![[รีวิว-เรื่องย่อ] Wake Up Dead Man: A Knives Out Mystery (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-Wake-Up-Dead-Man-2025.webp)
- Wake Up Dead Man นำเสนอปริศนาฆาตกรรมในโบสถ์ที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ทางศาสนาและการวิจารณ์บาทหลวงปลอม
- การแสดงของเคอร์รี่ วอชิงตันขโมยซีนได้ทุกครั้งด้วยสายตาลึกลับและเสน่ห์ที่น่าดึงดูด แม้จะไม่ได้รับเวลาบนจอมากนัก
- หนังล้มเหลวในการสร้างพลวัตและการโต้ตอบระหว่างตัวละครที่น่าสนใจ ทำให้รู้สึกราบเรียบและน่าเบื่อ
- ไรอัน จอห์นสันหมกมุ่นกับการสร้างบิดเนื้อเรื่องมากเกินไป จนลืมพัฒนาความลึกซึ้งของตัวละครและสร้างความสัมพันธ์ที่มีชีวิตชีวา
เคยสงสัยหรือไม่ว่าถ้านักสืบผู้ยิ่งใหญ่อย่าง เบอนัวต์ บล็องค์ ต้องเข้าไปไขคดีปริศนาฆาตกรรมในโบสถ์ที่เต็มไปด้วยความลับและบาป จะเกิดอะไรขึ้น? Wake Up Dead Man: A Knives Out Mystery (2025) ภาคสามของแฟรนไชส์ Knives Out โดยผู้กำกับ ไรอัน จอห์นสัน (Rian Johnson) พาเราเข้าไปในโลกของความเชื่อทางศาสนา ความหลอกลวง และการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด หนังเรื่องนี้เริ่มต้นด้วยคำถามที่น่าสนใจ เมื่อมีคนตายในโบสถ์ ใครจะเป็นฆาตกรที่แอบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผู้ศรัทธา?
แดเนียล เครก (Daniel Craig) กลับมารับบทนักสืบที่เปรียบได้กับ พระเยซูคริสต์ ของไรอัน จอห์นสัน ด้วยผมยาวและหนวดเครา บล็องค์ในเวอร์ชันนี้ดูเหมือนพระผู้ไถ่ที่พร้อมจะช่วยเหลือทุกคนด้วยสติปัญญาและความเห็นอกเห็นใจ ร่วมด้วยนักแสดงมากฝีมืออย่าง เคอร์รี่ วอชิงตัน (Kerry Washington) ที่มาในบทลึกลับที่สุดของหนัง, จอช โบรลิน (Josh Brolin), แอนดรูว์ สก็อตต์ (Andrew Scott), เกล็นน์ โคลส (Glenn Close) และ เจเรมี เรนเนอร์ (Jeremy Renner) หนังเรื่องนี้พยายามสร้างปริศนาที่ซับซ้อนพร้อมกับการวิจารณ์บาทหลวงปลอมที่ใช้ศรัทธาของผู้คนเป็นเครื่องมือหากิน
แต่หนังเรื่องนี้จะสามารถทำให้เราติดตามปริศนาจนจบได้หรือไม่? มาดูกันว่า Wake Up Dead Man จะพาเราสัมผัสกับการสืบสวนที่น่าตื่นเต้นหรือเป็นเพียงปริศนาที่ทำให้เราง่วงนอน

เรื่องราวของ Wake Up Dead Man เริ่มต้นด้วยคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในโบสถ์คาทอลิก สถานที่ที่ควรจะเป็นที่พักพิงของจิตวิญญาณกลับกลายเป็นที่เกิด อาชญากรรมโหดร้าย ไรอัน จอห์นสันไม่ได้หวั่นเกรงที่จะนำเสนอภาพที่อาจจะทำให้คริสต์ศาสนิกชนบางคนรู้สึกไม่สบายใจ ไม่ว่าจะเป็นฉากที่ผู้หญิงคนหนึ่งทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์ หรือฉากที่ชายคนหนึ่งทุบรูปปั้นพระเยซูขนาดเล็กด้วยวัตถุหนัก ภาพเหล่านี้อาจจะดูเหมือนการหยามศาสนาในแรกเริ่ม แต่ความจริงแล้วจอห์นสันต้องการวิพากษ์วิจารณ์ บาทหลวงปลอม ที่ใช้การเทศนาปลุกระดมและหลอกใช้ศรัทธาของผู้คนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
สิ่งที่น่าสนใจคือแม้หนังจะมีภาพที่ดูเหมือนจะ ลบหลู่ศาสนาคริสต์ แต่เมื่อดูจนจบจะพบว่าจอห์นสันกลับสรรเสริญคุณค่าของความเมตตาและความกรุณาที่เป็นหัวใจสำคัญของคริสต์ศาสนา หนังเรื่องนี้พยายามบอกว่าพระเจ้าไม่ได้อยู่ในอาคารหรือรูปปั้น แต่อยู่ใน มนุษย์ที่มีความรักและให้อภัย ตัวละครหลักในหนังคือบาทหลวงที่แม้จะมีปัญหาเรื่องอารมณ์โกรธ แต่เขาเชื่อในพลังของพระคริสต์ที่จะรักษาเขาและคนอื่นๆ ได้ จอห์นสันใช้เวลาทั้งเรื่องเพื่อสร้างข้อความว่าพระเยซูไม่ได้มีเพียงหัวใจทองคำ แต่มีหัวใจเพชรที่แข็งแกร่งและยืนยงตลอดไป
สำหรับไรอัน จอห์นสัน ภาพยนตร์ชุด Knives Out คือรูปแบบของการฟื้นฟูพลังความคิดสร้างสรรค์ เขาต้องการมุ่งเน้นไปที่แฟรนไชส์นี้ในอนาคต โดยถือว่าเป็นการบรรณาการให้กับ นวนิยายของอกาทา คริสตี้ (Agatha Christie) ส่วนตัวละคร เบอนัวต์ บล็องค์ ของ แดเนียล เครก (Daniel Craig) คือพระเยซูในเวอร์ชันของจอห์นสัน ที่ถูกนำเสนอใน Wake Up Dead Man เป็นคำตอบสำหรับคำอธิษฐาน ด้วยผมยาวและหนวดเครา บล็องค์ดูคล้ายกับพระผู้ไถ่ที่ถูกตรึงกางเขนอย่างน้อยก็จากภายนอก นอกจากนี้เขายังแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อฆาตกรในช่วงไคลแม็กซ์อีกด้วย
เสน่ห์ของเครกสามารถทำให้ หนังชุดนี้ดำเนินต่อไปได้ แน่นอนว่ามันช่วยได้มากที่เขามานำทีมนักแสดงที่มีฝีมือและ มีตัวตนที่แข็งแกร่งบนจอ ในบรรดานักแสดงทั้งหมด ผู้ที่น่าจดจำที่สุดกลับกลายเป็น เคอร์รี่ วอชิงตัน (Kerry Washington) ด้วยดวงตาที่ลึกลับและบุหรี่ในมือ เธอเปล่งประกายด้วยอำนาจ ความลึกลับ และเสน่ห์ที่ยั่วยวน เธอขโมยซีนได้ทุกครั้ง ดึงดูดความสนใจเพียงแค่อยู่บนจอ การแสดงของวอชิงตันสร้างความประทับใจมากที่สุดในหนังเรื่องนี้ แม้ว่าบทบาทจะไม่ได้ให้พื้นที่มากนักก็ตาม
น่าเสียดายที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้ให้ วอชิงตันทำอะไรมากไปกว่านี้ และสิ่งเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับ ไคลี่ สเปนี (Cailee Spaeny), แดริล แมคคอร์แมค (Daryl McCormack), แอนดรูว์ สก็อตต์ (Andrew Scott), เกล็นน์ โคลส (Glenn Close) และ เจเรมี เรนเนอร์ (Jeremy Renner) จอห์นสันพึ่งพา “การมีตัวตน” ของนักแสดงมากเกินไป แทนที่จะให้บทบาทที่มีเนื้อหาและสร้างความประทับใจที่ลบไม่ออก สก็อตต์ตลก และโบรลินเพิ่มมิติที่ละเอียดอ่อนในการแสดงของเขา แต่ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาทำรู้สึกใหม่ ท้าทาย หรือสดใส โคลสสนุกกับการแสดงมากเกินไปในบทผู้หญิงที่อุทิศตนให้กับโบสถ์ก่อนจะกลายเป็นอารมณ์ แต่ความตื่นเต้นที่เธอนำมาก็ยังคงมีเพียงเล็กน้อย
สิ่งที่ทำให้ Knives Out ภาคสามนี้น่าเบื่อ คือความไม่สามารถของจอห์นสันในการปล่อยให้นักแสดงของเขาโต้ตอบกันอย่างมีพลัง พวกเขาทุกคนดูเหมือนจะอยู่แยกกัน ราวกับว่าพวกเขาถูกถ่ายทำแยกกันและนำมารวมกันในภายหลังโดยใช้ เทคนิค VFX น่าเสียดายที่จอห์นสันหมกมุ่นกับการสร้างบิดและการหักมุมมากเกินไป เขาดูเหมือนจะไม่รู้ว่าความซาบซึ้งที่เขาเทลงไปในหนังตอนจบรู้สึกเหมือนการทรยศต่อ อารมณ์ขันที่ล้อเลียน ที่ให้ความเบาสบายและความสนุกสนานที่ชวนหัวเราะแก่ Wake Up Dead Man ผลลัพธ์คือหนังปริศนาฆาตกรรมที่ตัวละครเป็นเหมือนหุ่นเชิด และบทสนทนาก็เป็นเพียงการอธิบายเนื้อเรื่องทีละอย่างเท่านั้น
เราได้รับความรู้สึกเหมือนกำลังดู หนังปริศนาฆาตกรรมที่หยุดนิ่ง ที่ทำให้เราเบื่อด้วยจังหวะที่จำเจและไม่มีการเปลี่ยนแปลง จอห์นสันอาจจะสนุกกับการสร้าง Wake Up Dead Man แต่ผู้ชมกลับรู้สึกเหนื่อยล้าเมื่อจบหนัง คำที่เหมาะสมกว่าสำหรับหนังเรื่องนี้น่าจะเป็น “Wake Up Dead Film” มากกว่า เพราะหนังให้ความรู้สึกเหมือนกำลังหลับใหลไปตลอดเวลา แม้ว่าจะมีการพยายามสร้าง ความตื่นเต้นด้วยบิดเนื้อเรื่อง แต่ก็ไม่สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกติดตามได้จริงๆ
สิ่งที่ขาดหายไปจาก Wake Up Dead Man คือ ความมีชีวิตชีวาและพลวัตของการโต้ตอบ ที่เราเคยเห็นในสองภาคแรก ภาคแรกและภาคสองมีฉากที่ตัวละครโต้เถียงกัน ถกเถียงกัน และสร้างความสัมพันธ์ที่น่าสนใจ แต่ในภาคสามนี้ทุกคนดูเหมือนจะอยู่ในโลกของตัวเอง พวกเขาพูดคุยกัน แต่ไม่มี เคมีที่ชัดเจน การสนทนาส่วนใหญ่เป็นเพียงการอธิบายเนื้อเรื่องหรือเบาะแสที่นำไปสู่การไขปริศนา แทนที่จะเป็นการสนทนาที่มีชีวิตชีวาและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร
อีกปัญหาหนึ่งคือ โทนของหนัง ที่ดูไม่สม่ำเสมอ ครึ่งแรกของหนังเต็มไปด้วยอารมณ์ขันล้อเลียนและการวิจารณ์สังคม แต่ครึ่งหลังกลับเปลี่ยนเป็นโทนที่จริงจังและซาบซึ้ง ซึ่งทำให้รู้สึกว่าหนังไม่รู้ว่าต้องการจะเป็นอะไร มันต้องการเป็นหนังตลกหรือหนังดราม่า? มันต้องการวิพากษ์วิจารณ์ศาสนาหรือสรรเสริญความเชื่อ? ความไม่แน่นอนนี้ทำให้ผู้ชมรู้สึกสับสนและไม่สามารถ เชื่อมโยงอารมณ์ กับเรื่องราวได้อย่างเต็มที่

แม้จะมีข้อบกพร่องมากมาย แต่ Wake Up Dead Man ก็ยังมีจุดเด่นบางอย่างที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง ภาพและการถ่ายภาพ ของหนังยังคงสวยงามและมีคุณภาพสูงตามเคย โบสถ์ที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำสร้างบรรยากาศที่ลึกลับและน่าขนลุก การออกแบบฉากและเครื่องแต่งกายก็ดูพิถีพิถันและสมจริง ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกของตัวละครจริงๆ
การแสดงของ แดเนียล เครก ยังคงเป็นจุดขายหลักของหนัง เขาสามารถทำให้ เบอนัวต์ บล็องค์ มีเสน่ห์และน่าสนใจในทุกภาค แม้ว่าบทภาพยนตร์จะไม่ได้ดีเท่าที่ควร การแสดงของเครกที่ผสมผสานระหว่างความฉลาด อารมณ์ขัน และความเห็นอกเห็นใจ ยังคงทำให้ผู้ชมรู้สึกติดตามและอยากเห็นเขาไขปริศนาอยู่ดี และอย่างที่กล่าวไปแล้ว เคอร์รี่ วอชิงตัน ขโมยซีนได้ทุกครั้งที่ปรากฏบนจอ การแสดงของเธอมีความลึกซึ้งและน่าจับตามอง แม้ว่าจะไม่ได้รับเวลาบนจอมากนัก
เสียงประกอบและดนตรีในหนังก็ยังคงมีคุณภาพ สร้างบรรยากาศ ความตึงเครียดและความลึกลับ ได้ดี แม้ว่าจะไม่ได้โดดเด่นหรือน่าจดจำเท่าสองภาคแรกก็ตาม ดนตรีช่วยผลักดันเรื่องราวและสร้างอารมณ์ในช่วงที่สำคัญๆ แม้ว่าโดยรวมแล้วหนังจะขาดพลังและความตื่นเต้น แต่องค์ประกอบทางเทคนิคยังคงอยู่ในระดับที่ดี
Wake Up Dead Man: A Knives Out Mystery เป็นภาคต่อที่น่าผิดหวังเมื่อเทียบกับสองภาคแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก แม้ว่าหนังจะพยายามนำเสนอ ปริศนาที่ซับซ้อน และข้อความเกี่ยวกับศาสนาและความเชื่อ แต่ก็ล้มเหลวในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่น่าสนใจและมีชีวิตชีวา นักแสดงทุกคนแสดงได้ดี โดยเฉพาะ เคอร์รี่ วอชิงตันและแดเนียล เครก แต่บทภาพยนตร์ไม่ได้ให้พื้นที่พอสำหรับพวกเขาที่จะเปล่งประกาย
ไรอัน จอห์นสันหมกมุ่นกับการสร้างบิดเนื้อเรื่องมากเกินไป จนลืมพัฒนาตัวละครและสร้างพลวัตที่น่าสนใจ ผลลัพธ์คือหนังที่รู้สึก ราบเรียบและน่าเบื่อ แม้จะมีเรื่องราวที่ควรจะตื่นเต้น โทนที่ไม่สม่ำเสมอระหว่างอารมณ์ขันล้อเลียนและความจริงจังก็ทำให้หนังรู้สึกไม่มีทิศทาง ผู้ชมอาจจะรู้สึกสับสนว่าหนังต้องการสื่ออะไรกันแน่
สำหรับแฟนตัวยงของ ซีรีส์ Knives Out อาจจะรู้สึกผิดหวังกับภาคนี้ แต่ถ้าต้องการดูการแสดงของนักแสดงชั้นนำและภาพที่สวยงาม Wake Up Dead Man ก็ยังพอมีคุณค่าบ้าง แต่ถ้าคาดหวังปริศนาฆาตกรรมที่ตื่นเต้นและน่าติดตามเหมือนสองภาคแรก อาจจะต้องลดความคาดหวังลงมาหน่อย มาบอกต่อกันในคอมเมนต์ว่าคิดอย่างไรกับหนังเรื่องนี้ และแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่กำลังคิดว่าจะดูหรือไม่!
- ชื่อเรื่องในภาษาไทย: ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าคนบาป
- ประเภท: ปริศนาฆาตกรรม, ตลกดำ, ดราม่า
- วันที่ออกฉาย: 26 พฤศจิกายน 2568
- นักแสดงนำ: แดเนียล เครก (Daniel Craig), เคอร์รี่ วอชิงตัน (Kerry Washington), จอช โบรลิน (Josh Brolin), แอนดรูว์ สก็อตต์ (Andrew Scott), เกล็นน์ โคลส (Glenn Close), เจเรมี เรนเนอร์ (Jeremy Renner), ไคลี่ สเปนี (Cailee Spaeny), แดริล แมคคอร์แมค (Daryl McCormack)
- ผู้กำกับ: ไรอัน จอห์นสัน (Rian Johnson)
- ความยาว: 2 ชม. 24 นาที
- ช่องทางการดู: Netflix
ปริศนาในโบสถ์ที่ขาดความตื่นเต้น
บทภาพยนตร์ - 6.5
การแสดง - 7.2
โปรดักชัน - 7.8
ความบันเทิง - 6.8
ความคุ้มค่าในการรับชม - 6.6
7
Wake Up Dead Man ภาคสามของ Knives Out นำเสนอปริศนาฆาตกรรมในโบสถ์ที่เต็มไปด้วยการหักมุมและสัญลักษณ์ทางศาสนา แม้จะมีนักแสดงชั้นนำอย่างแดเนียล เครก เคอร์รี่ วอชิงตัน และจอช โบรลิน แต่หนังกลับรู้สึกราบเรียบและขาดพลังในการทำให้ตัวละครโต้ตอบกันอย่างน่าสนใจ ผู้กำกับไรอัน จอห์นสันใช้เวลาส่วนใหญ่กับการสร้างบิดเนื้อเรื่องมากเกินไป จนลืมพัฒนาความลึกซึ้งของตัวละคร สิ่งที่ทำให้หนังน่าจับตามองที่สุดคือการแสดงของเคอร์รี่ วอชิงตัน ที่ขโมยซีนได้ทุกครั้งด้วยสายตาลึกลับและบุหรี่ในมือ แต่โดยรวมแล้ว Wake Up Dead Man เป็นภาคต่อที่ไม่ได้สร้างความประทับใจมากเท่าสองภาคแรก
![[รีวิว-เรื่องย่อ] 10 แดนซ์ | 10DANCE (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-10DANCE-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] The Great Flood (2025) หายนะน้ำท่วมกรุงโซล](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-The-Great-Flood-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] อุบัติเหตุ | The Accident ซีซั่น 2](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-The-Accident-Season-2.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] ริมทะเลเลือด | Blood Coast ซีซั่น 2](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-Blood-Coast-Season-2.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] เจย์ เคลลี | Jay Kelly (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-Jay-Kelly-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] สตีเฟน: พิพากษาฆาตกร | Stephen (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-Stephen-2025-Netflix.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] The Night My Dad Saved Christmas 2 (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-The-Night-My-Dad-Saved-Christmas-2-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] สู้สุดใจทนายอาสา | Pro Bono (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-Pro-Bono-2025.webp)