Apple ปิดบังแผนเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) สร้างสรรค์ (Generative AI) มานาน แต่การเปิดตัวโมเดล AI ใหม่ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ บ่งบอกว่าความทะเยอทะยานเบื้องต้นของบริษัทฯ มุ่งเน้นไปที่การ “รัน AI บนอุปกรณ์ของ Apple” อย่างชัดเจน
นักวิจัยจาก Apple เปิดตัว OpenELM ชุดโมเดลภาษาขนาดเล็กสี่รุ่น บนคลังโมเดล Hugging Face เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Apple ประกาศบนหน้าโมเดล Hugging Face ว่า OpenELM ซึ่งย่อมาจาก “Open-source Efficient Language Models” (โมเดลภาษาประสิทธิภาพสูงแบบเปิด) ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกับงานที่เกี่ยวข้องกับข้อความ เช่น การเขียนอีเมล ทั้งยังเปิดเผยเป็นโอเพ่นซอร์สให้เหล่านักพัฒนาสามารถนำไปใช้งานได้
OpenELM มีขนาดให้เลือก 4 แบบ: 270 ล้าน, 450 ล้าน, 1.1 พันล้าน และ 3 พันล้านพารามิเตอร์ โดยพารามิเตอร์หมายถึงจำนวนตัวแปรที่โมเดลเข้าใจในการตัดสินใจจากชุดข้อมูลที่ใช้ฝึกสอน ยกตัวอย่างเช่น โมเดล Phi-3 ที่เพิ่งเปิดตัวโดย Microsoft มีพารามิเตอร์ขั้นต่ำที่ 3.8 พันล้าน ในขณะที่ Gemma ของ Google มีรุ่น 2 พันล้านพารามิเตอร์ จุดเด่นของโมเดลขนาดเล็กคือประหยัดพลังงานในการทำงาน เหมาะสำหรับการใช้งานบนอุปกรณ์พกพาอย่างโทรศัพท์มือถือและแล็ปท็อป
ทิม คุก ซีอีโอของ Apple เคยใบ้แทงเกี่ยวกับฟีเจอร์ Generative AI ที่จะมาสู่ผลิตภัณฑ์ของบริษัท โดยกล่าวในเดือนกุมภาพันธ์ว่า Apple กำลังทุ่มเท “เวลาและความพยายามอย่างมหาศาล” ในด้านนี้ อย่างไรก็ตาม Apple ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการใช้งาน AI
แม้ว่า Apple จะเคยเปิดตัวโมเดล AI อื่นๆ มาก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่เคยเผยแพร่โมเดลพื้นฐานของ AI สำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์เหมือนกับคู่แข่ง
ในเดือนธันวาคม Apple เปิดตัว MLX ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์คการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้โมเดล AI ทำงานได้ดียิ่งขึ้นบนชิป Apple Silicon นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว MGIE ซึ่งเป็นโมเดลแก้ไขภาพด้วยคำสั่ง ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งรูปภาพได้ง่ายดาย อีกทั้งยังมี Ferret-UI ที่คาดว่าจะนำมาใช้ในการควบคุมสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่า Apple กำลังพัฒนาเครื่องมือช่วยเขียนโค้ด ที่คล้ายกับ Copilot ของ GitHub
แม้จะมีการเปิดตัวโมเดลต่างๆ มากมาย แต่ก็มีรายงานว่า Apple เคยติดต่อไปยัง Google และ OpenAI เพื่อนำโมเดลของพวกเขามาใช้บนผลิตภัณฑ์ของ Apple เช่นกัน
การเปิดตัว OpenELM ชี้ให้เห็นว่า Apple กำลังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา AI ที่ประหยัดพลังงานและรันได้บนอุปกรณ์ของตัวเอง ซึ่งอาจปูทางไปสู่ฟีเจอร์ generative AI ที่ชาญฉลาดและใช้งานง่ายบน iPhone ในอนาคต