รีวิวซีรีส์จีน

[รีวิว-เรื่องย่อ] องค์หญิงใหญ่ | The Princess Royal (2024)

  • The Princess Royal เป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องของ หลี่หรง องค์หญิงและ เผย เวินซวน ที่ได้รับชีวิตใหม่เพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคต
  • ซีรีส์สร้างมาจากนวนิยายและได้รับแรงบันดาลใจจากราชวงศ์เหนือและใต้ (420-589 ค.ศ.)
  • จ้าว จินม่าย และ จางหลิงเฮ่อ นักแสดงคู่หลักที่มีเคมีเข้ากัน
  • ซีรีส์มีจุดเด่นที่ตัวละครหลักทั้งสองได้รับชีวิตใหม่ แต่มีจุดอ่อนในการพัฒนาตัวละครขององค์หญิง

ใครเคยฝันไหมว่าถ้าได้รับโอกาสใหม่ เราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตและชะตากรรมของตัวเองได้อย่างไร? ซีรีส์ The Princess Royal (องค์หญิงใหญ่) นำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการได้รับ ชีวิตใหม่ ของตัวละครหลักทั้งสอง หลี่หรง องค์หญิงและ เผย เวินซวน ที่ได้กลับมาจากอดีตเพื่อแก้ไขความผิดพลาดและสร้างอนาคตที่ดีกว่าเดิม ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก ราชวงศ์เหนือและใต้ ในช่วงปี 420-589 ค.ศ. ทำให้ได้เห็นความงดงามของเครื่องแต่งกายและฉากที่สร้างขึ้นอย่งประณีต

ด้วยเรื่องราวที่ผสมผสานระหว่าง ความรักและการเมือง รวมถึงการต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของประเทศ ซีรีส์เรื่องนี้จึงได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ชมในช่วงฤดูร้อนปี 2024 จ้าว จินม่าย (Zhao Jinmai) และ จางหลิงเฮ่อ (Zhang Ling He) ในบทบาทหลักได้แสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและลึกซึ้ง โดยเฉพาะจางหลิงเฮ่อ ที่ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการการแสดงที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แต่เมื่อเราดูจบแล้ว จะพบว่าซีรีส์เรื่องนี้มีทั้งจุดเด่นและจุดอ่อนที่ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมบางส่วนรู้สึกผิดหวังในตอนท้าย มาดูกันว่า องค์หญิงใหญ่ จะสามารถสร้างความประทับใจให้กับเราได้แค่ไหน และจุดไหนที่ควรปรับปรุงในการสร้างซีรีส์แนวนี้

The Princess Royal หรือ องค์หญิงใหญ่

รีวิวและเรื่องย่อ The Princess Royal (องค์หญิงใหญ่)

The Princess Royal เล่าเรื่องของ หลี่หรง (จ้าว จินม่าย) องค์หญิงแห่งราชวงศ์และ เผย เวินซวน (จางหลิงเฮ่อ) ที่ทั้งคู่ได้รับโอกาสใหม่ในการกลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาล้มเหลวในชีวิตก่อนหน้า ในชาติที่แล้ว หลี่หรงเป็นองค์หญิงที่ไม่มีอำนาจจริง และเผย เวินซวนก็เป็นข้าราชการที่ต้องต่อสู้กับการเมืองในราชสำนัก ทั้งคู่มีชีวิตที่ยุ่งยากและจบลงอย่างไม่มีความสุข

การได้รับ ความทรงจำจากอดีต ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเองและประเทศชาติ หลี่หรงที่เคยเป็นองค์หญิงที่อ่อนแอและไร้อำนาจ ตอนนี้ได้ตัดสินใจที่จะใช้ความรู้จากอดีตมาช่วยในการปกป้องน้องชายและราชอาณาจักร ส่วนเผย เวินซวนก็มุ่งมั่นที่จะใช้ความรู้ทางการเมืองเพื่อสร้าง ประเทศที่เข้มแข็ง ยิ่งขึ้น

ซีรีส์เรื่องนี้โดดเด่นด้วยการนำเสนอสถาปัตยกรรมและ เครื่องแต่งกายสมัยราชวงศ์เหนือและใต้ ที่งดงามและสมจริง ซึ่งเป็นช่วงเวลาในประวัติศาสตร์จีนที่ไม่ค่อยได้เห็นในซีรีส์เท่าไหร่ การออกแบบฉากและชุดแต่งกายจึงกลายเป็นจุดขายหลักของซีรีส์ รวมถึงการแสดงของ จางหลิงเฮ่อ ที่ได้รับการยกย่องว่าดีขึ้นอย่างมากจากผลงานก่อนหน้า และมีเคมีที่ดีกับจ้าว จินม่าย

จ้าว จินม่าย ในบทหลี่หรง แสดงได้อย่างน่าติดตาม โดยเฉพาะในช่วงแรกของซีรีส์ที่เธอแสดงออกถึงความมั่นใจและความแข็งแกร่งของ องค์หญิงที่มีประสบการณ์จากอดีต แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไป ตัวละครของเธอกลับมีการพัฒนาที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผล กลายเป็นตัวละครที่ต้องพึ่งพาผู้อื่นมากขึ้นแทนที่จะเติบโตเป็นองค์หญิงที่แกร่งและมีอำนาจจริง

การแสดงของ จางหลิงเฮ่อ ในบทเผย เวินซวน ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของซีรีส์ เขาแสดงได้อย่างมีเสน่ห์และแสดงออกถึงความซับซ้อนของตัวละครที่ต้องสมดุลระหว่าง ความรักและความจงรักภักดีต่อประเทศชาติ ได้เป็นอย่างดี เคมีระหว่างเขาและจ้าว จินม่ายในช่วงครึ่งแรกของซีรีส์ทำให้แฟนๆ ติดตามกันอย่างมาก และมีการโปรโมตนอกจอที่ทำให้ทั้งคู่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

ตัวละครสมทบอื่นๆ ก็ได้รับการพัฒนาให้มีเนื้อเรื่องที่ ลึกซึ้งกว่าในนวนิยายต้นฉบับ ทำให้เรื่องราวมีมิติที่หลากหลายและน่าสนใจยิ่งขึ้น การที่ซีรีส์สามารถทำ popularity index บน Youku ทะลุ 10,000 แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในช่วงฤดูร้อนปี 2024

The Princess Royal (2024) #2

แม้ว่าซีรีส์จะเริ่มต้นได้อย่างน่าสนใจ แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไปถึงช่วงครึ่งหลัง ปัญหาต่างๆ เริ่มปรากฏขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตัวละครขององค์หญิงหลี่หรง ที่น่าจะเป็นตัวละครหลักที่แข็งแกร่งและมีบทบาทสำคัญ กลับกลายเป็นตัวละครที่ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง เธอมักจะต้องรอให้คนอื่นมาช่วยตัดสินใจหรือให้ข้อมูล แทนที่จะใช้ประสบการณ์จากชาติที่แล้วมาแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง

ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือการที่ หลี่หรงไม่เคยเป็นฝ่ายริเริ่ม หรือคิดแผนการเองจริงๆ เธอมักจะได้รับข้อมูลจากเผย เวินซวนหรือซู หรงชิง แล้วค่อยมาตอบสนอง ในช่วงแรก ตัวละครทั้งสองยังคุยกันอย่างเปิดเผย แต่พอเรื่องราวดำเนินไป พวกเขากลับหยุดคุยกันและปล่อยให้เกิดความเข้าใจผิดมากมาย ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกหงุดหงิดกับ การพัฒนาตัวละครที่ไม่สมจริง

อีกจุดหนึ่งที่น่าเสียดายคือการที่องค์หญิงหลี่หรงไม่เคยพัฒนาไปเป็น “องค์หญิงที่แท้จริง” ที่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง แต่กลับกลายเป็นดอกไม้ที่ต้องได้รับการปกป้องและถูกลากไปตามเหตุการณ์ ซึ่งแตกต่างจากในนวนิยายต้นฉบับที่เธอเป็นผู้เลือกที่จะต่อสู้เพื่อน้องชายและปฏิเสธซู หรงชิง รวมถึงตัดสินใจเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเองด้วยตัวเอง

The Princess Royal (2024) #3

เมื่อดูซีรีส์เรื่องนี้แล้ว เราอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคู่รักจาก The Legend of Du Gu (2018) อย่าง ตู กู ปานจัก (อัน อี่ซวน) และ อวี่ เหวิน หู (สวี่ เจิง ซี) ที่เป็นคู่รักที่มีความเท่าเทียมกัน ทั้งคู่เข้าใจเรื่องการเมืองในราชสำนัก มีความทะเยอทะยานเรื่องอำนาจ ยืนอยู่คนละฝั่งแต่ยังคงรักกันอย่างแรงกล้า นั่นคือการแข่งขันและความรักของคนที่ เท่าเทียมกัน

ตู กู ปานจักเป็นตัวละครที่ฉลาด มีเล่ห์เหลี่ยม และต้องตัดสินใจเรื่องยากๆ มากมาย แต่ผู้ชมยังคงเชียร์เธอเพราะเธอสมควรได้รับการเคารพ และเธอก็ไม่ได้มี ความทรงจำจากชาติก่อน มาช่วยเหมือนหลี่หรง แต่กลับทำทุกอย่างได้ด้วยความสามารถของตัวเอง

แม้ว่าแฟนๆ ของ จ้าว จินม่าย และ จางหลิงเฮ่อ จะติดตามกันอย่างมากในช่วงครึ่งแรก แต่พอมาถึงช่วงท้ายแล้ว แม้แต่แฟนๆ ยังรู้สึกผิดหวังกับ ผลงานขั้นสุดท้าย ของซีรีส์เรื่องนี้ โชคดีที่ทั้งสองจะได้ร่วมงานกันอีกครั้งในซีรีส์ “Ying Tao Hu Po” หวังว่าจะได้บทที่ดีกว่านี้

The Princess Royal (องค์หญิงใหญ่) เป็นซีรีส์ที่มี แนวคิดที่น่าสนใจ และการผลิทที่สวยงาม แต่กลับไม่สามารถพัฒนาตัวละครหลักให้น่าเชื่อถือและแข็งแกร่งได้ตามที่ควรจะเป็น สำหรับใครที่ชอบซีรีส์แนวย้อนยุคและการเมืองในราชสำนัก อาจจะลองดูได้ แต่ต้องเตรียมใจไว้ว่าจะมีช่วงที่รู้สึกหงุดหงิดกับ การพัฒนาตัวละครที่ไม่สม่ำเสมอ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีว่าแม้จะมีแนวคิดและนักแสดงที่ดี แต่หากการเขียนบทไม่ดีพอ ก็อาจทำให้ผลงานออกมาไม่ตามคาดหมาย

หากเราต้องการดูซีรีส์ที่มีตัวละครหญิงที่แข็งแกร่งและมีบทบาทสำคัญจริงๆ เราแนะนำให้หาซีรีส์อื่นที่มี การพัฒนาตัวละครที่ดีกว่า แทน อย่าลืมแชร์ความรู้สึกของเราเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้ในคอมเมนต์ และบอกเล่าซีรีส์แนวคล้ายๆ ที่เราชอบให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: องค์หญิงใหญ่
  • ประเภท: ย้อนยุค, โรแมนติก, ดราม่า
  • วันที่ออกฉาย: 26 มิ.ย. 2567 – 13 ก.ค. 2567
  • นักแสดงนำ: จ้าว จินม่าย, จางหลิงเฮ่อ
  • จำนวนตอน: 40 ตอน
  • เรตติ้ง MyDramaList: 8.2/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix, YOUKU, MONOMAX

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button