![[รีวิว-เรื่องย่อ] เจ้าพ่อสองหน้า | The Drug King (2018)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/09/Review-The-Drug-King-2018.webp)
- The Drug King สร้างจากเรื่องจริงของลีดูซัม เจ้าพ่อค้ายาเสพติดตัวใหญ่ในเกาหลีใต้ช่วงปี 1970s
- การแสดงของซงคังโฮในบทเจ้าพ่อที่ขึ้นสุดแล้วร่วงหล่น โดดเด่นและทำให้หนังน่าดูขึ้นเยอะ
- หนังสำรวจธีมการทุจริตจากเงินและยาเสพติด ท่ามกลางการเมืองยุคเผด็จการเกาหลี
- ผู้กำกับอูมินโฮ นำเสนอเรื่องราวแบบคลาสสิก แต่ขาดความสดใหม่และจุดเด่นที่ทำให้ติดใจ
เราเคยคิดไหมว่าการไต่เต้าจากคนธรรมดาไปเป็นเจ้าพ่อค้ายา มันจะสนุกขนาดไหน? แต่ถ้าต้องเจอความโลภ เงินทอง และการทรยศจากคนใกล้ตัวล่ะ? หนัง The Drug King (2018) ของผู้กำกับ อูมินโฮ (Woo Min-ho) พาเราไปดูชีวิตจริงของ ลีดูซัม ที่เริ่มจากนักลักลอบเล็กๆ ในปูซาน แล้วกลายเป็นราชายาเสพติดตัวพ่อในเกาหลียุค 70s เรื่องนี้เหมือนเอาตำราหนังมาเฟียคลาสสิกมาผสมกัน แต่เพิ่มกลิ่นอายการเมืองเกาหลีเข้าไปให้เข้มข้น
เรื่องราวติดตาม ลีดูซัม แสดงโดย ซงคังโฮ (Song Kang-ho) ที่เริ่มจากถูกหลอกถูกโกง แต่เรียนรู้ไว จนขยายธุรกิจจากเล็กน้อยกลายเป็นเครือข่ายยักษ์ใหญ่ทั่วประเทศ เขารวยเอาๆ นอกใจเมีย กินยาของตัวเอง แล้วปล่อยให้เงินกับยาพาไปสู่จุดจบ แต่หนังเรื่องนี้ไม่ค่อยมีอะไรใหม่ เหมือนดูหนังเก่าๆ ซ้ำ แต่ด้วยพื้นฐานจากเรื่องจริง มันเลยยังพอมีเสน่ห์อยู่บ้าง
ในรีวิวนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของ หนัง The Drug King ตั้งแต่การแสดงที่เด็ดดวง ไปจนถึงจุดอ่อนที่ทำให้เรื่องไม่เปรี้ยงปร้าง มาดูกันว่าหนังเกาหลีเรื่องนี้จะทำให้เราคิดยังไงกับโลกใต้ดินของยาเสพติด และทำไมมันถึงไม่ค่อยดังเท่าที่ควร
รีวิวและเรื่องย่อ The Drug King (เจ้าพ่อสองหน้า)
The Drug King เล่าเรื่องของ ลีดูซัม ที่เริ่มต้นชีวิตจากนักลักลอบของเถื่อนตัวเล็กๆ ในเมืองปูซาน แล้วไต่เต้าขึ้นมาเป็นเจ้าพ่อค้ายาเสพติดเบอร์หนึ่งของเกาหลีใต้ในช่วงปี 1970s หนังนำเสนอแบบคลาสสิกสุดๆ เหมือนเอาสูตรสำเร็จจากหนังมาเฟียดังๆ มาผสมกัน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ถูกเอาเปรียบ เรียนรู้จากความผิดพลาด แล้วขยายธุรกิจจนรวยล้นฟ้า แต่สุดท้ายก็ถูกเงินและยาพาตกต่ำ เรื่องจริงจากยุคนั้นทำให้หนังมีพื้นฐานน่าสนใจ แต่ขาดความสดใหม่ที่ทำให้เราว้าว
หนังเรื่องนี้เหมือนเป็นการปะติดปะต่อจากหนังเก่าๆ อย่าง Scarface หรือ Goodfellas แต่เพิ่มบรรยากาศการเมืองเกาหลียุคเผด็จการเข้าไป ทำให้แตกต่างเล็กน้อย ลีดูซัมต้องเจอกับอัยการที่ไล่ล่าไม่หยุด และยังมีดราม่าครอบครัวที่เขาไม่สนใจเพราะหมกมุ่นกับธุรกิจมืด แต่โดยรวมแล้ว หนังดำเนินเรื่องคาดเดาได้ เหมือนเล่นเกมที่รู้ตอนจบตั้งแต่แรก ทำให้ความตื่นเต้นหายไปเยอะ
แม้จะธรรมดา แต่หนังก็ยังมีเสน่ห์จากยุคสมัยที่เล่าเรื่อง โดยเฉพาะการเมืองเกาหลีที่เข้มข้น ถ้าเราเคยดูผลงานอื่นของผู้กำกับอย่าง The Man Standing Next จะเห็นว่าอูมินโฮทำได้ลึกซึ้งกว่านี้ เรื่องนี้เหมือนเวอร์ชั่นเบาๆ ที่เน้นดราม่าอาชญากรรมมากกว่าความหนักแน่นทางการเมือง
การแสดงของ ซงคังโฮ (Song Kang-ho) ในบท ลีดูซัม คือจุดขายหลักของหนังเลย เขาหายเข้าไปในตัวละครแบบเนียนกริ๊บ ทำให้เรารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจากคนธรรมดาไปเป็นเจ้าพ่อที่เสียตัวเองให้กับเงินและยา ฉากที่เขาเริ่มเสพยาของตัวเองแล้วชีวิตพัง เหมือนดูคนค่อยๆ จมดิ่งลงเหว ซึ่งซงคังโฮถ่ายทอดออกมาได้สะเทือนใจ แม้บทจะไม่ค่อยมีอะไรให้เล่นมาก แต่เขาก็ทำให้หนังครึ่งหลังดูเพลินขึ้นเยอะ
เบดูนา (Bae Doona) ในบทอัยการสาวที่ไล่ล่าลีดูซัม ปรากฏตัวช้าไปหน่อย มาถึงชั่วโมงที่สอง แต่พอโผล่มาปุ๊บก็ขโมยซีนปั๊บ เธอเล่นได้คมคาย เหมือนเสือสาวที่ไม่ยอมแพ้ แต่หนังใช้เธอน้อยเกิน เหมือนเสียของ ส่วน โจจองซอก (Jo Jung-suk) ในบทอัยการอีกคน ก็ทำได้แค่มาตรฐาน เพราะบทอาศัยคลิเช่เก่าๆ ไม่พัฒนาตัวละครเท่าไหร่
นอกจากนั้น คิมโซจิน (Kim So-jin) ในบทภรรยาของลีดูซัม ก็เด่นในครึ่งแรก แสดงความทุกข์ของผู้หญิงที่ถูกสามีนอกใจและทิ้งขว้างได้ดี แต่พอครึ่งหลังเธอหายไปเลย ทำให้ดราม่าครอบครัวไม่ค่อยสมบูรณ์ เหมือนหนังเลือกโฟกัสแค่ด้านธุรกิจมืดมากกว่า
อูมินโฮ (Woo Min-ho) กำกับหนังเรื่องนี้แบบเรียบๆ ไม่มีช็อตเด็ดอะไรให้จำ แต่ก็ไม่แย่ขนาดนั้น หนังเดินเรื่องลื่นไหล ด้วยการแสดงดีๆ ที่พยุงไว้ แต่ถ้าเทียบกับงานอื่นของเขา เรื่องนี้ดูจืดชืด เหมือนทำตามสูตรสำเร็จโดยไม่ใส่ไอเดียใหม่ หนังได้แรงบันดาลใจจากความสำเร็จของ Narcos บน Netflix ที่ชอบเล่าเรื่องจริงเกี่ยวกับแก๊งค้ายา เลยทำให้ The Drug King ถูกแจกจ่าย แต่สุดท้ายก็ไม่ดังเปรี้ยงเพราะขาดเอกลักษณ์
การถ่ายทำและโปรดักชั่นทำได้มาตรฐาน ฉากยุค 70s ดูสมจริง แต่ไม่มีอะไรน่าประทับใจ เหมือนดูหนังทั่วไปที่อาศัยนักแสดงดังมาดึงดูดคนดู หนังสำรวจธีมการทุจริตจากอำนาจและเงิน แต่ทำแบบผิวเผิน ไม่ลึกซึ้งเท่าที่ควร เหมือนเปรียบเทียบกับการกินข้าวแกงที่อร่อยแต่ไม่พิเศษ
โดยรวมแล้ว หนังเรื่องนี้เหมาะกับแฟนคลับซงคังโฮที่อยากดูครบทุกเรื่อง แต่ถ้าอยากได้หนังอาชญากรรมเกาหลีที่เด็ดกว่านี้ ลองไปดูเรื่องอื่นดีกว่า
The Drug King (2018) ทำให้เราตั้งคำถามว่าการไล่ล่าความรวยแบบผิดกฎหมาย มันคุ้มไหมกับการสูญเสียทุกอย่าง? หนังเรื่องนี้แม้จะคลาสสิกและคาดเดาได้ แต่ก็เตือนใจเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ที่ถูกเงินและยาพิษทำลาย ด้วยการแสดงเด่นๆ จากนักแสดงนำ มันยังพอมีค่าให้ดูอยู่บ้าง
ถ้าเราเป็นคอหนังเกาหลีหรือชอบเรื่องจริงเกี่ยวกับโลกใต้ดิน The Drug King อาจไม่ใช่ตัวท็อป แต่ก็ไม่เลวร้ายขนาดนั้น ลองดูแล้วมาคุยกันในคอมเมนต์ว่าเราคิดยังไงกับจุดจบของลีดูซัม? แชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบหนังดราม่าอาชญากรรมด้วยนะ อาจจะทำให้พวกเขาค้นพบหนังเก่าแต่ดีเรื่องนี้!
สำหรับใครที่อยากดูหนังแนวนี้แบบเข้มข้นกว่า ลองหา Narcos หรือหนังเกาหลีเรื่องอื่นดู แล้วกลับมาแชร์ไอเดียกัน โลกของยาเสพติดในหนังมันสะท้อนสังคมจริงๆ ได้ดีเลยล่ะ!
- ชื่อเรื่องในภาษาไทย: เจ้าพ่อสองหน้า
- ประเภท: ดราม่า, อาชญากรรม, ชีวประวัติ
- วันที่ออกฉาย: 19 ธันวาคม 2561
- นักแสดงนำ: ซงคังโฮ (Song Kang-ho), เบดูนา (Bae Doona), โจจองซอก (Jo Jung-suk), คิมโซจิน (Kim So-jin)
- ผู้กำกับ: อูมินโฮ (Woo Min-ho)
- ความยาว: 2 ชั่วโมง 19 นาที
- เรตติ้ง IMDb: 6.2/10
- ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix