รีวิวซีรีส์ญี่ปุ่น

[รีวิว-เรื่องย่อ] ปลายบังเหียนเขียนฝัน | Passing the Reins (2025)

  • เรื่องราวของนักบัญชีที่ต้องสืบสวนการทุจริตในธุรกิจม้าแข่ง ผสมผสานกับประวัติความรู้สึกผิดที่ฝังลึกในจิตใจ ทำให้ติดตามต่อเนื่อง
  • ยูอิชิ นากามูระถ่ายทอดบทบาทเอจิได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะฉากเผชิญหน้าและฉากที่สร้างสายสัมพันธ์กับม้า
  • สำรวจเรื่องความโปร่งใส การทรยศ และการเยียวยาจิตใจ เหมาะสำหรับแฟนละครญี่ปุ่นที่ชื่นชอบเนื้อหาที่มีความลึกซึ้ง
  • จังหวะเรื่องช้าในบางช่วง แต่หากผ่านไปได้ จะกลายเป็นซีรีส์คุณภาพที่กระตุ้นให้คิดตาม

เคยลองนึกภาพไหมว่าชีวิตที่ดูเรียบง่ายของนักบัญชีคนหนึ่ง จะนำไปสู่โลกแห่งการแข่งม้า การทุจริต และความรู้สึกผิดที่ฝังลึกในจิตใจ ซีรีส์ Passing the Reins ปี 2025 จากญี่ปุ่น บน Netflix พาเราเจาะลึกเรื่องราวของเอจิ คูริสุ ชายหนุ่มที่ทำงานด้านบัญชีภาษี แต่ต้องก้าวเข้าสู่วงการม้าแข่งที่เต็มไปด้วยความลับมืดมน เริ่มจากตอนแรกที่ดูเหมือนเรื่องธรรมดา แต่ค่อยๆ เผยให้เห็นปัญหาทางธุรกิจและครอบครัวที่ซับซ้อน จนทำให้ผู้ชมติดตาม

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ละครธุรกิจธรรมดา แต่ผสมผสานความตึงเครียดจากการสืบสวน กับฉากม้าแข่งที่น่าตื่นเต้น และประวัติของตัวเอกที่กระตุ้นให้ผู้ชมนึกถึงชีวิตของตัวเอง ใครที่ชอบซีรีส์แนวสืบสวนผสมอารมณ์อย่าง Money Heist หรือ Succession แต่ในสไตล์ญี่ปุ่นที่เรียบง่าย เรื่องนี้ตอบโจทย์แน่นอน มันชวนให้ตั้งคำถามว่า เมื่อต้องเลือกระหว่างหน้าที่กับความรู้สึก จะทำอย่างไรให้ทุกอย่างลงตัว

บทความนี้จะพาไปดำดิ่งทุกมุมของ Passing the Reins ตั้งแต่โครงเรื่องหลัก การแสดงที่โดดเด่น ไปจนถึงธีมลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง มาดูกันว่าซีรีส์เรื่องนี้จะพาเราไปสัมผัสกับความจริงในโลกธุรกิจม้าแข่งได้น่าติดตามแค่ไหน โดยเฉพาะในยุคที่ความโปร่งใสทางบัญชีกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจ

Passing the Reins เปิดเรื่องด้วยฉากที่ดูเรียบง่ายแต่ชวนให้สงสัย ชายหนุ่มหน้าตาจริงจังชื่อเอจิ คูริสุ นักบัญชีภาษีที่ทำงานในบริษัทใหญ่ เขานั่งตรงข้ามกับยูทาโร่ เจ้าของบริษัทม้าแข่งขนาดใหญ่ที่กำลังเผชิญวิกฤตหนัก แผนกม้าแข่งซึ่งเคยเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ ตอนนี้ขาดทุนอย่างหนัก ยูทาโร่สงสัยว่าพ่อของตัวเองคือโคโซ่ ซันโนะ อาจยักยอกเงิน แต่ไม่มีหลักฐานชัดเจน เขาจึงขอให้เอจิช่วยตรวจสอบบัญชีแผนกนี้ เพื่อหยุดยั้งการคอร์รัปชันที่อาจซ่อนอยู่เบื้องหลัง เอจิรับงานนี้ในนามบริษัทบัญชี L&U เพื่อปกปิดวัตถุประสงค์ที่แท้จริง แล้วเดินทางไปพบโคโซ่โดยตรง

โคโซ่ ซันโนะ คือตัวละครแบบที่เราเคยเห็นในซีรีส์ธุรกิจญี่ปุ่นหลายเรื่อง ชายวัยกลางคนที่พูดจาตรงไปตรงมา ยึดหลักเวลาคือเงินเป็นอันดับแรก คำพูดแรกที่เขาบอกเอจิคือมาช้าไปห้านาที แม้จะไม่ใช่เวลาที่นานมาก แต่แสดงให้เห็นถึงนิสัยเข้มงวดและจริงจังของเขา โคโซ่ไม่ชอบเสียเวลา ไม่พูดมากเกินไป และคาดหวังผลงานที่ชัดเจน แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือชายคนนี้ฉลาดเกินคาด เขารู้ทันทีว่าเอจิไม่ได้มาจริงๆ เพื่อตรวจบัญชี แต่มีวาระที่ซ่อนเร้นจากลูกชายของตัวเอง สถานการณ์นี้ทำให้เรื่องราวเข้มข้นขึ้นทันที ราวกับหมากรุกที่แต่ละฝ่ายกำลังวางแผนกันอย่างเงียบๆ

ระหว่างทาง เอจิเริ่มหลงใหลในม้าเหล่านั้น เขาค้นพบว่าม้าของโคโซ่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษมากกว่าม้าทั่วไป ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ แต่มีเหตุผลที่ลึกซึ้งซึ่งเชื่อมโยงกับการทุจริตที่เกิดขึ้นโดยที่โคโซ่เองก็ไม่ได้รับรู้ ตอนนี้คำถามใหญ่คือ เอจิที่เข้าใจความจริงทั้งหมดแล้ว จะปกป้องแผนกม้าแข่งไม่ให้ปิดตัวได้ไหม จะช่วยม้าพวกนั้นไม่ให้ถูกขายทิ้งได้หรือไม่ และประวัติของเอจิเองก็ค่อยๆ ถูกเปิดเผย ชีวิตของเขาถูกครอบงำด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่ได้ช่วยพ่อในธุรกิจบัญชีภาษีตั้งแต่ยังมีโอกาส พ่อจากไปแล้ว เวลาผ่านไป ความรู้สึกผิดนี้ยังคงหลอกหลอนเขาอยู่เสมอ ทำให้ตัวละครมีมิติมากขึ้น ไม่ใช่แค่นักสืบธรรมดา

เอจิ คูริสุ รับบทโดยยูอิชิ นากามูระ คือหัวใจของเรื่อง เขาเริ่มต้นเป็นชายธรรมดาที่ทำงานบัญชี แต่ค่อยๆ เติบโตผ่านการสืบสวนและความผูกพันกับม้า การแสดงของนากามูระถ่ายทอดความจริงจังและความอ่อนไหวได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะฉากที่เขาต้องเผชิญหน้ากับโคโซ่ ซึ่งเต็มไปด้วยความตึงเครียดแบบเงียบๆ มันชวนให้นึกถึงการต่อสู้ภายในใจของคนที่ต้องเลือกระหว่างหน้าที่กับศีลธรรม เอจิไม่ใช่ฮีโร่แบบหล่อเหลา แต่เป็นคนจริงๆ ที่มีจุดอ่อนจากอดีต ทำให้ผู้ชมเอาใจช่วยได้ง่าย

โคโซ่ ซันโนะ รับบทโดยเคนจิ ทาคาฮาชิ ชายคนนี้คือตัวแทนของนักธุรกิจรุ่นเก่าที่ยึดมั่นในหลักการ แต่ซ่อนความลึกซึ้งไว้ใต้ท่าทีที่แข็งกร้าว การแสดงของทาคาฮาชิทำให้โคโซ่ดูน่าเกรงขามแต่ก็มีเสน่ห์ในแบบที่ชวนให้สงสัย เขาไม่ใช่ตัวร้ายที่ชัดเจน แต่เป็นคนที่ปกป้องธุรกิจของตัวเองด้วยวิธีที่เข้มงวด ฉากสนทนากับเอจิในตอนแรก สร้างบรรยากาศราวกับกำลังเล่นเกมจิตวิทยา ที่แต่ละคำพูดมีน้ำหนักทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น ประวัติของโคโซ่ที่เชื่อมโยงกับม้าแข่ง ยังเผยให้เห็นด้านอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ ทำให้ตัวละครนี้มีความซับซ้อนมากกว่าแค่เจ้านายใหญ่

ส่วนยูทาโร่ ลูกชายของโคโซ่ รับบทโดยโชตะ โซเมตะนิ เขาเป็นตัวจุดชนวนเรื่องทั้งหมด ชายหนุ่มที่อยากพิสูจน์ตัวเองในธุรกิจครอบครัว แต่ถูกความสงสัยในตัวพ่อบดบัง การแสดงของโซเมตะนิถ่ายทอดความขัดแย้งภายในได้ดี โดยเฉพาะความรู้สึกผิดที่คล้ายกับเอจิ มันทำให้เรื่องราวเชื่อมโยงกันอย่างแนบเนียน ราวกับกระจกสะท้อนปัญหาครอบครัวในโลกธุรกิจญี่ปุ่นสมัยใหม่ ตัวละครเหล่านี้ไม่ใช่แค่ชื่อบนกระดาษ แต่มีชีวิตชีวาที่ชวนให้ผู้ชมอยากรู้ต่อว่าพวกเขาจะเผชิญอะไรอีก

Passing the Reins สำรวจธีมการทุจริตในธุรกิจม้าแข่งที่ดูเหมือนไกลตัว แต่จริงๆ แล้วสะท้อนปัญหาความโปร่งใสในสังคมญี่ปุ่นได้อย่างคมคาย มันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่พูดถึงความภักดีต่องาน ความรู้สึกผิดจากอดีต และการเยียวยาจิตใจผ่านสิ่งมีชีวิตอย่างม้า ฉากม้าแข่งที่น่าตื่นเต้นผสมกับละครเรื่องบัญชี ทำให้เรื่องราวไหลลื่น ไม่น่าเบื่อแม้จะมีรายละเอียดทางธุรกิจมาก เปรียบเหมือนการขี่ม้าที่ต้องควบคุมบังเหียนให้ดี มิฉะนั้นทุกอย่างจะพังทลาย

จุดเด่นอีกอย่างคือการถ่ายทำที่เน้นความสมจริง ฉากฟาร์มม้าและสนามแข่งดูมีชีวิตชีวา ไม่ใช่แค่ฉากหลัง แต่เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว ผู้กำกับเคนจิ นากาชิมะ นำเสนอด้วยจังหวะช้าๆ ที่ค่อยๆ สร้างความตึงเครียด เหมือนกำลังรอให้ม้าวิ่งพุ่งไปข้างหน้าในช่วงท้าย มันชวนให้คิดถึงชีวิตจริงที่ปัญหาไม่สามารถแก้ไขได้ในวันเดียว แต่ต้องใช้เวลาและความอดทน นอกจากนี้ เสียงประกอบและดนตรีที่นุ่มนวล ยังช่วยเสริมอารมณ์ ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในโลกนั้นจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ซีรีส์เรื่องนี้มีจังหวะช้าในบางช่วง โดยเฉพาะรายละเอียดเรื่องบัญชีที่อาจทำให้คนที่ไม่ถนัดรู้สึกง่วง แต่ถ้าผ่านจุดนั้นไปได้ มันจะกลายเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งและน่าจดจำ โดยเฉพาะสำหรับแฟนม้าแข่งหรือคนที่ชอบละครธุรกิจ มันไม่ใช่แอ็กชันที่สนุกสนาน แต่เป็นการเดินทางทางจิตใจที่ค่อยๆ เผยความจริง ราวกับการตรวจสอบบัญชีที่ต้องขุดลึกถึงต้นตอ

Passing the Reins คือซีรีส์ที่ชวนให้คิดทบทวนเรื่องความไว้วางใจในธุรกิจและครอบครัว มันแสดงให้เห็นว่าการทุจริตไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่คือการทรยศความรู้สึกที่ฝังรากลึก เอจิ คูริสุ กลายเป็นตัวอย่างของคนที่พยายามแก้ไขอดีต ขณะที่โคโซ่และยูทาโร่ต้องเผชิญความจริงในแบบของตัวเอง ธีมเหล่านี้ทำให้เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นกระจกสะท้อนสังคมที่เราอยู่

ใครที่กำลังมองหาซีรีส์ละครญี่ปุ่นที่ผสมผสานธุรกิจและอารมณ์ ลองเปิดดูสักตอนสิ มันอาจทำให้คิดถึงชีวิตตัวเองได้ อย่าลืมแชร์ความเห็นในคอมเมนต์ว่าชอบตัวละครไหนมากที่สุด หรือฉากม้าแข่งที่ประทับใจ แล้วก็ชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันบน Netflix ใครจะรู้ อาจกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนพูดถึงในกลุ่มเพื่อนก็ได้

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: ปลายบังเหียนเขียนฝัน
  • ประเภท: ดราม่า, สืบสวนธุรกิจ, ครอบครัว, ญี่ปุ่น
  • วันที่ออกฉาย: 13 ตุลาคม 2568
  • นักแสดงนำ: ซะโดะชิ สีมะบุกิ, เรน เมกุโระ, วาคานะ มัตสึโมโตะ, มาซาโนบุ อันโดะ, มาฮิโระ ทาคาสุกิ, เคนจิโร่ ซึดะ, ฮิซาชิ โยชิซาวะ, คัตสึมิ คิบะ, โตชิโนริ โอมิ, Nagisa Sekimizu, Erika Osanai, ฮิโรกิ อาคิยามะ, โคทาโระ โคอิซุมิ, ฮิโตมิ คุโรกิ, อิกคิ ซาวามุระ, โคอิจิ ชาโตะ
  • ผู้กำกับ: เคนจิ นากะชิมะ
  • ความยาว: 10 ตอน
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button