วันนี้ในอดีต

24 มิถุนายน เจ้าชายเฮนรี ทรงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์

24 มิถุนายน 2052 เจ้าชายเฮนรี ทรงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ในพระนามว่า พระเจ้าเฮนรี ที่ 8 แห่งอังกฤษ

พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ

เฮนรีที่ 8 (Henry VIII) 28 มิถุนายน ค.ศ. 1491 – 28 มกราคม ค.ศ. 1547 เป็นพระมหากษัตริย์อังกฤษ เสวยราชย์ต่อจากพระบิดา คือ พระเจ้าเฮนรีที่ 7 ใน ค.ศ. 1509 จนกระทั่งสวรรคตใน ค.ศ. 1547 นับเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่สองจากราชวงศ์ทิวดอร์

พระเจ้าเฮนรีที่ 8 เป็นที่รู้จักจากการสมรสถึงหกครั้ง โดยเฉพาะความพยายามของพระองค์ที่จะให้การสมรสครั้งแรกกับพระนางกาตาลินาแห่งอารากอนตกเป็นโมฆะ พระองค์ยังขัดแย้งกับพระสันตะปาปาแห่งโรมในประเด็นความเป็นโมฆะของการสมรสดังกล่าว ทำให้พระองค์ริเริ่มการปฏิรูปอังกฤษเพื่อแยกคริสตจักรอังกฤษออกจากอำนาจของพระสันตะปาปา แล้วตั้งพระองค์เองเป็นประมุขสูงสุดแห่งคริสตจักรอังกฤษ และยุบเลิกสำนักชีและอารามต่าง ๆ เสีย เป็นเหตุให้พระองค์ถูกปัพพาชนียกรรมจากศาสนจักร

ว่าด้วยเรื่องในประเทศแล้ว พระองค์ยังเป็นที่รู้จักจากการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญอังกฤษจนถึงรากฐาน แล้วเอาแนวคิดเรื่องเทวสิทธิ์ของกษัตริย์มาใช้ นอกจากจะอ้างอำนาจสูงสุดเหนือคริสตจักรอังกฤษในฐานะที่เป็นองค์อธิปัตย์ของประเทศแล้ว พระองค์ยังขยายพระอำนาจออกไปอย่างกว้างขวาง ผู้คัดค้านพระองค์ล้วนถูกปิดปากด้วยข้อหากบฏหรือประพฤตินอกรีต หลายคนถูกประหารชีวิตตามพระราชบัญญัติการริบทรัพย์กบฏ (bill of attainder) โดยไม่มีการไต่สวนอย่างเป็นกิจจะลักษณะเสียก่อน ผลงานของอัครมหาเสนาบดี (chief minister) ของพระองค์ยังช่วยให้พระองค์ได้บรรลุเป้าหมายทางการเมืองหลายประการ แต่เสนาบดีหลายคนต้องถูกอัปเปหิหรือประหารชีวิตเมื่อไม่ทรงโปรดปรานอีก นักการเมืองที่โดดเด่นในรัชสมัยของพระองค์ ได้แก่ ทอมัส วูลซี, ทอมัส มอร์, ทอมัส ครอมเวลล์, ทอมัส แครนเมอร์, และริชาร์ด ริช นอกจากนี้ พระองค์ยังใช้จ่ายราชทรัพย์อย่างสุรุ่ยสุร่าย ทรงแสวงหารายได้จากโภคทรัพย์ที่ได้มาจากการยุบเลิกอาราม และจากเงินที่เคยจ่ายให้แก่คริสตจักรโรมโดยเอา พระราชบัญญัติของรัฐสภาปฏิรูป (Reformation Parliament) มาแปรเงินเหล่านี้เป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ แม้การกระทำดังกล่าวจะส่งผลให้ทรัพย์สินพอกพูนเข้าท้องพระคลัง แต่พระองค์ก็แทบสิ้นเนื้อประดาตัวอยู่เป็นนิจ เพราะความฟุ้งเฟ้อส่วนพระองค์ ประกอบกับสงครามทางทวีป (continental war) ที่เกิดขึ้นหลายครั้งและกินค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะสงครามที่ทรงก่อกับพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 แห่งฝรั่งเศส และจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่ออ้างสิทธิเหนือราชบัลลังก์แห่งราชอาณาจักรฝรั่งเศส อนึ่ง รัชสมัยของพระองค์ยังมีการผนวกอังกฤษและเวลส์โดยอาศัยกฎหมายในพระราชบัญญัติเวลส์ ค.ศ. 1535 และ 1542 (Laws in Wales Acts 1535 and 1542) ต่อมาเมื่อมีการตราพระราชบัญญัติพระมหากษัตริย์ไอรแลนด์ ค.ศ. 1542 (Crown of Ireland Act 1542) แล้ว พระองค์จึงได้เป็นพระมหากษัตริย์อังกฤษพระองค์แรกที่ได้ปกครองไอร์แลนด์ในฐานะพระมหากษัตริย์ไอร์แลนด์

ผู้คนในสมัยเดียวกับพระองค์มองว่า พระองค์ในวัยหนุ่มเป็นกษัตริย์ที่มีเสน่ห์ มีการศึกษาดี และประสบความสำเร็จ พระองค์ได้รับการพรรณนาว่า เป็น “หนึ่งในผู้ปกครองที่มากบารมีที่สุดที่เคยครองราชสมบัติแห่งอังกฤษ”[2] พระองค์ยังเป็นนักประพันธ์ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง แต่เมื่อพระชันษาสูงขึ้น พระองค์กลับกลายเป็นคนอ้วนอุ้ยอ้าย พระพลานามัยย่ำแย่ นำไปสู่การสวรรคตใน ค.ศ. 1547 พระองค์ถูกกล่าวขวัญในช่วงบั้นปลายพระชนม์ว่า เป็นกษัตริย์ตัณหากลับ อัตตาสูง อารมณ์รุนแรงไม่มั่นคง[3] เมื่อสิ้นพระองค์แล้ว พระโอรส คือ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 สืบราชบัลลังก์ต่อ

อ่านต่อ

Alinda C.

ฉันเชื่อว่าประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเข้าใจความเป็นมาของสังคมและโลก ประวัติศาสตร์ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ทำให้เราเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในอดีต เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button