รีวิวซีรีส์ฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] ปีศาจแห่งฟลอเรนซ์ | The Monster of Florence (2025)

  • The Monster of Florence เป็นมินิซีรีส์ที่อิงจากคดีจริงในอิตาลีช่วงปี 1960s-1980s เกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องที่โจมตีคู่รัก
  • ซีรีส์เจาะลึกเส้นทางชาวซาร์ดิเนียและผู้ต้องสงสัยหลายคน โดยเน้นความล้มเหลวของการสืบสวน
  • ธีมหลักคือความรุนแรงทางเพศและความลึกลับที่ยังไม่คลี่คลาย กับการแสดงที่ทำให้ตัวละครดูน่ากลัว
  • ผู้กำกับสเตฟาโน่ โซลลิมา นำเสนอเรื่องราวที่ตึงเครียดแต่ขาดจุดโฟกัสชัดเจน

เคยลองนึกภาพไหมว่าคืนอันโรแมนติกบนเนินเขาในอิตาลีที่ดูสงบสุข จะกลายเป็นฝันร้ายเลือดสาดได้ยังไง? ปีศาจแห่งฟลอเรนซ์ (The Monster of Florence) มินิซีรีส์ 4 ตอนบน Netflix พาไปเจาะลึกคดีฆาตกรรมสุดช็อกในประวัติศาสตร์อิตาลี ฆาตกรปริศนาคนนี้ล่าเหยื่ออย่างน้อย 16 ราย ตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1960 จนถึงกลาง 1980s โดยเล็งไปที่คู่รักที่กำลังสนุกกับโมเมนต์ส่วนตัว ก่อนจะยิง แทง และบางครั้งยังตัดอวัยวะเพศของผู้หญิงด้วยซ้ำ คดีนี้ยังคงเป็นปริศนาจนทุกวันนี้ กลายเป็นตำนานสยองขวัญที่หลอนทั้งในนิยายอาชญากรรมและทฤษฎีบ้าๆ อย่างที่ Hannibal Lecter อาจเป็นตัวการ หรือแม้แต่เชื่อมโยงกับ Zodiac Killer (ใครอยากเห็นไอเดียเพี้ยนๆ นี่ในมินิซีรีส์ Netflix บ้างล่ะ?)

ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เล่าเรื่องฆาตกร แต่พยายามถอดรื้อเส้นทางสืบสวนที่ชื่อ เส้นทางชาวซาร์ดิเนีย ซึ่งเป็นการไล่ล่าที่ยาวนานหลายปี โดยโฟกัสที่คดีแรกเพื่อเชื่อมโยงกับที่เหลือ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว ไม่มีใครติดคุกสำหรับอาชญากรรมส่วนใหญ่ ด้วยสไตล์ที่คล้าย Zodiac แต่กลับไม่ลงลึกกับการสืบสวนจริงๆ ซีรีส์ตัดภาพตำรวจแค่ตอนต้น-ท้าย แล้วมุ่งไปที่โปรไฟล์ผู้ต้องสงสัย 4 คนที่เชื่อมโยงกับคดีที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของปีศาจ

ในบทความนี้ จะพาไปเจาะลึกทุกมุมของ The Monster of Florence ตั้งแต่เรื่องย่อ การแสดงที่ชวนขนลุก ไปจนถึงข้อความที่ซ่อนอยู่เกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศและความล้มเหลวของระบบยุติธรรม มาดูกันว่าเรื่องนี้จะทำให้ใจเต้นรัวกับปริศนาที่ไม่มีวันจบได้ยังไง

The Monster of Florence #1

รีวิวและเรื่องย่อ The Monster of Florence (ปีศาจแห่งฟลอเรนซ์)

The Monster of Florence เล่าเรื่องคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่โหดร้ายที่สุดในอิตาลี โดยผู้กำกับ Stefano Sollima นำเสนอผ่าน 4 ตอนที่ไล่ตามผู้ต้องสงสัยตามเส้นทางชาว Sardegna คดีเริ่มต้นจากปี 1968 เมื่อ Antonio Lo Bianco และ Barbara Locci ถูกยิงเสียชีวิต สามีของ Locci คือ Stefano Mele ถูกตัดสินว่ามีส่วน แต่แล้วในปี 1974 คู่รักวัยรุ่น Pasquale Gentilcore และ Stefania Pettini ก็ถูกโจมตีแบบเดียวกัน ลูกกระสุนตรงกัน แต่ Mele อยู่ในคุกตอนนั้นซะด้วย สร้างความสับสนว่าปืนของเขาไปอยู่ในมือใคร หรือเขาไม่ใช่คนยิงตั้งแต่แรก

ซีรีส์แต่ละตอนใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงโปรไฟล์ผู้ต้องสงสัยคนละคน โดยเชื่อมโยงกับคดี Lo Bianco-Locci ที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของปีศาจ ตอนแรกโฟกัส Mele ชายที่ถูกตัดสินแต่มีข้อสงสัยเพียบ จากนั้นย้ายไป Francesco Vinci คู่รักของ Locci ที่ดูน่าสงสัยไม่แพ้กัน ตอนต่อมาเป็น Giovanni Mele น้องชายของ Stefano ที่ถูกจับเพราะทฤษฎีว่าพี่ชายปกปิดให้ และปิดท้ายด้วย Salvatore Vinci อีกคู่รักของ Locci ที่ซีรีส์วาดภาพให้เป็นโรคจิตตัวจริง ทุกคนถูกนำเสนอราวกับปีศาจในร่างคน ราวกับว่าซีรีส์บอกว่ามันไม่สำคัญว่าใครกดไกปืนหรือแทง แต่ทุกคนล้วนทำร้าย Barbara Locci ด้วยความรุนแรงทางเพศและความเกลียดชังผู้หญิงแบบชั่วร้าย

การเล่าเรื่องแบบนี้ทำให้เห็นภาพความโกลาหลของการสืบสวนในยุค 80s ที่ตำรวจจับผู้ต้องสงสัยได้ แต่ปีศาจยังฆ่าคู่รักอีกคู่ขณะคนนั้นอยู่ในคุก สร้างความหงุดหงิดที่หมุนวน เหมือนกับที่ระบบยุติธรรมล้มเหลวให้ความยุติธรรมหลุดลอยไปจนวันนี้ ซีรีส์ไม่ค่อยโชว์กระบวนการสืบสวนจริงจัง แต่ใช้เป็นกรอบล้อมรอบโปรไฟล์ผู้ต้องสงสัย ทำให้เรื่องราวไหลลื่นแต่ขาดความลึกในบางจุด โดยเฉพาะการเชื่อมโยงว่าคดีแรกอาจไม่ใช่ของปีศาจจริงๆ หรือลูกกระสุนผิดพลาด

การแสดงใน The Monster of Florence เป็นจุดแข็งที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกอึดอัดใจ โดยเฉพาะโปรไฟล์ของผู้ต้องสงสัยที่แต่ละคนถูกวาดให้ดูน่ากลัวในแบบของตัวเอง Stefano Mele ถูกนำเสนอผ่านนักแสดงที่ถ่ายทอดความสับสนและความโหดร้ายที่ซ่อนอยู่ ราวกับชายธรรมดาที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของฝันร้าย Francesco Vinci ดูเป็นคู่รักที่หมกมุ่นและรุนแรง จนทำให้สงสัยว่าเขาอาจเป็นคนจุดชนวนคดีทั้งหมด

Giovanni Mele น้องชายของ Stefano ถูกแสดงให้เห็นเป็นตัวละครที่ก้าวร้าวและน่ากลัว โดยทฤษฎีที่ว่าพี่ชายปกปิดให้ ทำให้ฉากจับกุมดูตึงเครียดสุดๆ Salvatore Vinci ปิดท้ายแบบโรคจิตชัดๆ ด้วยการแสดงที่เน้นความเย็นชาและความชั่วร้ายที่ไม่มีใครคาดคิด ซีรีส์ใช้การแสดงเหล่านี้เพื่อสะท้อนว่าปีศาจไม่ได้อยู่แค่ในเงามืด แต่ซ่อนอยู่ในคนรอบตัวที่ดูปกติ

แต่ปัญหาคือ ซีรีส์ขาดตัวเอกที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นนักสืบที่ไล่ล่า Mele ที่เชื่อมโยงทุกคน หรือแม้แต่ลูกชายของเขา Natalino ผู้รอดชีวิตคนเดียวจากคดีฆ่า ถ้าโฟกัสที่ Barbara Locci ผู้หญิงที่ถูกใช้ประโยชน์ทางเพศแล้วถูกฆ่าเพราะนิสัยของเธอ คงจะลึกซึ้งกว่านี้ Locci ถูกแสดงให้เห็นแค่ผ่านการถูกทำร้ายจากหลายคนในชีวิต ทำให้เราไม่ค่อยรู้จักเธอจริงๆ สร้างความรู้สึกว่าซีรีส์พลาดโอกาสในการสร้างความเห็นอกเห็นใจกับเหยื่อ

The Monster of Florence #2

The Monster of Florence พยายามหันคดีที่ยังไม่คลี่คลายมาเป็นคอมเมนต์เรื่องความรุนแรงทางเพศ ซึ่งเป็นไอเดียทะเยอทะยาน แต่ทำได้แบบครึ่งๆ กลางๆ เพราะ Locci ถูกมองแค่ผ่านเลนส์ของการถูกทารุณจากผู้ชายรอบตัว ซีรีส์แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องสงสัยทุกคนล้วนทำร้ายเธอด้วยวิธีที่เกลียดชังผู้หญิงแบบน่ารังเกียจ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ร่างกายหรือความรุนแรง ทำให้ดูเหมือนว่าปีศาจไม่ได้เป็นแค่คนเดียว แต่เป็นระบบที่กดขี่ผู้หญิง

ปริศนาของคดีนี้ยังคงหลอน เพราะแม้แต่การตรวจลูกกระสุนที่เชื่อมคดี Lo Bianco-Locci กับที่อื่น อาจผิดพลาด หรือปืนไปอยู่ในมือคนอื่น ซีรีส์จบด้วยการแนะนำผู้ต้องสงสัยคนที่ห้า Pietro Pacciani ที่การพิจารณาคดีในยุค 90s ทำให้ Thomas Harris สร้าง Hannibal ในเมืองสวยงามอย่าง Firenze มันเหมือนกับว่าปีศาจยังลอยนวล ซ่อนอยู่ในเนินเขาและหมู่บ้านที่ดูสงบของอิตาลี

การนำเสนอแบบนี้ทำให้ซีรีส์ดูไม่มีจุดสนใจและกลวงเปล่า เหมือนพยายามบอกอะไรบางอย่างแต่ไม่ชัดเจน ต่างจาก Zodiac หรือ From Hell ที่ใช้คดีจริงมาพูดถึงความหมกมุ่นของคนที่ตามล่า ทาง Sollima แค่เตือนว่าถึงแต่ละมุมมองที่สงบสุขแค่ไหน ก็อาจซ่อนปีศาจได้ ธีมนี้ชวนคิด แต่ขาดพลังเพราะไม่ลงลึกพอ

สุดท้าย The Monster of Florence เป็นมินิซีรีส์ที่ชวนให้ใจเต้นกับปริศนาอาชญากรรมจริง แต่กลับไม่สามารถรวบรวมเรื่องราวให้แน่นได้เต็มที่ มันแสดงให้เห็นความล้มเหลวของการสืบสวนที่ปล่อยให้ปีศาจลอยนวล และสะท้อนความรุนแรงทางเพศที่ซ่อนอยู่ในสังคมอิตาลียุคนั้น ด้วยการแสดงที่แข็งแกร่งและบรรยากาศตึงเครียด ซีรีส์นี้เหมาะสำหรับคนชอบอาชญากรรมจริงที่เต็มไปด้วยทฤษฎีบ้าๆ แต่ถ้าคาดหวังตัวเอกชัดๆ หรือการคลี่คลาย อาจผิดหวังนิดๆ

เรื่องนี้เตือนใจว่าปริศนาอาชญากรรมอย่างนี้ยากที่จะทำเป็นงานศิลปะที่กระชับ เพราะฆาตกรยังไม่ถูกเปิดเผย แต่ซีรีส์ก็พยายามใช้คดีนี้พูดถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่ในที่ที่ดูปลอดภัยที่สุด อย่างเนินเขาอิตาลีที่โรแมนติกแต่กลายเป็นสุสานคู่รัก

สำหรับแฟนอาชญากรรมจริงหรือคนที่หลงใหลคดี Zodiac ต้องลองดู The Monster of Florence บน Netflix ดูสิว่ามันจะทำให้คิดยังไงกับปีศาจที่ยังลอยนวล มาแชร์ในคอมเมนต์ว่าทฤษฎีไหนน่าจะจริง หรืออยากเห็นสปินออฟไอเดียบ้าๆ แบบไหน แชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนที่ชอบซีรีส์สืบสวนลึกลับด้วยนะ รับรองว่าหลอนติดใจ!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: ปีศาจแห่งฟลอเรนซ์
  • ประเภท: อาชญากรรม, ลึกลับ, ดราม่า
  • วันที่ออกฉาย: 2025 (Netflix Original)
  • ผู้กำกับ: สเตฟาโน่ โซลลิมา (Stefano Sollima)
  • ความยาว: 4 ตอน
  • เรตติ้ง IMDb: 8.6/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button