รีวิวซีรีส์ฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] Stranger Things ซีซั่น 5 Vol. 1 บทจบที่ยิ่งใหญ่เริ่มต้นแล้ว

  • Stranger Things ซีซั่น 5 ปล่อยเป็น 3 ช่วง เริ่มต้นด้วย 4 ตอนแรก พร้อมงบสร้างตอนละ 60 ล้านดอลลาร์ที่เห็นได้ชัดในทุกฉาก
  • การแสดงของ Millie Bobby Brown ในบท Eleven ยังคงเป็นหัวใจหลัก ขณะที่เธอเตรียมพร้อมสู้กับ Vecna ครั้งสุดท้ายในยุค 1987
  • ซีซั่นนี้ผสมผสานแอ็คชั่นสุดมันส์กับดราม่าที่จับใจ โดยเฉพาะการเจาะลึกความรู้สึกของตัวละครแต่ละคน
  • รายละเอียดยุค 80s ตั้งแต่ทรงผมจนถึงเพลงประกอบอย่าง ‘I Think We’re Alone Now’ สร้างบรรยากาศได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เราเคยสงสัยไหมว่าซีรีส์ที่เราตามมาตั้งแต่ปี 2016 จะจบลงอย่างไร? Stranger Things ซีซั่น 5 ที่รอคอยกันมานานในที่สุดก็มาถึงแล้ว และการกลับมาครั้งนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว Netflix ตัดสินใจปล่อยซีซั่นสุดท้ายนี้ออกเป็น 3 ช่วง เพื่อให้แฟนๆ ได้เพลิดเพลินกับทุกช่วงเวลาอย่างเต็มที่ โดยช่วงแรก (Vol. 1) มี 4 ตอนเปิดตัววันนี้ (27 พฤศจิกายน) ตามด้วยอีก 3 ตอนในวันคริสต์มาส และตอนจบยาว 2 ชั่วโมงในวันส่งท้ายปีเก่า

ที่น่าสนใจคือในอเมริกาเหนือ Netflix ยังตัดสินใจฉายตอนจบบนจอใหญ่ในโรงหนังอีกด้วย ซึ่งเป็นการยืนยันว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ซีรีส์ธรรมดาอีกต่อไป แต่กลายเป็น ปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมป๊อป ที่ทุกคนต่างจับตามอง จากที่ได้ดู Vol. 1 ทั้ง 4 ตอนแล้ว สามารถบอกได้เลยว่านี่คือหนึ่งในซีซั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของซีรีส์เรื่องนี้

บทความนี้จะพาไปสำรวจทุกมุมมองของ Stranger Things ซีซั่น 5 Vol. 1 ตั้งแต่เนื้อเรื่องที่น่าติดตาม การแสดงที่โดดเด่น ไปจนถึงรายละเอียดยุค 80s ที่สร้างบรรยากาศได้อย่างสมบูรณ์แบบ มาดูกันว่าซีซั่นสุดท้ายนี้จะพาเราไปผจญภัยครั้งสุดท้ายใน Hawkins ได้อย่างไร

Stranger Things 5 Vol 1 #1

หลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ในซีซั่น 4 ผ่านไป 18 เดือน เรื่องราวในซีซั่น 5 เริ่มต้นขึ้นในปี 1987 โดย Hawkins ยังคงต้องเผชิญกับภยันตรายจาก Upside Down มิติคู่ขนานที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตประหลาดและอันตราย ในครั้งนี้ วัยรุ่นกลุ่มเดิมของเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับ Vecna จอมมารที่คอยคุกคามพวกเขามาตลอด

Jamie Campbell Bower กลับมาแสดงในบท Vecna อีกครั้งด้วยความน่าสะพรึงกลัวที่เพิ่มขึ้น เขาใช้พลังเหนือธรรมชาติของตัวเองอย่างคาดเดาไม่ได้ สร้างความตึงเครียดให้กับทุกฉากที่ปรากฏตัว การแสดงของเขามีความลึกซึ้งและน่าขนลุกมากขึ้น แสดงให้เห็นว่า Vecna ไม่ใช่แค่ตัวร้ายธรรมดา แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีแผนการและความชั่วร้ายที่ซับซ้อน

Millie Bobby Brown ในบท Jane ‘Eleven’ Hopper แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของตัวละครอย่างชัดเจน Eleven ซึ่งเป็นเด็กหญิงที่มีพลังกายสิทธิ์ทางจิต เป็นหนึ่งเดียวที่สามารถเอาชนะ Vecna ได้ เธอจึงฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางกลับไปยัง Upside Down อีกครั้ง ฉากที่เธอฝึกฝนอย่างหนักทำให้นึกถึง Rocky แต่ในเวอร์ชันวัยรุ่นยุค 80s การแสดงของ Brown สะท้อนความมุ่งมั่น ความกลัว และความรับผิดชอบที่ Eleven รู้สึกต่อเพื่อนๆ และครอบครัว

Joyce Byers แสดงโดย Winona Ryder และ Jim Hopper แสดงโดย David Harbour ซึ่งเป็นพ่อแม่บุญธรรมของ Eleven ต่างรู้สึกกังวลกับสิ่งที่ลูกสาวต้องเผชิญ การแสดงของทั้งสองคนแสดงให้เห็นถึงความรักและความกลัวของพ่อแม่ที่ต้องปล่อยให้ลูกไปเผชิญหน้ากับอันตราย พวกเขารู้ว่า Eleven คือหนึ่งเดียวที่สามารถหยุดยั้ง Vecna ได้ แต่ในเวลาเดียวกันก็ไม่อยากเสี่ยงให้เธอต้องเจ็บปวด

เรื่องราวส่วนอื่นๆ ก็ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเรื่องราวของ Dustin แสดงโดย Gaten Matarazzo ที่ยังคงโศกเศร้ากับการจากไปของ Eddie เพื่อนสนิทของเขาที่เสียชีวิตในซีซั่น 4 Eddie ถูกสัตว์ปีกประหลาดจาก Upside Down โจมตีจนเสียชีวิต และ Dustin ยังไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ การแสดงของ Matarazzo แสดงให้เห็นถึงความเศร้าโศกและการสูญเสียที่เด็กวัยรุ่นต้องเผชิญ

Robin แสดงโดย Maya Hawke กำลังต่อสู้กับความรู้สึกภายในของตัวเอง เธอกำลังพยายามตัดสินใจว่าจะเปิดเผยเรื่องรสนิยมทางเพศของตัวเองหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากในยุค 80s ที่สังคมยังไม่เปิดกว้างเท่าปัจจุบัน การแสดงของ Hawke สะท้อนความกลัวและความกล้าหาญที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว แสดงให้เห็นว่าการเป็นตัวของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายในช่วงเวลานั้น

รายงานระบุว่าพี่น้อง Matt และ Ross Duffer ผู้สร้างซีรีส์ได้รับงบสร้างตอนละ 60 ล้านดอลลาร์ สำหรับซีซั่นนี้ และเมื่อได้ดูแล้วก็เชื่อได้เลยว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ถูกนำไปใช้อย่างคุ้มค่า ทั้ง 4 ตอนแรกนี้ มี 3 ตอนที่มีความยาวเทียบเท่าหนังเรื่องเต็ม ขณะที่อีก 1 ตอนก็สั้นกว่าเล็กน้อยเท่านั้น ทุกนาทีของซีรีส์นี้เต็มไปด้วยความหรูหราตั้งแต่ฉากแอ็คชั่นสุดมันส์ไปจนถึง ทรงผมยุค 80s ที่สมบูรณ์แบบ

ฉากแอ็คชั่นในซีซั่นนี้อลังการกว่าที่เคย การต่อสู้กับสัตว์ประหลาดจาก Upside Down มีความสมจริงและน่าตื่นเต้นมากขึ้น เอฟเฟกต์พิเศษที่ใช้สร้างโลกของ Vecna และ Upside Down มีความละเอียดสูง ทำให้รู้สึกได้ถึงความน่ากลัวและอันตรายของสถานที่แห่งนี้ ฉากที่ Eleven ใช้พลังกายสิทธิ์ของเธอก็ตระการตามากขึ้น แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของเทคโนโลยีและงบประมาณที่เพิ่มขึ้น

ฉากต่อสู้ ในซีซั่นนี้ไม่ได้มีแค่การใช้พลังวิเศษเท่านั้น แต่ยังมีการต่อสู้แบบประชิดตัวที่ทำให้หัวใจเต้นแรง นักแสดงทุกคนแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างฉากเหล่านี้ให้สมจริง ตั้งแต่การวิ่งหนีสัตว์ประหลาดไปจนถึงการใช้อาวุธต่างๆ เพื่อปกป้องตัวเองและเพื่อนๆ

รายละเอียดยุค 80s ในซีรีส์นี้ไม่ได้แค่เป็นการตกแต่งเท่านั้น แต่เป็นส่วนสำคัญที่สร้างบรรยากาศของเรื่อง ตั้งแต่ เครื่องแต่งกาย ที่สะท้อนแฟชั่นยุคนั้น ไปจนถึงของตกแต่งบ้านและรถยนต์ที่เหมือนย้อนเวลากลับไปจริงๆ ทรงผมของนักแสดงทุกคนก็ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ทั้งทรงเพิร์มและทรงมัลเล็ตที่เป็นเอกลักษณ์ของยุค 80s

Stranger Things 5 Vol 1 #2

ดนตรีประกอบเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Stranger Things เสมอมา และในซีซั่นนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น เพลง ‘I Think We’re Alone Now’ ของ Tiffany ที่ออกในปี 1987 ถูกนำมาใช้ในตอนที่ 3 อย่างลงตัวมาก ฉากที่ใช้เพลงนี้มีความหวานและน่ารักจนอาจทำให้เพลงนี้กลับมาฮิตอีกครั้ง เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับเพลง ‘Running Up That Hill’ ของ Kate Bush ในซีซั่น 4 ที่กลับมาติดชาร์ตอีกครั้งหลังจากถูกใช้ในซีรีส์

เพลงอื่นๆ ในซีซั่นนี้ก็ถูกเลือกมาอย่างดี สะท้อนถึงยุคสมัยและอารมณ์ของแต่ละฉาก ตั้งแต่เพลงป๊อปที่สดใสไปจนถึงเพลงร็อกที่เข้มข้น ดนตรีช่วยเสริมสร้างบรรยากาศและความรู้สึกของแต่ละฉากได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ผู้ดูรู้สึกได้ถึงความคิดถึงและความอบอุ่นของยุค 80s

นอกจากเพลงยุค 80s แล้ว ดนตรีต้นฉบับที่สร้างมาสำหรับซีรีส์ก็ยังคงเข้มข้นและสร้างความตึงเครียดได้ดีเช่นเคย โดยเฉพาะในฉากที่มีการต่อสู้หรือเผชิญหน้ากับ Vecna ดนตรีช่วยเพิ่มความน่ากลัวและความตื่นเต้นให้กับทุกฉาก

พี่น้อง Duffer ได้ทำสิ่งที่ชาญฉลาดมากในซีซั่นนี้ด้วยการเชิญ Linda Hamilton ดาราสมัย 80s จากหนังชื่อดังอย่าง The Terminator มาแสดงในบท Dr. Kay เจ้าหน้าที่ลับของรัฐบาลที่มีหลักการน้อยมาก การปรากฏตัวของ Hamilton เป็นการเชื่อมโยงระหว่างอดีตและปัจจุบันได้อย่างยอดเยี่ยม เธอนำความน่าเกรงขามและความลึกลับมาสู่บทบาทของเธอ

การเลือก Hamilton มาแสดงไม่ใช่แค่เพื่อดึงดูดแฟนๆ ยุค 80s เท่านั้น แต่ยังเป็นการเคารพต่อยุคสมัยที่ซีรีส์เล่าถึง เธอเป็นส่วนหนึ่งของ วัฒนธรรมป๊อป ในยุคนั้น และการที่เธอกลับมาแสดงในซีรีส์ที่เล่าเรื่องในยุคเดียวกันทำให้รู้สึกถึงความสมบูรณ์วงจร

นอกจาก Hamilton แล้วยังมีนักแสดงอื่นๆ ที่กลับมาในซีซั่นนี้ ทุกคนต่างมีพัฒนาการในตัวละครของตัวเองอย่างชัดเจน เด็กๆ ที่เราเคยรู้จักในซีซั่น 1 ตอนนี้เติบโตเป็นวัยรุ่นที่ต้องเผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่า การแสดงของพวกเขาเติบโตไปพร้อมกับตัวละคร แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่พัฒนาขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา

Stranger Things 5 Vol 1 #4

Stranger Things ซีซั่น 5 Vol. 1 เป็นการเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่สำหรับบทจบของซีรีส์ที่เราติดตามกันมานาน ทั้ง 4 ตอนแรกนี้เต็มไปด้วยแอ็คชั่น ดราม่า และอารมณ์ความรู้สึกที่ทำให้เราอยากดูต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่า Vol. 1 จะดูเหมือนเป็นแค่ การเปิดฉาก สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในตอนต่อๆ ไป แต่ก็สามารถสร้างความประทับใจและความคาดหวังได้อย่างมหาศาล

การเล่าเรื่องของพี่น้อง Duffer ยังคงมีความสามารถในการผสมผสานระหว่างความสนุกสนานกับความซาบซึ้งได้อย่างลงตัว Stranger Things ไม่ใช่แค่ซีรีส์ไซไฟธรรมดา แต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ มิตรภาพ ความรัก และการเติบโต ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก หลายปีที่ผ่านมา ซีรีส์เรื่องนี้ยังคงมีพลังในการสร้างความรู้สึกและดึงดูดใจผู้ดู

สำหรับใครที่เป็นแฟน Stranger Things มาตั้งแต่แรก Vol. 1 นี้จะทำให้รู้สึกถึงความคิดถึงและความตื่นเต้นไปพร้อมกัน สำหรับผู้ที่เพิ่งจะเริ่มดู แนะนำให้ย้อนไปดูตั้งแต่ซีซั่น 1 เพื่อจะได้เข้าใจและซาบซึ้งกับการเดินทางของตัวละครทุกคนอย่างเต็มที่ มาแชร์ความคิดเห็นกันในคอมเมนต์ว่าใครคือตัวละครโปรดของเราในซีซั่นนี้ และตอนไหนที่ประทับใจที่สุด อย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่เป็นแฟน Stranger Things เหมือนกัน!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: สเตรนเจอร์ ธิงส์ ซีซั่น 5 Vol. 1
  • ประเภท: ไซไฟ, ดราม่า, ผจญภัย, สยองขวัญ
  • วันที่ออกฉาย: 27 พฤศจิกายน 2568 (Vol. 1), 26 ธันวาคม 2568 (Vol. 2), 1 มกราคม 2569 (Vol. 3)
  • นักแสดงนำ: Millie Bobby Brown, Winona Ryder, David Harbour, Gaten Matarazzo, Maya Hawke, Jamie Campbell Bower
  • ผู้สร้าง: Matt Duffer, Ross Duffer
  • ความยาว: 4 ตอน (Vol. 1)
  • เรตติ้ง IMDb: 8.6/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix

บทจบที่ยิ่งใหญ่ของตำนานซีรีส์ไซไฟ

บทภาพยนตร์ - 8.8
การแสดง - 9
โปรดักชัน - 9.5
ความบันเทิง - 8.7
ความคุ้มค่าในการรับชม - 8.9

9

Stranger Things ซีซั่น 5 Vol. 1 เปิดฉากด้วย 4 ตอนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตึงเครียดและความประทับใจ เรื่องราวเดินหน้าไปในปี 1987 หลังผ่านไป 18 เดือนจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ในซีซั่น 4 Eleven และเพื่อนๆ เตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับ Vecna ครั้งสุดท้าย งบสร้างตอนละ 60 ล้านดอลลาร์สะท้อนให้เห็นในทุกฉาก ตั้งแต่ฉากแอ็คชั่นสุดอลังการไปจนถึงรายละเอียดยุค 80s ที่สมบูรณ์แบบ การแสดงของนักแสดงทุกคนโดดเด่นขึ้น โดยเฉพาะ Millie Bobby Brown ที่แสดงความมุ่งมั่นของ Eleven ได้อย่างน่าประทับใจ ซีซั่นนี้ผสมผสานแอ็คชั่น ดราม่า และอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างลงตัว พร้อมสร้างความคาดหวังสูงสุดสำหรับตอนต่อๆ ไป

User Rating: Be the first one !

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button