[รีวิว-เรื่องย่อ] Law and the City (2025) ซีรีส์กฎหมายสุดเข้มข้น!

• Law and the City (2025) เป็นซีรีส์กฎหมายที่สมจริง ผสมผสานดราม่าและอารมณ์ขันได้อย่างลงตัว
• Lee Jong-suk โดดเด่นในบท Ahn Ju-hyeong ทนายที่ใช้ตรรกะเหนืออารมณ์
• การมาของ Hee-ji นำปมลับในอดีตที่ทำให้เรื่องน่าติดตามยิ่งขึ้น
• เรื่องราวในสำนักงานและแชทกลุ่มอาหารกลางวันเพิ่มความอบอุ่นและความเป็นมนุษย์

เคยไหม? นั่งดูซีรีส์กฎหมายแล้วรู้สึกว่าโลกในจอช่างห่างไกลจากความจริง ทนายตะโกนแถลงในศาลราวกับละครเวที หรือมีดนตรีประกอบสุดดราม่าตอนชนะคดี? ถ้าคุณเบื่ออะไรแบบนั้น Law and the City (2025) จาก tvN จะทำให้คุณต้องเปลี่ยนใจ! ซีรีส์เรื่องนี้พาคุณเข้าสู่โลกของ Ahn Ju-hyeong ทนายความที่ไม่ได้มาเพื่อต่อสู้เพื่อความยุติธรรม แต่ใช้สมองและตรรกะล้วน ๆ ในการทำงาน ด้วยฝีมือของ Lee Jong-suk ที่ถ่ายทอดตัวละครนี้ได้อย่างน่าทึ่ง เรื่องราวของเขาจะพาคุณไปสำรวจความทะเยอทะยาน ความซับซ้อนของจิตใจ และราคาที่ต้องจ่ายเมื่อเลือกความสบายเหนืออุดมการณ์

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ดราม่าห้องพิจารณาคดีธรรมดา แต่เป็นการเล่าเรื่องที่ผสมผสานความสมจริง อารมณ์ขันแบบแห้ง ๆ และความลึกของตัวละครได้อย่างลงตัว คุณจะได้เห็นชีวิตของทนายที่ไม่ได้มีแค่คดีความ แต่ยังมีเรื่องของมิตรภาพ ความสัมพันธ์ และปมในใจที่ค่อย ๆ เผยออกมา ถ้าคุณชอบซีรีส์ที่ทำให้ต้องคิดตาม และอยากเห็น Lee Jong-suk ในบทบาทที่แตกต่างจากเดิม Law and the City คือคำตอบที่คุณต้องลอง!

รีวิวและเรื่องย่อ Law and the City

ในตอนแรกของ Law and the City เราได้พบกับ Ahn Ju-hyeong ทนายความที่ใช้ชีวิตเหมือนเครื่องจักรที่แม่นยำ เขาตื่นเช้า เข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงาน และจัดการทุกอย่างด้วยความเรียบร้อย ไม่มีดราม่า ไม่มีการบ่น เขาคือคนที่มอง กฎหมาย เป็นเรื่องของตรรกะ ไม่ใช่อารมณ์หรือความยุติธรรม Lee Jong-suk ถ่ายทอดบทนี้ได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยสีหน้าและท่าทางที่เย็นชาแต่มีเสน่ห์ คุณจะรู้สึกได้ทันทีว่าเขาคือคนที่ผ่านอะไรมาเยอะ และเลือกที่จะเก็บอารมณ์ไว้ข้างใน

ฉากหนึ่งที่สะดุดตาคือตอนที่ Ju-hyeong เห็นทนายหน้าใหม่คนหนึ่งกำลังดูซีรีส์กฎหมายในมือถือ พร้อมพึมพำบทพูดตามอย่างตื่นเต้น เขายิ้มเล็ก ๆ และนึกถึงตัวเองในอดีต วันที่เขาเคยเชื่อว่าห้องพิจารณาคดีคือเวทีของการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง แต่ตอนนี้ หลังจากทำงานมา 9 ปี เขาเปลี่ยนไปแล้ว จากคนที่เคยร้องไห้ไปกับลูกความ กลายเป็นคนที่รักษาระยะห่าง และมองทุกอย่างเป็นแค่ “งาน” ที่ต้องทำให้เสร็จ คุณเคยรู้สึกไหม? ว่างานที่ทำทุกวันค่อย ๆ เปลี่ยนตัวตนของคุณโดยไม่รู้ตัว? นั่นคือสิ่งที่ Ju-hyeong กำลังเผชิญ และซีรีส์เล่ามันได้อย่างละเอียดอ่อน

เมื่อย้ายฉากมาที่สำนักงานกฎหมาย คุณจะรู้สึกเหมือนได้เข้าไปนั่งในออฟฟิศจริง ๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยพลังทนายบางคนกำลังง่วนกับเอกสาร บางคนเดินถือแฟ้มวิ่งไปมา และบางคนก็กำลังชวนลูกค้าดื่มกาแฟด้วยรอยยิ้ม แต่สิ่งที่ทำให้สำนักงานนี้มีชีวิตคือกลุ่มเพื่อนทนายที่รวมตัวกันในแชทกลุ่มเพื่อคุยเรื่อง… อาหารกลางวัน! ใช่แล้ว Ju-hyeong, Chang-won, Mun-jeong, Sang-ki, และ Dong-wook มีแชทกลุ่มที่คุยกันทุกวันว่าจะกินอะไร มันเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ทำให้ตัวละครรู้สึกเหมือนคนจริง ๆ ไม่ใช่แค่ตัวละครในจอ

ในวันหนึ่ง ระหว่างมื้อกลางวัน การสนทนากลายเป็นเรื่องอารมณ์เมื่อ Dong-wook ประกาศว่าเขาจะย้ายไปทำงานที่สำนักงานอื่น เพื่อน ๆ แซว Ju-hyeong ว่าเขาจะไปเดตแบบจัดฉากแล้วหนีมาเจอเพื่อน ๆ แน่นอน และแน่นอนว่าเขายิ้ม ไม่ปฏิเสธหรือยืนยัน มันเป็นโมเมนต์ที่ทำให้คุณรู้สึกว่า ถึง Ju-hyeong จะเย็นชาในงาน แต่เขาก็ยังมีความเป็นมนุษย์ในความสัมพันธ์ ฉากเหล่านี้ทำให้ Law and the City อบอุ่นและน่าติดตาม เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องคดี แต่เป็นเรื่องของคน

เมื่อ Ju-hyeong ได้รับมอบหมายคดีเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกาย ลูกความของเขาเป็นนักบัญชีภาษีที่พิการทางสายตา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าชกคนอื่นระหว่างการโต้เถียง ลูกค้าปฏิเสธและบอกว่าผู้เสียหายแกล้งทำ Ju-hyeong สนใจคดีนี้ทันที เพราะมันมีความซับซ้อนที่ท้าทายสมองของเขา เขาเริ่มสืบหาข้อมูล และค้นพบว่าผู้ถูกกล่าวหาและผู้เสียหายเคยอยู่ที่อยู่เดียวกัน อะไรบางอย่างเริ่มไม่ลงรอย และนี่คือจุดที่ซีรีส์เริ่มเข้มข้น

ในห้องพิจารณาคดี Ju-hyeong จัดการทุกอย่างด้วยความนิ่งและแม่นยำ เขาใช้ข้อเท็จจริงชี้ว่าคนพิการทางสายตาจะชกใครสักคนได้ยากแค่ไหน และค่อย ๆ เผยเรื่องที่อยู่ร่วมกัน โดยบอกผู้พิพากษาว่าทั้งสองเป็น “เพื่อนร่วมห้อง” ที่ทะเลาะกันเรื่องเงิน สุดท้ายเขาชนะคดี โดยไม่ต้องเปิดเผยความจริงที่ว่าทั้งคู่เคยมีความสัมพันธ์กัน คุณจะรู้สึกได้ถึงความฉลาดของเขา ที่รู้วิธีปกป้องลูกความโดยไม่ต้องลงลึกในเรื่องส่วนตัว มันทำให้คุณสงสัยว่าเขาทำแบบนี้เพื่ออะไร? เพื่อศีลธรรม หรือแค่เพื่อชนะคดี?

จุดเปลี่ยนสำคัญของตอนนี้คือการมาถึงของ Hee-ji ผู้สมัครงานใหม่ที่เข้ามาสัมภาษณ์ที่สำนักงาน ด้วยความฉลาดและคำตอบที่เฉียบคม เธอได้งานทันที แต่เมื่อเธอเห็นชื่อและรูปของ Ju-hyeong ในแชทกลุ่ม เธอชะงักและยิ้มอย่างรู้ความลับอะไรบางอย่าง มันชัดเจนว่าเธอเคยเจอเขามาก่อน และฉากจบของตอนที่ทั้งคู่สบตากันในงานเลี้ยงยิ่งทำให้รู้สึกถึงความตึงเครียดที่กำลังจะระเบิด คุณเคยเจอใครที่ทำให้อดีตของคุณผุดขึ้นมาในหัวไหม? นั่นคือสิ่งที่ Law and the City กำลังจะพาเราไปสำรวจในตอนต่อไป

การปรากฏตัวของ Hee-ji ไม่ใช่แค่การเพิ่มตัวละครใหม่ แต่เป็นการโยนปมใหญ่เข้าไปในเรื่องราวของ Ju-hyeong ที่ดูเหมือนจะควบคุมทุกอย่างได้ ความสัมพันธ์ในอดีตของทั้งคู่จะเป็นยังไง? และมันจะส่งผลต่อชีวิตที่เป็นระเบียบของเขายังไง? ซีรีส์วางหมากได้อย่างชาญฉลาด ทำให้คุณอยากดูต่อทันที

Law and the City (2025) คือซีรีส์ที่ผสมผสานความสมจริงของวงการกฎหมายเข้ากับเรื่องราวของมนุษย์ได้อย่างลงตัว Lee Jong-suk สร้าง Ahn Ju-hyeong ให้เป็นตัวละครที่น่าติดตาม ด้วยความเย็นชาแต่มีชั้นเชิง และการเล่าเรื่องที่ค่อย ๆ เผยปมในใจของเขา ทำให้คุณอยากรู้ว่าเขาจะเปลี่ยนไปหรือไม่ การมาของ Hee-ji และปมความสัมพันธ์ในอดีตยิ่งทำให้เรื่องน่าตื่นเต้น ส่วนทีมงานในสำนักงานและแชทกลุ่มอาหารกลางวันก็เพิ่มความอบอุ่นและอารมณ์ขันที่ทำให้ซีรีส์ไม่หนักจนเกินไป

ถ้าคุณรักซีรีส์ที่ทั้งฉลาดและมีอารมณ์ หรืออยากเห็น Lee Jong-suk ในบทที่แตกต่าง Law and the City คือสิ่งที่คุณไม่ควรพลาด! ไปดูแล้วมาคุยกันในคอมเมนต์นะ ว่าคุณคิดยังไงกับตอนแรก และคาดเดาว่าปมระหว่าง Ju-hyeong กับ Hee-ji จะพาเราไปทางไหน อย่าลืมแชร์โพสต์นี้ให้เพื่อน ๆ ที่ชอบซีรีส์เกาหลีด้วยล่ะ!

• ประเภท: ดราม่า, โรแมนติก, กฎหมาย, ชีวิตประจำวัน
• วันที่ออกอากาศ: 5 กรกฎาคม 2025
• นักแสดงนำ: อีจงซอก, มุนกายอง, คังยูซอก, รยูฮเยยอง, อิมซองแจ
• ผู้กำกับ: พัคซึงอู
• จำนวนตอน/ความยาว: 12 ตอน
• เรตติ้ง MyDramaList: 7.8/10
• ช่องทางการดูในประเทศไทย: Disney+