วันสำคัญ

บุญข้าวประดับดิน 2567 ความเชื่อที่สืบต่อกันมาแต่โบราณกาล!

เคยไหม? ที่ย่างเท้าสู่ดินแดนอีสานในยามค่ำเดือนเก้า สายหมอกกรุ่นกรอบโอบล้อมทุ่งนา เสียงลมพัดผ่านใบข้าวพึมพำคล้ายบทเพลงโบราณ ภาพวิถีชีวิตเรียบง่าย ผสานความเชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดวาอารามเก่าแก่ ณ ที่แห่งนี้เอง ที่ซ่อนประเพณีลึกล้ำ งดงาม ชวนค้นหา นั่นคือ “บุญข้าวประดับดิน”

เตรียมตัวก้าวเข้าสู่โลกแห่งความกตัญญู บุญกุศลที่ลอยฟ่องจากข้าวหอมมะลิ ขนมหวาน ผลไม้ หมากพลู ยามค่ำคืน ชาวบ้านจะนำ “ยายห่อข้าวน้อย” เหล่านี้ วางไว้ตามโคนต้นไม้ รอบโบสถ์ เพื่ออุทิศแก่ผู้ล่วงลับ วิญญาณไร้ญาติ สัมภเวสี กลิ่นหอมกรุ่นฟุ้งไปทั่ว ผสานกับเสียงสวดมนต์บทกรองกรรม สร้างบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ ซาบซึ้ง ตราตรึงใจ

บุญข้าวประดับดิน คือ

บุญข้าวประดับดิน

การทำบุญข้าวประดับดิน ทำเพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่ญาติผู้ตาย และสัตว์นรกหรือเปรต เป็นประเพณีที่ทำเป็นประจำทุกปี เนื่องจากคนลาวและไทยอีสาน มีความเชื่อที่สืบต่อกันมาแต่โบราณกาลแล้วว่า กลางคืนของเดือนเก้าดับ (วันแรม 14 ค่ำ เดือน 9) เป็นวันที่ประตูนรกเปิด ยมบาลจะปล่อยให้ผีนรกออกมาเยี่ยมญาติในโลกมนุษย์ ในคืนนี้คืนเดียวเท่านั้นในรอบปี จึงพากันจัดห่อข้าวไว้ให้แก่ญาติพี่น้องที่ตายไปแล้ว ถือว่าเป็นงานบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติพี่น้องผู้ล่วงลับไปแล้ว รวมถึงอุทิศส่วนกุศลให้กับสัตว์นรก หรือเปรต

มีเรื่องเล่าความเป็นมาว่า ญาติของพระเจ้าพิมพิสาร กินของสงฆ์ เมื่อตายแล้วไป เกิดในนรก ครั้นพระเจ้าพิมพิสารถวายทานแด่พระพุทธเจ้าแล้ว มิได้อุทิศให้ญาติที่ตาย กลางคืนพวกญาติที่ตายมาแสดงตัว เปล่งเสียงน่ากลัวให้ปรากฏใกล้พระราชนิเวศน์ รุ่งเช้าได้เสด็จไปทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทูลเหตุให้ทราบ พระเจ้าพิมพิสารจึงถวายทานอีก แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติที่ตายไปจึงได้รับส่วนกุศล

อาหารที่ใส่กระทงบุญข้าวประดับดินใส่อะไรบ้าง

อาหารที่ใส่กระทงบุญข้าวประดับดินใส่อะไรบ้าง
ภาพจาก Nava Mekong
  • ข้าวเหนียวนึ่งสุกแล้วปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ ข้าวสวย
  • เนื้อปลา เนื้อไก่ เนื้อหมู ใส่ลงไปเล็กน้อย
  • กล้วย น้อยหน่า ฝรั่ง มะละกอ มันแกว อ้อย องุ่น มะละกอสุก ส้ม แอปเปิ้ล ละมุด เงาะ ขนมชั้น วุ้น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขุน หรือขนมหวานอื่น ๆ ลงไป
  • หมากหนึ่งคำ บุหรี่หนึ่งมวน เมี่ยงหนึ่งคำ
  • น้ำเปล่า

พิธีกรรมบุญข้าวประดับดินมีอะไรบ้าง

  1. วันแรม 13 ค่ำ เดือน 9 ชาวบ้านจะเตรียมข้าวต้ม ขนม อาหารคาวหวาน หมาก พลู และบุหรี่ไว้ 4 ส่วน ส่วนหนึ่งเลี้ยงดูกันภายในครอบครัว ส่วนที่สองแจกให้ญาติพี่น้อง ส่วนที่สามอุทิศให้ญาติที่ตายไปแล้ว และส่วนที่สี่นำไปถวายพระสงฆ์ ในส่วนที่สาม ญาติโยมจะห่อข้าวน้อย ซึ่งมีวิธีการห่อคือ ใช้ใบตองห่อขนาดเท่าฝ่ามือ ส่วนความยาวนั้นให้ยาวสุดซีกของใบตอง
  2. วันแรม 14 ค่ำ เดือน 9 ชาวบ้านจะไปวัดตั้งแต่เวลาตี 4 เพื่อนำสิ่งของที่เตรียมไว้จัดใส่กระทง หรือเย็บเป็นห่อเหมือนข้าวสากไปวางอุทิศส่วนกุศลตามที่ต่าง ๆ ซึ่งการวางแบบนี้ เรียกว่า การวางห่อข้าวน้อย แต่หากเป็นการนำไปวางในวัด จะเรียกว่า การยาย (วางเป็นระยะ ๆ ) ห่อข้าวน้อย ซึ่งเวลานำไปวางจะพากันไปทำอย่างเงียบ ๆ ไม่มีการตีฆ้อง ตีกลองแต่อย่างใด
  3. หลังจากวางเสร็จแล้ว ชาวบ้านจะกลับบ้านเพื่อเตรียมอาหารทำบุญที่วัดอีกทีหนึ่งในตอนเช้า เมื่อพระสงฆ์ฉันเช้าเสร็จก็จะเทศน์ฉลองบุญข้าวประดับดิน ต่อจากนั้น ชาวบ้านจะนำปัจจัยไทยทานถวายแด่พระสงฆ์ เมื่อพระสงฆ์ให้พรเสร็จ ชาวบ้านที่มาทำบุญก็จะกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติผู้ที่ล่วงลับไปแล้วทุก ๆ คน

สรุป

สายลมเดือนเก้าพัดโชย เคล้ากลิ่นควันธูปหอมกรุ่น บรรยากาศแห่งบุญคล้องผสมกับความเชื่อ บอกเล่าเรื่องราว “บุญข้าวประดับดิน” ประเพณีโบราณที่สืบทอดมาช้านาน ชาวอีสานร่วมแรงร่วมใจ ห่อข้าว ห่อขนม ห่อความห่วงหา ใต้ร่มโบสถ์ โคนต้นไม้ใหญ่ ส่งต่อกุศลไปถึงผู้ล่วงลับ

มากกว่าพิธีกรรม บุญข้าวประดับดินคือสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงระหว่างโลกนี้กับโลกหน้า ระหว่างคนเป็นกับคนตาย ระหว่างความมีกับความไร้ เป็นบทสะท้อนของน้ำใจไมตรี เมตตา กรุณา ที่หยั่งรากลึกในวิถีอีสาน หากคุณอยากสัมผัสความอบอุ่น ซาบซึ้งในประเพณี ช่วงวันแรม 14 ค่ำ เดือนเก้า ลองเดินทางไปยังอีสาน สักการะพระ ร่วมทำบุญ

แล้วคุณจะพบว่า ไม่ใช่แค่ข้าวเท่านั้นที่ประดับดิน แต่จิตใจของพวกเราก็ประดับไว้ด้วยสายใยแห่งความกตัญญู กุศลกรรมที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น จะคงอยู่เนิ่นนาน ตราบเท่าสายธารแห่งความเชื่อยังหล่อเลี้ยงผืนอีสาน

อ่านต่อ

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button