รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] ซูเปอร์แมน | Superman (2025) ซูเปอร์แมนยุคใหม่ที่ทั้งน่าตื่นเต้นและน่าคิดถึง

  • Superman (2025) นำเสนอ Clark Kent และ Lois Lane ในมุมมองที่สดใหม่ ผสมผสานความโรแมนติกและประเด็นจริยธรรมของการเป็น ซูเปอร์ฮีโร่
  • Krypto the Superdog และตัวละครสมทบ เช่น Lex Luthor และ Jimmy Olsen เพิ่มสีสันให้กับเรื่องราว แต่บางครั้งก็รู้สึกยัดเยียด
  • ภาพยนตร์สะท้อนประเด็นร่วมสมัย เช่น การเมืองและเสรีภาพ ผ่านฉากที่ทรงพลังและน่าจดจำ
  • การกำกับของ James Gunn ทำให้ Superman เป็นภาพยนตร์ที่ทั้งสนุกและมีหัวใจ แต่ยังขาดความสมบูรณ์แบบในบางจุด

เคยสงสัยไหมว่า ซูเปอร์แมน ในปี 2025 จะเป็นอย่างไร? ในยุคที่ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เต็มไปด้วย CGI อลังการและเรื่องราวที่ซับซ้อน Superman (2025) ภายใต้การกำกับของ James Gunn กลับมาพร้อมความสดใหม่ แต่ยังคงกลิ่นอายของความเป็น ซูเปอร์แมน ที่เราคุ้นเคย ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแค่พาเราไปพบกับ Clark Kent และ Lois Lane ในมุมมองใหม่ แต่ยังหยิบยกประเด็นที่ทันสมัย เช่น การเมืองและจริยธรรมของการเป็น ซูเปอร์ฮีโร่ มาสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ชม

ในฐานะคนที่เติบโตมากับ Superman ตั้งแต่ยุค Christopher Reeve มาจนถึง Henry Cavill ต้องบอกว่างานชิ้นนี้ของ Gunn มีทั้งจุดที่ทำให้ใจเต้นและช่วงที่ทำให้รู้สึกว่า “นี่มันเหมือนกินแฮมเบอร์เกอร์ที่อร่อยแต่ขาดอะไรบางอย่างไป” มาดูกันว่า Superman (2025) มีอะไรที่ทำให้เราต้องพูดถึง และทำไมมันถึงเป็นมากกว่าแค่ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่อีกเรื่อง

Superman (ซูเปอร์แมน)

รีวิวและเรื่องย่อ Superman (ซูเปอร์แมน)

หนึ่งในช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดใน Superman (2025) คือฉากที่ Lois Lane (รับบทโดย Rachel Brosnahan) กลับบ้านมาเจอ Clark Kent (รับบทโดย David Corenswet) กำลังทำ “อาหารเช้าเป็นมื้อเย็น” เพื่อฉลองครบรอบสามเดือนของทั้งคู่ ฉากนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความเป็นมนุษย์ที่หาได้ยากในหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั่วไป การสนทนาที่ทั้งสองแลกเปลี่ยนกันนั้นเต็มไปด้วยความน่ารักแบบงุ่มง่าม แต่ก็แฝงไปด้วยความจริงใจที่ทำให้เราเอาใจช่วยทั้งคู่ทันที

ไม่เพียงแค่ความหวาน James Gunn ยังฉลาดในการใส่ความขบขันแบบ screwball comedy เข้าไปในบทสนทนา โดยเฉพาะเมื่อ Lois สัมภาษณ์ Superman ในฐานะนักข่าวของ Daily Planet เธอยิงคำถามที่หนักแน่นเกี่ยวกับจริยธรรมของการที่ Superman ตัดสินใจยุติสงครามในต่างแดนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ ฉากนี้ไม่เพียงแค่แสดงถึงเคมีที่เข้ากันของทั้งสองตัวละคร แต่ยังสะท้อนถึงความซับซ้อนของการเป็น ซูเปอร์ฮีโร่ ในยุคสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยคำถามเกี่ยวกับอำนาจและความรับผิดชอบ

Superman (2025) ไม่เสียเวลาไปกับการเล่าที่มาที่ไปของ Clark Kent ที่เราทุกคนรู้จักดีอยู่แล้ว James Gunn เลือกที่จะพาเราเข้าสู่โลกที่ Superman เป็น ซูเปอร์ฮีโร่ ที่ทรงพลังและเป็นที่รักมากที่สุดในโลก แต่ความนิยมของเขากำลังสั่นคลอนเมื่อเขาตัดสินใจเข้าไปยุติสงครามโดยไม่ได้รับอนุญาต การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้เกิดคำถามถึงจริยธรรมและความชอบธรรมของการกระทำของเขา ซึ่งเป็นประเด็นที่ทันสมัยและสะท้อนถึงความเป็นจริงในโลกปัจจุบัน

นอกจากนี้ ภาพยนตร์ยังเน้นย้ำถึงรากเหง้าของ Superman ในฐานะ ผู้อพยพ ที่พยายามหาที่ของตัวเองในสังคมอเมริกัน ซึ่งเป็นหัวใจของตัวละครนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม Gunn นำเสนอเรื่องราวนี้ด้วยความละเอียดอ่อนผ่านความสัมพันธ์ของ Clark กับ Ma และ Pa Kent (รับบทโดย Pruitt Taylor Vince และ Neva Howell) ที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความเป็นมนุษย์ ฉากที่ Clark กลับไปเยี่ยมพ่อแม่บุญธรรมของเขานั้นให้ความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านจริงๆ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างจาก Man of Steel ที่เน้นความยิ่งใหญ่และความเป็นมหากาพย์มากเกินไป

Nicholas Hoult มอบการแสดงที่ยอดเยี่ยมในบท Lex Luthor ที่ผสมผสานความเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงสไตล์ Elon Musk เข้ากับความเจ้าเล่ห์แบบคลาสสิกของตัวร้ายใน Superman การปรากฏตัวของเขาที่ LuthorCorp พร้อมกับแฟนสาวสุดเปิ่น Eve Teschmacher (รับบทโดย Sara Sampaio) ที่คอยถ่ายเซลฟี่ในพื้นหลังนั้นทั้งตลกและเพิ่มมิติให้กับตัวละคร อย่างไรก็ตาม การที่ภาพยนตร์ให้เวลา Lex Luthor และตัวละครสมทบอื่นๆ เช่น Jimmy Olsen (รับบทโดย Skyler Gisondo) และ Perry White (รับบทโดย Wendell Pierce) น้อยเกินไป ทำให้รู้สึกว่าเรื่องราวของพวกเขายังไม่สมบูรณ์

นอกจากนี้ ภาพยนตร์ยังแนะนำตัวละครใหม่จาก DC Universe เช่น Mister Terrific (รับบทโดย Edi Gathegi), Green Lantern (รับบทโดย Nathan Fillion) และ Hawkgirl (รับบทโดย Isabela Merced) ซึ่งเพิ่มความหลากหลายและความสนุกให้กับเรื่องราว แต่การที่มีตัวละครมากเกินไปในเวลาเพียงสองชั่วโมงทำให้บางช่วงรู้สึกเหมือนถูกยัดเยียดเกินไป การหยอกล้อและการแซวกันของตัวละครเหล่านี้ถึงจะสนุก แต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเคยเห็นมาแล้วในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ

หนึ่งในเซอร์ไพรส์ที่น่ารักที่สุดของ Superman (2025) คือการปรากฏตัวของ Krypto the Superdog สุนัขสุดแสบที่มาช่วย Superman ในยามคับขัน Krypto ไม่ใช่สุนัขที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีใน Fortress of Solitude แต่กลับเต็มไปด้วยความซุกซนที่ทำให้ผู้ชมอดยิ้มไม่ได้ ฉากที่ Superman ได้รับการช่วยเหลือจาก Krypto หลังจากพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิตนั้นทั้งตื่นเต้นและอบอุ่นใจในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม การที่ภาพยนตร์เลือกที่จะใส่ Krypto เข้ามาก็อาจทำให้บางคนรู้สึกว่ามันลดความจริงจังของเรื่องราวลงไปบ้าง แต่สำหรับแฟนๆ ที่ชื่นชอบความสนุกสนานและความเป็น Superman ในแบบที่ไม่ต้องเคร่งเครียดจนเกินไป Krypto คือส่วนผสมที่ลงตัวที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง

Superman (2025)

Superman (2025) ไม่ได้เป็นเพียงภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่เต็มไปด้วยฉากต่อสู้และ CGI เท่านั้น แต่ยังพยายามสะท้อนประเด็นในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น การถูกควบคุมตัวโดยหน่วยงานลับและการกดขี่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ฉากที่ Superman ถูกจับและถูกทำร้ายโดยหน่วยงานลับนั้นชวนให้คิดถึงประเด็นการเมืองในยุคปัจจุบันที่รัฐบาลอาจใช้อำนาจในทางที่ผิด

นอกจากนี้ การที่ Superman คิดถึงความเป็นไปได้ในการจับสัตว์ประหลาดตัวยักษ์โดยไม่ต้องฆ่ามัน หรือการที่เขาเสียเวลาช่วยกระรอกตัวเล็กๆ ท่ามกลางการต่อสู้นั้น แสดงให้เห็นถึงความเป็น ซูเปอร์ฮีโร่ ที่ไม่เพียงแค่แข็งแกร่ง แต่ยังมีหัวใจที่มุ่งมั่นทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ Superman ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความหวังในโลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง

Superman (2025) เป็นภาพยนตร์ที่ทั้งสนุกและน่าคิดถึง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สมบูรณ์แบบในทุกด้าน แต่การกำกับของ James Gunn และการแสดงของ David Corenswet และ Rachel Brosnahan ทำให้มันเป็นมากกว่าแค่ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่อีกเรื่อง ฉากที่เต็มไปด้วยความเป็นมนุษย์ ความน่ารักของ Krypto และประเด็นที่ทันสมัยทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีอะไรให้พูดถึงมากมาย อย่างไรก็ตาม การที่มีตัวละครมากเกินไปและฉากต่อสู้ที่บางครั้งรู้สึกซ้ำซากอาจทำให้บางคนรู้สึกว่ามันเหมือนอาหารจานด่วนที่อร่อยแต่ไม่ถึงกับอิ่มท้อง

ถ้าคุณเป็นแฟน Superman หรือชื่นชอบภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ผสมผสานความสนุกและประเด็นที่ลึกซึ้ง เรื่องนี้คุ้มค่าที่จะดูอย่างแน่นอน ไปดูแล้วมาคุยกันในคอมเมนต์ว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับ Superman ในยุคใหม่นี้! และอย่าลืมแชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ ที่รัก DC Universe ด้วยนะ!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: ซูเปอร์แมน
  • ประเภท: แอ็คชั่น, ผจญภัย, ไซไฟ, ดราม่า
  • วันที่ออกอากาศ: 10 กรกฎาคม 2025
  • นักแสดงนำ: เดวิด คอเรนสเว็ต, ราเชล บรอสแนน, นิโคลัส โฮลต์
  • ผู้กำกับ: เจมส์ กันน์
  • จำนวนตอน/ความยาว: 2 ชั่วโมง 9 นาที
  • เรตติ้ง Rotten Tomatoes: 86%
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: โรงภาพยนตร์

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button