำให้คนดูมองไม่วางตา แม้บทจะไม่ค่อยช่วย แต่ความสดใสของเธอเหมือนแสงสว่างในความมืดมิดของซีรีส์ มันทำให้มอร์แกนดูเปราะบางแต่แข็งแกร่ง เหมือนเกราะที่ปกป้องหัวใจ แต่กลับดึงดูดคนดูให้อยากรู้จักมากขึ้น

อะแดม โบรดี กับ เคริสเตน เบลล์ ยังคงเคมีดี แต่ขาดประกายจากซีซั่นแรก โนอาห์ดูจริงจังกับความสัมพันธ์ แต่บทสนทนากลับแห้งๆ ไม่มีมุกฮาที่เคยทำให้คู่นี้สนุก โจนเองก็ยังน่ารัก แต่การตัดสินใจเรื่องศาสนาดูยืดเยื้อเกินไป ผู้แสดงสมทบอย่างอาเรียน โมอายด ในบทหมอแอนดี้ ก็ทำได้ดีในดราม่ารักต้องห้าม แต่เรื่องราวจบแบบรวดเร็วเกิน จนรู้สึกเสียดายพรสวรรค์ของทุกคน ซีซั่นนี้เหมือนนักแสดงกำลังลอยตัว ไม่มีบทที่ผลักดันให้ฉายแสงเต็มที่

ทิโมธี ไซมอนส์ กับ แจ็คกี้ โทห์น ในบทซาชาและเอสเธอร์ ก็มีโมเมนต์น่ารัก แต่เส้นเรื่องบางเกินไป ซาชาที่เคยแสบๆ กลับดูจืด เอสเธอร์ที่เลิกสามีเพราะเบื่อชีวิต ก็ไม่ลึกพอให้คนดูเอาใจช่วย มันเหมือนตัวละครพวกนี้แค่เติมพื้นที่ ไม่ใช่ส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนเรื่อง การแสดงโดยรวมยังน่าดู แต่ขาดความเข้มข้นที่ทำให้อยากติดตาม

Nobody Wants This ซีซั่น 2 สำรวจธีมความรักข้ามศาสนา แต่ยืดเยื้อเกินจนเสียเสน่ห์ คำถามว่าโจนจะเปลี่ยนศาสนาไหมยังน่าคิด แต่ส่วนอื่นๆ ดูไร้จุดหมาย เหมือนเรื่องเล่าที่วนไปวนมาโดยไม่มีบทสรุปชัดเจน มันทำให้คนดูรู้สึกเหมือนฟังเพื่อนเม้าท์ แต่พอจบแล้วลืมหมด ธีมการรับมือคำวิจารณ์หรือความสัมพันธ์ที่พัง ก็ถูกนำเสนอแบบผิวเผิน ไม่มีน้ำหนักทางอารมณ์

จุดอ่อนใหญ่คือการยืดเรื่องให้ครบตอน โดยไม่เพิ่มความลึก ฉากที่บินาพูดถึงกรรไกรแต่ไม่ใช้ หรือโนอาห์เล่าเรื่องคุยแต่ไม่โชว์ มันทำให้บทดูหลวม เหมือนผู้สร้างขี้เกียจขุดลึก เปรียบเหมือนกินบุฟเฟ่ต์ที่อาหารเยอะแต่ไม่อร่อยสักจาน ซีซั่นนี้ขาดความสดใหม่จากซีซั่นแรก ที่เคยฮาและจริงใจแบบวัยรุ่น กลับกลายเป็นสูตรสำเร็จเก่าๆ ที่เบื่อหน่าย

แต่ถ้ามองในแง่ดี มันยังคงเสน่ห์คอมเมดี้เบาๆ ที่ดูเพลินสำหรับวันชิลๆ ธีมมนุษย์ที่พยายามหาความสุขในความสัมพันธ์ยุ่งเหยิง ก็ยังสะท้อนชีวิตจริงได้บ้าง แต่มันไม่พอที่จะยกให้ซีซั่นนี้ปังเท่าเดิม

Nobody Wants This ซีซั่น 2 สรุปแล้วคือการเดินทางที่เริ่มต้นดีแต่จบแบบน่าผิดหวัง ซีรีส์เคยทำให้หัวใจเต้นแรงด้วยเคมีคู่หลักและมุกฮา แต่คราวนี้กลับยืดเยื้อ จืดชืด จนเหมือนไม่มีใครอยากดูต่อจริงๆ จุดเด่นอยู่ที่การแสดงของจัสติน ลูป ที่ขโมยซีนได้ทุกครั้ง แต่เนื้อเรื่องรองที่บางเบาและบทสนทนาที่ไร้สาระ ทำให้เสียโอกาสไปเยอะ มันเตือนใจว่าความรักต้องห้ามอาจสนุกตอนแรก แต่ถ้ายืดนานเกิน ก็กลายเป็นภาระได้ง่ายๆ

ถ้าชอบโรแมนติกคอมเมดี้เบาๆ ลองดูเพื่อเห็นนักแสดงโปรด แต่ถ้าคาดหวังความลึกแบบซีซั่นแรก คงต้องผิดหวัง ใครดูจบแล้วลองแชร์ในคอมเมนต์ว่าชอบตัวละครไหน หรือซีซั่นนี้พลาดอะไรไปบ้าง? แชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่กำลังหาซีรีส์ดูชิลๆ กันเถอะ อาจช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้ถูก!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: รักนี้… ไม่มีใครอยากได้ ซีซั่น 2
  • ประเภท: โรแมนติก, คอมเมดี้, ดราม่า
  • วันที่ออกฉาย: 23 ตุลาคม 2025
  • นักแสดงนำ: เคริสเตน เบลล์ (Kristen Bell), อะแดม โบรดี (Adam Brody), จัสติน ลูป (Justine Lupe), แจ็คกี้ โทห์น (Jackie Tohn)
  • ผู้สร้าง: เอริน ฟอสเตอร์ (Erin Foster)
  • ความยาว: 10 ตอน
  • เรตติ้ง IMDb: 7.8/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button