How To

13 วิธีเห็นผี สาเหตุทำให้เห็นผี ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

คนที่กำลังมองหา วิธีเห็นผี คาถาเห็นผี เราได้ทำการรวบรวมมาให้ได้ทราบกัน และสาเหตุที่ทำให้เห็นผี หรือ สัมผัสที่ 6 เกิดจากอะไรมาดูกัน

สารบัญ

วิธีเห็นผี

วิธีเห็นผี

1. ตัดเล็บตอนกลางคืน

วิธีนี้จะต้องทำระหว่างสี่ทุ่มถึงเที่ยงคืนเท่านั้น โดยเริ่มจากมือขวา ให้ตัดเล็บเรียงตามลำดับนิ้วดังนี้ “ก้อย โป้ง นาง ชี้ กลาง” หรือตัดจากด้านนอกเข้าด้านในนั่นเอง การตัดจะต้องระวังเป็นพิเศษให้เล็บได้รูป ห้ามหักหรือฉีกเด็ดขาด

เมื่อตัดเล็บมือขวาเสร็จ ให้ตัดเล็บมือซ้ายต่อ เช่นเดิมตามลำดับ

จากนั้นให้นำเศษเล็บทั้งหมดไปห่อในผ้าใช้แล้วที่เป็นสีดำ นำไปวางไว้ทางทิศตะวันตกของที่พัก เมื่อคุณเข้านอนได้ไม่นานจะได้ยินเสียงบางอย่างมาตัดเล็บดังแกร๊ก ๆ ถ้าอยากเห็นให้ลืมตาได้ แต่อย่าโวยวายเพราะเขามาดี มาเพื่อตัดเล็บคืนคุณนั่นเอง

และเมื่อคุณตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ให้เปิดห่อผ้าที่วางเอาไว้ในตอนแรก จะพบว่าเล็บที่อยู่ในห่อผ้าไม่ใช่เล็บของคุณ แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ขอบคุณ” ก่อนจะนำไปฝังที่ไหนก็ได้ แต่ห้ามทิ้งหรือเผาเด็ดขาด

2. นำน้ำตาสุนัขสีดำมาทาใต้เปลือกตา

เป็นวิธีหนึ่งจากตำราไทยโบราณเกี่ยวกับสุนัขสีดำ คนไทยมีความเชื่อว่าสุนัขสีดำเป็นสัญลักษณ์ของความโชคร้ายและมองเห็นสิ่งลี้ลับได้

หากคุณเลือกทำตามวิธี ให้นำน้ำตาของสุนัขสีดำมาทาใต้เปลือกตาพร้อมกับหลับตาตั้งจิตอธิษฐาน เมื่อลืมตาขึ้น…คุณอาจจะเห็น…ก็เป็นได้

3. นอนคาบธูปสีดำหันไปทางทิศตะวันตก

ปกติการนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตกจัดว่าเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับคนโบราณ แต่ก็ไม่ได้บอกไว้ว่าทำไม (คาดว่าอาจเป็นเพราะทิศตะวันตกเป็นทิศที่คนตายนอนหันหัวไปทางนั้น) แต่เหตุผลที่แท้จริงนั้นอาจเป็นเพราะว่าบ้านในสมัยก่อนของคนไทยเป็นแบบเปิดโล่ง คือ หน้าต่างเปิดไว้ตลอดเวลา ถ้าหากนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตก พอพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก แดดก็จะส่องหน้าและทำให้ร้อนนั่นเอง

วิธีนี้จะต้องทำในวันพระ โดยนอนลงบนพื้นพร้อมพนมมือและนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตก คาบธูปสีดำ 3 ดอกไว้ในปาก แล้วหลับตาท่องนะโมย้อนหลังให้ครบ 16 จบ เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอาจจะเห็นวิญญาณ…ก็เป็นได้…

4. เคาะเรียกผีมากินข้าว

ตามตำราไทยโบราณได้บันทึกเรื่องนี้เอาไว้ มีความเชื่อว่าผู้ที่ตายจากอุบัติเหตุ ผีตายโหง จะติดอยู่ในบริเวณที่ตนเองเสียชีวิตและไม่สามารถไปไหนได้ ถ้าอยากเห็นผีให้ลองไปบริเวณที่มีอุบัติเหตุ หรือทางสามแพร่งซึ่งมีความเชื่อที่ว่าเป็นทางที่ผีผ่าน

นำอาหารไปวาง แล้วเคาะช้อนส้อม เคาะตะเกียบไปเรื่อย ๆ การเคาะคือการเรียกผีมากินข้าว ให้ลองสังเกตปริมาณอาหารให้ดี เพราะอาจมีปริมาณที่ลดลงโดยไม่มีใครแตะต้องมันเลยแม้แต่น้อย

5. หวีผมหน้ากระจก

เป็นอีกหนึ่งในวิธีเห็นผีจากตำราไทยโบราณ ถ้าอยากเห็นผีด้วยวิธีการนี้ให้ดับไฟทุกดวงในบ้าน จุดเทียน 1 เล่มหน้ากระจก จากนั้นให้ใช้หวีหวีผมตัวเองพร้อมกับจ้องมองเงาในกระจกไปเรื่อย ๆ

6. กางร่มในที่ร่ม

ร่มที่ใช้จะต้องเป็นร่มสีขาวหรือดำเท่านั้นเพราะเป็นสัญลักษณ์ของการไว้ทุกข์นั่นเอง ให้กางในที่ร่มตอนเวลาโพล้เพล้ใกล้มืด ถ้าจะให้ดีที่นั่นต้องมีประวัติเรื่องผีด้วย กำหนดจิตให้เห็นในสิ่งที่อยากเห็น

7. ใส่เสื้อผ้าคนตาย

ตำราไทยโบราณบันทึกไว้ว่า การลองของวิธีนี้จะต้องเตรียมเสื้อผ้าคนตายไปวัด เมื่อไปถึงแล้วให้ใส่เสื้อผ้าที่เตรียมไว้ เสร็จแล้วก็กลั้นหายใจระมาณ 10 วินาทีพร้อมอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากเจอ

มีความเชื่อว่าหากทำตามวิธีนี้จะทำให้เราได้เห็นหรือได้สัมผัสกับวิญญาณที่เป็นเจ้าของเสื้อผ้านั่นเอง

8. ใช้เถ้ากระดูกผู้ตายทาเปลือกตา

คนโบราณมีความเชื่อว่าเถ้ากระดูกและดินฝังศพจะซึมซับวิญญาณของผู้ตายไว้ โดยเฉพาะดินฝังศพ ยิ่งมาจากดินที่ลึกมากเท่าไร ก็ยิ่งซึมซับวิญญาณได้มากเท่านั้น

วิธีการก็ คือ เอาดินมาทาที่เปลือกตาแล้วตั้งจิตอธิษฐาน จะทำให้เห็นวิญญาณในบริเวณนั้นหรือวิญญาณอาจมาชวนคุณไปอยู่ด้วย…ก็เป็นได้

9. นอนในโลงศพ

เป็นอีกหนึ่ง วิธีเห็นผี ที่ช่วงล่าท้าผีชอบทำบ่อยที่สุด การนอนในโลงศพนั้นเชื่อว่าจะทำให้เราได้สัมผัสกับโลกแห่งความตาย วิธีการก็คือให้เข้าไปนอนในโลงศพของจริง จากนั้นอธิษฐานพนมมือแล้วอมเหรียญบาทไว้ที่ปาก เชื่อกันว่าจะได้เห็นวิญญาณยืนอยู่ใกล้โลงศพ

10. แหงนหน้ามองบันได

การเห็นผีด้วยวิธีนี้ จะต้องนั่งถัดก้นจากบันไดขั้นบนสุดลงมาจนถึงขั้นล่างสุด เมื่อถึงขั้นสุดท้ายแล้ว ให้แหงนหน้าขึ้นไปมองบันไดขั้นบนสุดแล้วเราจะเจอกับวิญญาณที่รอเราอยู่

11. มองลอดใต้หว่างขา

ทำไมต้องเป็นหว่างขา? เวลาคนเราเกิดและลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้ เราทุกคนล้วนเกิดมาจากหว่างขาของแม่ ดังนั้นจึงมีความเชื่อว่าบริเวณหว่างขานี้เองที่เป็นจุดที่ติดต่อกันระหว่างโลกมนุษย์กับดินแดนแห่งวิญญาณ

ถ้าอยากเห็นผี ให้รอจนกว่าจะถึงเวลากลางคืน ยืนตรงที่โล่งที่มองเห็นพระจันทร์ กำใบไม้ที่เก็บได้จากแถวนั้นแล้วหันหน้าไปทางทิศตะวันออก (เพื่อที่เวลาก้มลงเราก็จะหันหน้าไปทางทิศตะวันตกพอดี) หมุนตัวตามเข็มนาฬิกา (หมุนซ้าย) เมื่อหมุนครบ 1 รอบ ให้ท่อง “พุทโธทายะ” ทำซ้ำทั้งหมด 3 รอบ (อย่าลืมท่องให้ครบ 3 ครั้งด้วย)

ให้จินตนาการว่าใบไม้อันนี้คือสื่อกลางที่ทำให้เรามองเห็นวิญญาณได้ แล้วค่อย ๆ ก้มลง อย่าเพิ่งลืมตา ค่อย ๆ ตั้งสติ เมื่อสติมาครบแล้วจึงค่อยลืมตามองภาพใต้หว่างขาได้

เชื่อกันว่าคุณจะได้สัมผัสกับวิญญาณเข้าอย่างจัง

12. เล่นผีถ้วยแก้ว

การเล่นผีถ้วยแก้วเป็นการละเล่นที่ตกทอดมาจากอดีต และขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล อุปกรณ์ในการเล่นก็จะมี แก้ว ธูป 1 ดอก อุปกรณ์ในการจุดไฟ และกระดานที่เขียนตัวอักษร ทั้งพยัญชนะ สระในภาษาไทยอย่างครบถ้วน ตัวเลข ช่องสำหรับตอบคำถามว่า “ใช่หรือไม่ใช่” และช่องสำหรับออก

ผู้เล่นจะอัญเชิญดวงวิญญาณของผู้ตายในที่แห่งนั้นมาสิงสถิตอยู่ในแก้ว และสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ จากดวงวิญญาณนั้น

วิธีการเล่นขั้นแรกคือ จุดธูปหนึ่งดอกที่เตรียมมาเพื่อเชิญวิญญาณ นำควันธูปเข้าไปไว้ในแก้วที่คว่ำรออยู่บนกระดาษ จากนั้นให้ผู้เล่นทุกคนเอานิ้ววางไว้บนแก้ว และเริ่มสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ โดยห้ามผู้เล่นคนใดคนหนึ่งปล่อยนิ้วออกจากแก้วหรือพลิกแก้วเด็ดขาด

ว่ากันว่า วิญญาณที่เราเชิญมานั้น จะนั่งข้าง ๆ ผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง และคอยเอานิ้วดันแก้วเพื่อตอบคำถาม ในกรณีที่วิญญาณโกรธและไม่เต็มใจมา อาจจะไม่ต้องการออก

13. เล่นซ่อนหาตอนกลางคืน

เคยได้ยินคำเตือนที่คนโบราณมักจะห้ามกันบ้างไหม คำเตือนที่บอกว่า “ห้ามเล่นซ่อนหาตอนกลางคืน ผีจะบังตาและเอาไปซ่อน” นี่คือที่มาของวิธีการลองของ ซึ่งเป็นวิธีที่อันตรายที่สุดในบรรดาวิธีเห็นผีอื่น ๆ เปอร์ไม่แนะนำสักเท่าไหร่ แต่ถ้าอยากลองจริง ๆ ก็ควรมีเพื่อนมากกว่าหนึ่งคนเพราะจะต้องมีทั้งคนซ่อนและคนหา

วิธีการก็ไม่ยาก แค่เล่นซ่อนหาในตอนกลางคืน คนที่ซ่อนจะโดนผีบังตา ทำให้หาเท่าไรก็หาไม่เจอ วิธีการแก้คือต้องหาแมวดำมาวิ่งผ่านจึงจะเห็นคนที่ถูกซ่อน แต่แมวดำไม่ใช่ว่าจะหาง่าย ๆ และมันก็คงไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับเราสักเท่าไหร่ วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่อันตรายที่สุด แถมวิธีแก้ก็ยุ่งยากมาก ๆ

สาเหตุที่ทำให้เห็นผี

สาเหตุที่ทำให้เห็นผี

บุคคลนั้นมีสัมผัสที่ 6 ในกรณีนี้ คือ ความสามารถของแต่ละบุคคลที่จะเกิดขึ้นกับบางคนเท่านั้น โดยที่สัมผัสที่ 6 ที่เราได้ยินกันจนชินหูนั้นก็แยกออกไปอีกหลายประเภท อย่างแรกคือ ของเก่า หมายถึงสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดของบุคคลนั้นอาจมีสาเหตุมาจากสัญญาในอดีตหรือสิ่งที่บุคคลนั้นเคยสั่งสมและปฏิบัติมา อย่างที่สองคือ ได้ใหม่ในชาตินี้ ตรงนี้จะเกิดได้จากหลายสาเหตุเช่น การฝึกจิตไปจนถึงระดับหนึ่งจะสามารถทำให้มองเห็นและรับรู้ถึงพวกเขาได้ การครอบครู การเปิดตา ตรงนี้ก็มีส่วนมาก

เทพสถิต

ในกรณีนี้อาจจะพูดโดยรวมให้เห็นง่าย ๆ คือพวกที่เราชอบเรียกเขาว่า ร่างทรง พวกนี้การที่มีพลังงานชั้นสูงมาสัมผัสจะทำให้จิตถูกปรับและพัฒนาไปจนสามารถมองเห็นได้ โดยเทพสถิตนี้จะมาจากสัญญาเก่า ตัวตันของจิตนั้น และ การครอบครูเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคุ้มครองอย่างเช่นการครอบครูของนาฏศิลป์

ดวงตก

ในกรณีที่บุคคลใดเกิดการดวงตกจนต่ำมาก ๆ จะทำให้สภาพจิตของคนคนนั้นต่ำลงจนไปแตะเอาชายขอบของภพนั้นและจะทำให้มองเห็นได้แต่สิ่งไม่ดีและน่ากลัว ที่สำคัญอาจเกิดอันตรายจากการมองเห็นได้

พวกเข้าต้องการให้เห็น

กรณีนี้พบได้น้อยเพราะว่าตัววิญญาณนั้นมีข้อจำกัดในการปรากฏตัวไม่ใช่ว่าอยากให้เห็นก็ได้เห็น แต่ถ้าวิญญาณดวงนั้นมีจิตอันแน่วแน่จะทำให้สามารถสื่อสารกับบางคลได้ แต่ทั้งนี้บุคคลนั้นก็ต้องพอมีอะไรที่เป็นตัวช่วยบ้าง เช่น พื้นเพเป็นคนมีเซ้นท์อยู่แล้ว หรือว่ามีอะไรสัมพันธ์กับวิญญาณดวงนั้น

สัมผัสที่ 6

สัมผัสที่-6

สัมผัสที่หก (Sixth Sense หรือ Extrasensory perception) เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะบุคคลที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์แน่ชัด แต่จะหมายถึง บุคคลที่สามารถรับรู้ข้อมูลเหนือจากสัมผัสปกติทั้งห้า คือ การมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรับรส และการสัมผัส ส่วนใหญ่ จะหมายถึงการ ติดต่อกับวิญญาณของคนตาย หรือ การรับรู้ข้อมูลอนาคต

สัมผัสที่ 6 ประจำวันเกิด

สัมผัสที่-6-ประจำวันเกิด

สัมผัสที่ 6 หรือซิกเซ้นส์ มักเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด บางคนมากบางคนน้อย หรือบางคนไม่มีเลยเพราะอาจขึ้นอยู่กับการปฏิบัติสมาธิ การมีบุญหรือกรรมที่ผูกกันมากับพลังที่สัมผัสได้ แต่ก็จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่มีสัมผัสที่ 6 หรือซิกเซ้นส์แรง ติดตัวมาโดยกำเนิดแต่จะเป็นคนที่เกิดวันไหนมาดูกัน

  • ผู้ที่เกิดวันที่ 2 ผู้ที่เกิดวันนี้มีกมีซิกเซ้นส์แรง มีลางสังหรณ์ที่แม่นยำ สามารถสื่อสารกับสิ่งลี้ลับได้ มักสัมผัสได้ทั้งทางจิต และทางกาย ได้ง่ายกว่าคนอื่น ๆ เป็นคนที่มีสมาธิดีราวกับว่าอดีตชาติเคยผ่านการปฎิบัติธรรม หรือผ่านการฝึกกรรมฐานมาก่อน มีพลังจิต และสนใจในสิ่งลี้ลับด้วย
  • ผู้ที่เกิดวันที่ 7 ผู้ที่เกิดวันนี้มักมีซิกเซ้นส์ที่แม่นยำแล้วก็ตรงด้วย คนเกิดวันที่ 7 ส่วนมากเป็นคนที่มีเชื้อสายของพญานาค และเป็นคนที่ชอบลองของ ใครว่าอะไรดีอะไรเด่น หรือที่ไหนเขาว่ามีของดีก็มักจะไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง
  • คนที่เกิดวันที่ 8 คนที่เกิดวันนี้เป็นคนที่รับรู้ความรู้สึกความปรารถนาดีจากคนรอบข้างได้ง่าย เหมือนเขามีซิกเซ้นส์อย่างหนึ่ง รับรู้ได้เองว่าใครที่รักเขาจริง หรือใครที่เข้ามาหวังผลประโยชน์จากเขาโดยไม่ต้องพูดมาก อีกทั้งยังเป็นคนที่ฉลาดถ้ามาศึกษาเรื่องโหราศาสตร์ก็สามารถเป็นนักพยากรณ์ที่ดีได้
  • ผู้ที่เกิดวันที่ 13 คนเกิดวันนี้เป็นคนที่มีสัมผัสที่ไว ถ้าปฏิบัติธรรมหรือเรียนรู้ธรรมะจะไปได้ไว เป็นคนที่มีลางสังหรณ์ มีซิกเซ้นส์ที่ค่อนข้างแรง คนวันที่ 13 บางคนเคยผ่านความเป็นความตายไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ หรือคนวันนี้มักจะเคยเกือบจมน้ำในตอนเด็ก ๆ จึงทำให้เขาสามารถสัมผัสกับสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติได้
  • ผู้ที่เกิดวันที่ 18 คนวันนี้เป็นคนมีสมาธิมีสัมผัสที่ 6 มีลางสังหรณ์ มีซิกเซ้นส์ที่ค่อนข้างดี ถ้าทำสมาธิทำกรรมฐานด้วยจะพัฒนาไปได้ไวรวมทั้งเป็นคนมีสติปัญญาดีคิดวิเคราะห์ต่าง ๆ เนี่ยค่อนข้างลึก
  • คนที่เกิดวันที่ 19 ผู้ที่เกิดวันนี้เป็นคนที่มีลางสังหรณ์แม่นยำ มีสมาธิรวมถึงพลังทางใจค่อนข้างสูงถ้าเอาไปใช้ในทางที่ดีก็จะไปได้ไกลไปได้ดีแต่ถ้าเอาไปใช้ในทางที่ผิดก็ถือว่าน่ากลัวจริง ๆ
  • ผู้ที่เกิดวันที่ 21 ผู้ที่เกิดวันนี้เป็นคนที่เข้าใจคนอื่นได้ง่าย เป็นคนมีซิกเซ้นส์ดี ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในคนวันนี้ก็สามารถรับรู้และเข้าไปแก้ปัญหาไปเจรจาด้วยความสุภาพนุ่มนวลหรือมีวาทศิลป์ในการพูดที่ดี
  • คนที่เกิดวันที่ 29 ผู้ที่เกิดในวันนี้เป็นผู้ที่ชอบศึกษาในสถานที่โบราณ เรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติ เป็นคนที่มีลางสังหรณ์และสัมผัสที่ค่อนข้างแม่นยำ มีพลังสมาธิที่ดีอีกทั้งมีพลังจิต หากฝึกฝนจะไปได้ไวกว่าคนอื่น เรียกว่าเป็นคนที่มีบุญเก่า หรือมีของเก่าติดตัวมาอย่างที่เขาเรียกว่าเชื้อฤาษีนั่นเอง
  • ผู้ที่เกิดวันที่ 30 ผู้ที่เกิดวันนี้เป็นคนที่มีญาณ หรือมีลางสังหรณ์ในตัวเองค่อนข้างดี และแม่นยำ บุคลิกดูเป็นคนเข้มแข็งน่าเกรงขาม เป็นคนที่รู้จักตัวเอง สามารถที่จะอ่านความคิดอ่านใจคนอื่นได้ทะลุปรุโปร่งด้วย

ลักษณะคนที่มีสัมผัสพิเศษ

ลักษณะคนที่มีสัมผัสพิเศษ

คาดการณ์ได้แม่นยำ

ไม่ว่าสภาพแวดล้อมภายนอกจะดูสงบนิ่งแค่ไหน คนกลุ่มนี้สังหรณ์ใจว่าจะต้องมีเรื่อง ก็มักจะมีตามนั้นทุกที ซึ่งอาการแบบนี้ส่วนใหญ่มาจาก ซิกเซ้นต์ ประจำตัวที่คอยเตือนให้เราระวังและป้องกันก่อนภัยจะมาเยือน

ความฝันมักจะเป็นจริง

ถึงจะฝันไม่บ่อย คนกลุ่มนี้ได้ลองฝันขึ้นมาล่ะก็ บอกเลยว่าส่วนมากมักเป็นจริง ทั้งเรื่องฝันแบบให้ต้องตีความ หรือฝันแบบเจอเหตุการณ์นั้นตรง ๆ เรียกว่าถ้าลองได้ฝันเมื่อไหร่ มักจะได้เรื่องแน่นอน

พบเจอสิ่งลี้ลับ

สิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ บางทีมาเป็นเสียง บางทีมาเป็นกลิ่น หรือบางทีมาจะ ๆ แบบไม่ต้องทันตั้งตัวกันเลยก็มี คนกลุ่มนี้มักเจอเป็นประจำ บางรายถึงขั้นเจอแม้แต่ในบ้านของตัวเอง ถ้ามีอาการแบบนี้ล่ะก็ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นคนมีเซ้นต์

พบเจอเหตุบังเอิญบ่อย ๆ

ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็มักจะเจอทุกที เช่น คนบางรายเจอเงินหล่นเป็นประจำ หรือบางคนเวลาเข้าห้องน้ำทีไร มักจะเจอของที่คนลืมไว้ในห้องน้ำทุกที สิ่งเหล่านี้อาจไม่ใช่เหตุบังเอิญแบบที่เราคิดก็เป็นไปได้ เพราะจริง ๆ แล้วอาจจะเป็นซิกเซ้นต์ที่เรามีแต่ยังไม่รู้ตัวต่างหาก

คาถาเห็นผี

คาถาเห็นผี

“สุ ปิ นา นัง” แค่ 4 คำให้ภาวนาไปเรื่อย ๆ

คาถาไล่ผี

คาถาแรก เชื่อว่า หลาย ๆ คนอาจจะไม่คิดถึง หรือ อาจจะไม่รู้ว่า สามารถใช้กันผี ป้องกันภัยได้ นั่นคือ พระคาถาอิติปิโส 8 ทิศ หรือ คาถายันต์เกราะเพ็ชร ตำรับ สมเด็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์

ตั้งนะโม 3 จบ

  • อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา บทนี้ชื่อ กระทู้ 7 แบก ประจำอยู่ทิศบูรพา (ทิศตะวันออก) ใช้เสกเป่าแก้พิษสัตว์กัด ต่อยได้
  • ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง บทนี้ชื่อว่า ฝนแสนห่า ประจำอยู่ทิศอาคเณย์ (ทิศตะวันออกเฉียงใต้) ใช้เสกทำน้ำมนต์ รดคนเจ็บไข้ได้ป่วย ผีเจ้าเข้าทรง
  • ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท บทนี้ชื่อ นารายณ์เกลื่อนสมุทร ประจำอยู่ทิศทักษิณ (ทิศใต้) ใช้เสกภาวนากันภูตผีปีศาจ เป่าพิษบาดแผล
  • โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ บทนี้ชื่อ นารายณ์ถอดจักร์ ประจำอยู่ทิศหรดี (ทิศตะวันตกเฉียงใต้) เสกจดครบ 108 จบ ทำน้ำมนต์ ไล่ผีหรือ ให้คนท้องกิน จะคลอดลูกง่าย
  • ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ บทนี้ชื่อ นารายณ์ขว้างจักร์ตรึงไตรภพ ประจำอยู่ทิศประจิม (ทิศตะวันตก) ใช้เสกพรมร่างคนไข้ ไล่ภูตผีปีศาจร้าย ดีนัก
  • คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ บทนี้ชื่อ นารายณ์พลิกแผ่นดิน ประจำอยู่ทิศพายัพ (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) ใช้เสกทำน้ำมนต์ ป้องกันผีเจ้าเข้าทรง หรือถูกคุณกระทำชะงัดนัก
  • วา โธ โน อะ มะ มะ วา บทนี้ชื่อ ตวาดฟ้าป่าหิมพานต์ ประจำอยู่ทิศอุดร (ทิศเหนือ) ใช้เสกด้าย หวาย มีด ข้าวสาร ขับไล่ผีบ้าน ผีป่าเวลาเดินทางดีนัก
  • อะ วิช สุ นุต สา นุส ติ บทนี้ชื่อ นารายณ์แปลงรูป ประจำอยู่ทิศอีสาน (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) ใช้เสกเป่าตัวเองป้องกันตัวเองเวลาเดินทางออกจากบ้าน แคล้วคลาดได้

คาถากันผีขับผี

ตั้งนะโม 3 จบ

ยะนีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ
ภุมมานิวายานิวะ อันตะลิกเข
สัพเพ วะภูตา สุมะนา ภะวัมตุ
อะโถปิ สักกัจจะ สุณันตุ ภาสิตัง

ใช้เสกไล่ผี กันผี จะไม่มารบกวนและไม่หลอกหลอน จะเป็นผีภูตผีพราย ผีโป่งผีป่า ผีตายเห่า ผีตายโหง ผีกระสือผีกระหัง และเปรตอสุรกาย จะไม่เข้าใกล้ เสกข้าวสารซัด เสกทรายซัด เสกผ้าขาวม้า แดง ทำเป็นผ้ายันต์ ป้องกันผีทุกชนิด และกันภัยทั้งปวงทุกอย่าง

คาถากันภัยกันผี

ตั้งนะโม 3 จบ

นะ ภะ มะ ภะ

ใช้ ทำน้ำมนต์สะเดาะ เพิ่มพลังปลุกเสกพระเครื่อง ป้องกันภัย ป้องกันผี จงใช้บทนี้แทรกเข้าไปด้วย ภูตผีทั้งหลายจะไม่กล้ามารบกวน และเพิ่มพลังยิ่งขึ้น

คาถากันผี

ตั้งนะโม 3 จบ

โอม นะโมพุทธายะ
นะมะพะทะ นะมะอะอุ
นะมะนะอะ นะเนโมสุ
นะสุคะโต อะติตาจะ
นะโมเอหิ นะมะนะอะ
นอกอนอกะ นะโมพุทธายะ

ที่มาภาพ – Background vector created by pikisuperstar – www.freepik.com

อ่านต่อ

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button