วันนี้ในอดีต

25 มีนาคม กษัตริย์ไฟซาลแห่งซาอุดิอาระเบีย ถูกลอบยิงเสียชีวิต

25 มีนาคม 2518 กษัตริย์ไฟซาล (king Faisal bin Abd Al Aziz ค.ศ. 1906-1975) แห่งซาอุดิอาระเบีย ถูกลอบยิงเสียชีวิต ซึ่งคาดกันว่าเป็นผลมาจากความขัดแย้งทางการเมือง

กษัตริย์ไฟซาล

สมเด็จพระราชาธิบดีไฟซาล บิน อับดุล อาซิซ อัล ซาอุด (Faisal bin Abdul Aziz Al Saud) แห่งซาอุดีอาระเบีย ถูกลอบปลงพระชนม์ จากเหตุลอบยิงในกรุงริยาด พระองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ขณะถูกนำส่งโรงพยาบาล และแม้ว่าคณะแพทย์จะระดมกำลังเพื่อแก้ไขพระอาการ หากก็ไม่เป็นผล พระองค์เสด็จสวรรคตในที่สุด

ผู้ก่อเหตุลอบยิงกษัตริย์ไฟซาลคือหลานชายของพระองค์เอง ทรงมีพระนามว่าเจ้าชายไฟซาล บิน มูซาอิด บิน อับดุลลาซิซ อัล ซาอุด (Faisal bin Musaid bin Abdulaziz Al Saud) พระองค์ทรงใช้ปืนพกรัวกระสุนปืนใส่สมเด็จพระราชาธิบดีไฟซาลถึงสามนัด ในระหว่างทรงออกว่าราชการ และเปิดโอกาสให้บุคคลและคณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าฯ เพื่อร้องทุกข์

จากคำให้การของพยานในที่เกิดเหตุเผยว่า เจ้าชายผู้ก่อเหตุทรงรออยู่ในห้องรอเฝ้า และทรงพูดคุยกับคณะผู้แทนจากประเทศคูเวต ซึ่งกำลังรอเพื่อเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีไฟซาลเช่นกัน พยานยังเผยอีกว่า ขณะที่สมเด็จพระราชาธิบดีไฟซาลทรงโน้มพระองค์ลงเพื่อจุมพิตเจ้าชายไฟซาล บิน มูซาอิด เป็นนาทีที่เจ้าชายทรงควักปืนพกออกมาแล้วยิงใส่เสด็จลุงของพระองค์เองบริเวณใต้คางและใบหู องครักษ์รักษาพระองค์นายหนึ่งเงื้อดาบซึ่งยังไม่ได้เปลือยฝักเพื่อฟาดใส่เจ้าชายไฟซาล บิน มูซาอิด ทว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมและทรัพยากรธรรมชาติ ชีค อาห์เมด ซากีห์ ยามานี (Sheikh Yamani) ตะโกนร้องห้ามมิให้ราชองครักษ์ผู้นั้นสังหารเจ้าชายผู้ก่อเหตุ

เจ้าชายไฟซาล บิน มูซาอิด ทรงถูกจับกุมทันทีหลังก่อเหตุ และทรงถูกสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงการลอบสังหารครั้งนี้ ทรงถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานลอบปลงพระชนม์ และทรงได้รับโทษในปี 1975 ด้วยการบั่นพระเศียรต่อหน้าประชาชนกลางจัตุรัสในกรุงริยาด ซึ่งเป็นการลงโทษตามโบราณราชประเพณีภายใต้กฎหมายอิสลาม

ยังไม่มีใครรู้เหตุจูงใจแน่ชัดในการก่อเหตุของเจ้าชายไฟซาล บิน มูซาอิด เป็นแต่เพียงการคาดคะเนว่า เจ้าชายอาจจะทรงต้องการแก้แค้นให้เจ้าชายคาลิด ผู้ทรงเป็นพระเชษฐา ซึ่งสิ้นพระชนม์จากการต่อสู้กับกองกำลังรักษาความปลอดภัยในปี 1966

การสอบสวนได้ข้อสรุปภายหลังว่า เจ้าชายไฟซาล บิน มูซาอิด ทรงก่อเหตุนี้เพียงลำพัง และยังมีการออกประกาศอย่างเป็นทางการจากคณะแพทย์และนักจิตวิทยาว่า เจ้าชายทรงเสียพระสติ และทรงมีปัญหาทางสุขภาพจิตแน่นอน

อ่านต่อ

Alinda C.

ฉันเชื่อว่าประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเข้าใจความเป็นมาของสังคมและโลก ประวัติศาสตร์ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ทำให้เราเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในอดีต เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button