รีวิวซีรีส์จีน

[รีวิว-เรื่องย่อ] ยุทธการแห่งฉางอัน | The Vendetta of An (2025)

  • The Vendetta of An เป็นซีรีส์จีนแนว historical thriller ที่เล่าเรื่องการแก้แค้นในยุคราชวงศ์ถัง ท่ามกลางการต่อสู้ทางการเมืองที่ซับซ้อน
  • การแสดงของ เฉิง อี๋ ในบทเซี่ย ไห่อัน โดดเด่นและสื่ออารมณ์ความโกรธแค้นได้อย่างสมจริง ทำให้ตัวละครมีมิติและน่าติดตาม
  • ซีรีส์มีโครงเรื่องย่อยค่อนข้างมากหลายสาย แต่ละเรื่องมีการพัฒนาตัวละครที่ดี ทำให้เข้าใจพื้นหลังและแรงจูงใจของแต่ละฝ่าย
  • จังหวะการเล่าเรื่องสม่ำเสมอ ไม่ยืดเยื้อ ตอนละประมาณ 40-45 นาที เหมาะสำหรับนักดูที่ชอบซีรีส์ประวัติศาสตร์และการแก้แค้น

เคยสงสัยไหมว่าถ้าต้องใช้ชีวิตเพื่อ การแก้แค้น จนหมดสิ้นทุกอย่าง มันจะเป็นอย่างไร? ซีรีส์ The Vendetta of An (2025) หรือชื่อไทยว่า ยุทธการแห่งฉางอัน พาเราไปสัมผัสกับโลกแห่งการต่อสู้ทางการเมืองและการแก้แค้นที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนในยุคราชวงศ์ถังของจีน เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงสมัยรัชกาลอู๋เต๋อ เมื่อองครักษ์หูเป่นมืด (Huben Dark Guards) ผู้ทรงอำนาจและน่ากลัวที่สุดในเมืองฉางอันหายตัวไปอย่างลึกลับหลังจากการรัฐประหารของขุนนางผู้ทรงอำนาจ เสี่ยว อู่หยาง ท่ามกลางข่าวลือที่ว่าหัวหน้าองครักษ์ยัน เฟิงชานกำลังวางแผนช่วยเหลือจักรพรรดิที่ถูกปลดออกจากราชบัลลังก์ให้กลับมายึดอำนาจอีกครั้ง

The Vendetta of An #1

รีวิวและเรื่องย่อ The Vendetta of An (ยุทธการแห่งฉางอัน)

ซีรีส์ The Vendetta of An เริ่มต้นด้วยเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงราชวงศ์ไปตลอดกาล ในปีที่สี่แห่งรัชกาลเหวินเฉิง ขุนนางผู้ทรงอำนาจชื่อ ยัน เฟิงชาน ได้ครอบงำราชสำนักทั้งหมด จนกระทั่งเจ้าชาย เสี่ยว อู่หยาง ยกทัพจากทิศใต้มาตีกรุงฉางอัน ในวันที่เมืองหลวงล่มสลาย จักรพรรดิ เสี่ยว เหวินจิง ที่ถูกปลดจากตำแหน่งได้เผาตัวเองตายในพระที่นั่งไทจี แต่เมื่อ กู๋ หยู่ จ้าวเจิ้นเป่ยไปตรวจสอบศพที่ไหม้เกรียม กลับพบว่าศพนั้นไม่ใช่ของจักรพรรดิเลย จากคำแนะนำของอธิบดี เกาหยาน เสี่ยว อู่หยางจึงเรียกตัว เซี่ย ไห่อัน ขุนนางผู้รับราชการในจังหวัดไห่หนานมายังเมืองหลวง

แม้ว่า เซี่ย ไห่อัน จะดูเหมือนเป็นเพียงขุนนางระดับล่างคนหนึ่ง แต่ความจริงแล้วเขาคือบุตรชายกำพร้าของ หลิว จื่อเหวิน ผู้ก่อตั้งองครักษ์เสือ (Tiger Guard) หน่วยองครักษ์ที่โด่งดังที่สุด เซี่ย ไห่อันใช้เวลากว่าสิบปีแฝงตัวและเตรียมการสำหรับการแก้แค้น พ่อของเขาถูกยัน เฟิงชานสังหารไป และตอนนี้เขาได้รับโอกาสที่รอคอยมานานในการทำภารกิจสำคัญ นั่นคือการกำจัดเศษซากขององครักษ์หูเป่นที่หลงเหลืออยู่ตามคำสั่งของเสี่ยว อู่หยาง แต่แท้จริงแล้วเขามีแผนการของตัวเอง

เรื่องราวซับซ้อนขึ้นเมื่อมีตัวละครหลายฝ่ายที่เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ละคนมี เป้าหมายทางการเมือง และแรงจูงใจที่แตกต่างกัน ในงานเลี้ยงอำลา จาง เฮาหรัน และเจ้าเมือง โจว หม่อ ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเซี่ย ไห่อันและความแค้นเลือดที่เขาแบกรับมา แต่หลังจากงานเลี้ยงไม่นาน โจว หม่อกลับมาที่บ้านของเซี่ย ไห่อันพร้อมดาบในมือ สถานการณ์ที่คาดไม่ถึงนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความซับซ้อนที่จะเกิดขึ้นต่อไป

เฉิง อี๋ (Cheng Yi) ในบท เซี่ย ไห่อัน / หลิว จื่อ คือไฮไลท์หลักของซีรีส์เรื่องนี้ การแสดงของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อน ทั้งความโกรธแค้น ความเจ็บปวด และความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้น ฉากที่เขาใช้จอบตีศีรษะของจักรพรรดิแสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมและความไร้ความปรานีของตัวละครที่ไม่ยอมให้อภัยใครที่เกี่ยวข้องกับการตายของพ่อ เฉิงอี๋ใช้การควบคุมน้ำเสียงและสีหน้าได้อย่างชาญฉลาด ทำให้ตัวละครน่าจดจำและทำให้เนื้อเรื่องมีผลกระทบมากขึ้น นักวิจารณ์หลายคนต่างยกย่องว่า การแสดงของเฉิง อี๋ เป็นหนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดของเขา โดยเฉพาะการถ่ายทอดความเป็นคนที่โหดเหี้ยมแต่ก็มีมิติทางอารมณ์ที่ลึกซึ้ง

หลิว อี้จวิน (Liu Yijun) แสดงเป็น เสี่ยว อู่หยาง ขุนนางผู้ทรงอำนาจที่ยึดอำนาจจากยัน เฟิงชาน การแสดงของเขาแสดงถึงความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งแต่ก็ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมือง เสี่ยว อู่หยางต้องพยายามรักษาอำนาจที่เพิ่งได้มาในขณะที่ต้องจัดการกับภัยคุกคามจากทุกฝ่าย ทั้งศัตรูเก่าที่ยังคงแอบแฝงอยู่และพันธมิตรใหม่ที่อาจจะทรยศได้ทุกเมื่อ หลิว อี้จวินถ่ายทอดความเครียดและความกังวลใจของผู้ปกครองที่ต้องเผชิญกับการต่อสู้แย่งชิงอำนาจได้อย่างน่าเชื่อถือ

วัง จินซ่ง (Wang Jinsong) ในบท อู๋ จงเหิง แสดงได้อย่างน่าประทับใจในฐานะขุนนางผู้มีประสบการณ์และความรอบรู้ทางการเมือง ตัวละครของเขามีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของเหตุการณ์ต่างๆ วัง จินซ่งแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของขุนนางที่ต้องเดินสายกลางระหว่างความจงรักภักดีต่อราชวงศ์และความอยู่รอดของตัวเอง การแสดงของเขาให้ความลึกซึ้งแก่ตัวละครและทำให้เข้าใจถึงพลวัตของราชสำนักในยุคนั้นมากขึ้น

โจว ฉี (Zhou Qi) แสดงสองบทคือ เสี่ยว เหวินจิง / จาง หม่อ การแสดงของเขาในฐานะจักรพรรดิที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งแสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังและความพยายามเอาตัวรอดของผู้ปกครองที่สูญเสียทุกอย่าง โจว ฉีต้องแสดงทั้งความกลัวความตายและความหวังที่จะกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ซึ่งเขาทำได้อย่างน่าเชื่อถือและทำให้เราเห็นอกเห็นใจตัวละคร

นักแสดงสมทบอีกหลายคนก็แสดงได้ดีเช่นกัน รวมถึง ตง เมิงฉือ (Tong Mengshi) ในบท เย่ เจิง และ สวี่ ลู่ (Xu Lu) ในบท ไป๋ วาน ซึ่งเพิ่มมิติให้กับเรื่องราวและทำให้โลกของเมืองฉางอันในยุคนั้นดูสมบูรณ์และมีชีวิตชีวามากขึ้น การที่ซีรีส์มีตัวละครมากถึง 88 คนทำให้มีโอกาสเห็นการแสดงที่หลากหลาย และแต่ละคนก็มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องราว

The Vendetta of An #2

โปรดักชันของซีรีส์ ได้รับการลงทุนอย่างดี เห็นได้จากฉากและฉากหลังที่สร้างขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน ฉากของเมืองฉางอัน ถูกสร้างขึ้นมาให้ดูใหญ่โตและมีความยิ่งใหญ่สมกับเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ชั้นนำในสมัยนั้น ตั้งแต่พระราชวัง ราชสำนัก ไปจนถึงถนนในตัวเมือง ทุกอย่างได้รับการออกแบบให้สะท้อนถึงยุคสมัยอย่างเหมาะสม เครื่องแต่งกายของตัวละครแต่ละคนก็แสดงถึงสถานะทางสังคมและบทบาทของพวกเขาได้อย่างชัดเจน จากชุดของจักรพรรดิที่หรูหราไปจนถึงชุดของขุนนางและทหาร ทุกชิ้นมีรายละเอียดและความพิถีพิถัน

การถ่ายทำ ใช้เทคนิคที่หลากหลายเพื่อสร้างอารมณ์และบรรยากาศที่เหมาะสม ฉากแอ็คชั่นการต่อสู้ถูกถ่ายทำด้วยการเคลื่อนไหวกล้องที่คล่องตัวและการตัดต่อที่รวดเร็ว ทำให้ดูน่าตื่นเต้นและเร้าใจ ในขณะที่ฉากดราม่าที่เน้นบทสนทนาและแลกเปลี่ยนทางการเมืองใช้มุมกล้องและการจัดแสงที่สร้างความตึงเครียดและลึกลับ การใช้แสงและเงาช่วยเน้นอารมณ์ของตัวละครและสร้างบรรยากาศที่มืดมนซึ่งเหมาะกับธีมของการแก้แค้นและการต่อสู้ทางการเมือง

เพลงประกอบและเสียง มีส่วนสำคัญในการสร้างอารมณ์ เพลงประกอบใช้เครื่องดนตรีแบบดั้งเดิมของจีนผสมกับดนตรีสมัยใหม่ สร้างความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างอดีตและปัจจุบัน เสียงประกอบในฉากแอ็คชั่นช่วยเพิ่มความเร้าใจ ขณะที่เสียงในฉากดราม่าช่วยสร้างบรรยากาศที่หนักแน่นและน่าจับตามอง ทุกองค์ประกอบของเสียงถูกนำมาใช้อย่างพิถีพิถันเพื่อเสริมเรื่องราวและอารมณ์ของซีรีส์

การกำกับโดยรวมทำได้ดี โดยเฉพาะในการจัดการกับเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนและตัวละครจำนวนมาก ผู้กำกับสามารถสร้างความสมดุลระหว่างฉากแอ็คชั่นและฉากดราม่า ทำให้ซีรีส์มีจังหวะที่ดีและไม่น่าเบื่อ การเล่าเรื่องเป็นเส้นตรงในภาพรวม แต่มีการใช้ flashback เพื่ออธิบายอดีตของตัวละครและเหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่สถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งช่วยให้ผู้ดูเข้าใจแรงจูงใจและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครต่างๆได้ดีขึ้น

The Vendetta of An #3

จุดเด่น ที่สุดของซีรีส์คือการแสดงที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะจาก เฉิง อี๋ ที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อนของตัวละครได้อย่างเหนือชั้น การที่เขาต้องแสดงเป็นคนที่มีความโกรธแค้นลึกซึ้งแต่ต้องแฝงตัวและวางแผนอย่างรอบคอบนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เฉิง อี๋ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบจนทำให้ตัวละครมีความน่าสนใจและน่าติดตาม นอกจากนี้ บทภาพยนตร์ ยังมีความซับซ้อนและลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่เรื่องของการแก้แค้นธรรมดาๆ แต่ยังสอดแทรกการต่อสู้ทางการเมือง ความจงรักภักดี การทรยศ และคำถามเกี่ยวกับความถูกต้องและความผิดในสถานการณ์ที่ไม่มีใครเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งหมด

ธีมของซีรีส์ สำรวจธรรมชาติของมนุษย์ในสถานการณ์สุดขั้ว เมื่อต้องเลือกระหว่างความจงรักภักดีส่วนตัวและหน้าที่ต่อส่วนรวม ระหว่างการแก้แค้นและการให้อภัย ระหว่างอำนาจและความยุติธรรม ซีรีส์แสดงให้เห็นว่าในโลกของการเมือง ไม่มีอะไรที่ชัดเจนเป็นขาวดำ ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง และการตัดสินใจของแต่ละคนมีผลกระทบต่อผู้อื่นอย่างมาก ความซับซ้อนนี้ทำให้ซีรีส์มีคุณค่าในการดูมากกว่าแค่ความบันเทิง แต่ยังกระตุ้นให้ผู้ดูคิดและไตร่ตรองเกี่ยวกับคำถามเหล่านี้

จุดด้อย ที่เห็นได้ชัดคือการที่มีโครงเรื่องย่อยมากเกินไป ซีรีส์มีตัวละครหลักและรองจำนวนมาก แต่ละคนมีเรื่องราวและเป้าหมายของตัวเอง ซึ่งแม้ว่าจะเพิ่มความซับซ้อนและความน่าสนใจให้กับเรื่อง แต่ก็อาจทำให้ผู้ดูสับสนว่าควรจะติดตามเรื่องราวของใครเป็นหลัก บางครั้งการตัดสลับไปมาระหว่างโครงเรื่องต่างๆ อาจทำให้จังหวะการเล่าเรื่องสะดุด แต่นี่ก็เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในซีรีส์ประวัติศาสตร์จีนที่มีขอบเขตกว้างและตัวละครจำนวนมาก ผู้สร้างพยายามแก้ไขปัญหานี้โดยให้ความสำคัญกับพื้นหลังของตัวละครแต่ละคนและอธิบายแรงจูงใจของพวกเขาอย่างชัดเจน ทำให้ผู้ดูสามารถเข้าใจและเอาใจใส่กับตัวละครแต่ละคนได้

อย่างไรก็ตาม จังหวะการเล่าเรื่อง โดยรวมถือว่าดี ซีรีส์ไม่ยืดเยื้อหรือลากยาวเกินไป แต่ละตอนมีความยาวประมาณ 40-45 นาที ซึ่งเหมาะสมกับเนื้อหาที่นำเสนอ ไม่ทำให้รู้สึกว่าเนื้อหาถูกยืดหรือถูกตัดทอนเกินไป การที่ซีรีส์มีทั้งหมด 28 ตอนให้เวลาเพียงพอในการพัฒนาตัวละครและเรื่องราว แต่ก็ไม่ยาวเกินไปจนน่าเบื่อ สำหรับนักดูที่ไม่ชอบซีรีส์ประวัติศาสตร์หรือเรื่องการแก้แค้นมากนัก อาจจะไม่ชื่นชอบซีรีส์เรื่องนี้ แต่สำหรับคนที่ชอบแนวนี้ The Vendetta of An เป็นซีรีส์ที่น่าลองดูอย่างยิ่ง

The Vendetta of An #4

The Vendetta of An ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการแก้แค้นธรรมดาๆ แต่ยังสะท้อนถึงวงจรของความรุนแรงและการแก้แค้นที่ไม่มีวันสิ้นสุด เมื่อเซี่ย ไห่อันตัดสินใจแก้แค้นให้กับพ่อ เขาก็ต้องใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมและไร้ความปรานี ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นต้องการแก้แค้นเขาในอนาคต ซีรีส์แสดงให้เห็นว่าการแก้แค้นไม่ได้นำมาซึ่งความสงบหรือความพึงพอใจที่แท้จริง แต่กลับสร้างความขัดแย้งและความเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น คำถามที่ซีรีส์ตั้งขึ้นคือ ถ้าการแก้แค้นไม่ได้นำมาซึ่งความสุข แล้วทำไมผู้คนยังคงเลือกเส้นทางนี้?

นอกจากนี้ ซีรีส์ยังสำรวจธีมอำนาจและการคอร์รัปชัน ในระบบการเมือง ตัวละครหลายคนในเรื่องเริ่มต้นด้วยเจตนาดี ต้องการสร้างความยุติธรรมหรือปกป้องผู้คนของตน แต่เมื่อได้อำนาจมาแล้ว พวกเขากลับใช้อำนาจนั้นเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือเพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง ซีรีส์แสดงให้เห็นว่าอำนาจสามารถทำให้คนเปลี่ยนแปลงไปและทำให้พวกเขาทำสิ่งที่เคยคิดว่าจะไม่มีวันทำ ยัน เฟิงชานที่เคยเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์กลับกลายเป็นทรราช และเสี่ยว อู่หยางที่เคยเป็นผู้กู้ชาติก็ต้องเผชิญกับคำถามเดียวกันว่าเขาจะสามารถรักษาความซื่อสัตย์และความยุติธรรมของตนไว้ได้หรือไม่

ซีรีส์ยังสะท้อนถึงความสำคัญของความจงรักภักดีและความไว้วางใจ ในโลกที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชันและการทรยศ การมีคนที่เราสามารถไว้วางใจได้เป็นสิ่งที่มีค่ามาก แต่ซีรีส์ก็แสดงให้เห็นว่าแม้แต่ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นที่สุดก็สามารถแตกสลายได้เมื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือความอยู่รอดเข้ามาเกี่ยวข้อง เซี่ย ไห่อันต้องเรียนรู้ว่าใครคือเพื่อนแท้และใครคือศัตรู และการตัดสินใจผิดพลาดครั้งเดียวอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรง ความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เป็นหนึ่งในธีมหลักของซีรีส์ที่ทำให้มันมีความน่าสนใจและลึกซึ้ง

ยุทธการแห่งฉางอัน (The Vendetta of An) เป็นซีรีส์ที่น่าติดตามสำหรับนักดูที่ชื่นชอบซีรีส์ประวัติศาสตร์และดราม่าการเมือง แม้จะมีข้อจำกัดในเรื่องโครงเรื่องย่อยที่มากเกินไป แต่ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมจากเฉิง อี๋และนักแสดงทีมอื่นๆ บวกกับเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนและลึกซึ้ง ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงานที่มีคุณภาพและน่าจับตามอง สำหรับใครที่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับการแก้แค้น การต่อสู้ทางการเมือง และความขัดแย้งทางจริยธรรม ซีรีส์เรื่องนี้จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน มาแชร์ความคิดเห็นกันในคอมเมนต์ว่าซีรีส์เรื่องนี้ทำให้พวกเราคิดอย่างไรเกี่ยวกับการแก้แค้นและความยุติธรรม และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชื่นชอบซีรีส์แนวประวัติศาสตร์จีนด้วย!

  • ชื่อเรื่องในภาษาจีน: 长安二十四计 (Chang An Er Shi Si Ji)
  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: ยุทธการแห่งฉางอัน
  • ชื่อเรื่องในภาษาอังกฤษ: The Vendetta of An
  • ประเภท: Historical, Mystery, Thriller, Drama
  • วันที่ออกอากาศ: 12 ธันวาคม 2568 (2025)
  • จำนวนตอน: 28 ตอน
  • นักแสดงนำ: เฉิง อี๋ (Cheng Yi), หลิว อี้จวิน (Liu Yijun), วัง จินซ่ง (Wang Jinsong), โจว ฉี (Zhou Qi), ตง เมิงฉือ (Tong Mengshi), สวี่ ลู่ (Xu Lu)
  • เรตติ้ง MyDramaList: 8.2/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix, Youku

ดราม่ายุคฉางอันแห่งการแก้แค้นและบทเรียนทางการเมือง

บทภาพยนตร์ - 7.5
การแสดง - 8.2
โปรดักชัน - 7.8
ความบันเทิง - 8
ความคุ้มค่าในการรับชม - 7.9

7.9

ยุทธการแห่งฉางอัน เป็นซีรีส์ดราม่าแนว historical thriller ที่นำเสนอเรื่องราวการแก้แค้นอันโหดเหี้ยมของเซี่ย ไห่อัน ขุนนางหนุ่มผู้สูญเสียพ่อไปจากมือของยัน เฟิงชาน หัวหน้าองครักษ์หูเป่นผู้ทรงอำนาจ ท่ามกลางการต่อสู้ทางการเมืองที่ซับซ้อนในยุคฉางอันสมัยราชวงศ์ถัง ซีรีส์เรื่องนี้โดดเด่นด้วยการแสดงที่ลงตัวของเฉิง อี๋ และเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนพลิกผันตลอด 28 ตอน แม้จะมีโครงเรื่องย่อยค่อนข้างมาก แต่การพัฒนาตัวละครและจังหวะการเล่าเรื่องที่ดีทำให้ติดตามได้อย่างสนุกสนาน

User Rating: Be the first one !

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button