รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] เงือกน้อยผจญภัย | The Little Mermaid (2023)

  • The Little Mermaid เวอร์ชันใหม่เล่าเรื่องนางเงือกเอเรียลที่อยากสำรวจโลกมนุษย์ แลกเสียงกับขาเพื่อตามหาความรักแท้
  • หนังเพิ่มความลึกให้ตัวละคร โดยเฉพาะเอเรียลและเจ้าชายเอริค ทำให้ความสัมพันธ์ดูสมจริงและน่าติดตามมากขึ้น
  • การแสดงของฮัลลี เบลีย์โดดเด่น สดใสและมีพลัง พร้อมเพลงคลาสสิกที่ยังคงเสน่ห์ แต่เอฟเฟกต์ใต้น้ำยังดูไม่สมจริงเท่าที่ควร
  • หนังสอนเรื่องความกล้าหาญ การค้นหาตัวตน และการต่อสู้เพื่อความฝัน แม้จะเผชิญอุปสรรคจากพ่อแม่และเวทมนตร์

ลองนึกภาพว่าเราเคยดูหนังอนิเมชันคลาสสิกเรื่องนางเงือกน้อย แล้วสงสัยว่าถ้าเอามาทำเป็นเวอร์ชันคนแสดงจริงๆ จะออกมายังไง? หนัง The Little Mermaid (2023) จากดิสนีย์คือคำตอบที่สดใสและเต็มไปด้วยเวทมนตร์ หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่รีเมคแบบเดิมๆ แต่เพิ่มความลึกซึ้งให้ตัวละคร โดยเฉพาะ นางเงือกเอเรียล ที่อยากหนีจากโลกใต้น้ำไปผจญภัยบนบกเพื่อหาความรักแท้ ผลงานของผู้กำกับ ร็อบ มาร์แชล ได้รับคำชมว่าสามารถรักษาเสน่ห์จากเวอร์ชันปี 1989 ขณะเดียวกันก็ปรับให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในหนังรีเมคที่ประสบความสำเร็จในปี 2023

หนังพาเราไปสำรวจชีวิตของเอเรียล สาวน้อยผู้อยากรู้อยากเห็นแต่ถูกพ่อกษัตริย์ไทรทันห้ามไม่ให้ขึ้นไปบนผิวน้ำ เพราะกลัวมนุษย์จะเป็นอันตราย แต่เธอก็กล้าท้าทายด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนปลาและนกทะเล แล้วยังช่วยชีวิตเจ้าชายเอริคจากพายุทะเลอีก! คุณเคยคิดไหมว่าถ้าเราแลกเสียงพูดเพื่อโอกาสใหม่ มันจะคุ้มค่าหรือเปล่า? The Little Mermaid จะทำให้เราต้องตั้งคำถามนี้ผ่านเรื่องราวที่ทั้งสนุกและซึ้งใจ

ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึก The Little Mermaid (2023) ตั้งแต่โครงเรื่องที่ขยายใหญ่ขึ้น สไตล์การแสดงที่โดดเด่น ไปจนถึงจุดเด่นและจุดด้อยของเอฟเฟกต์พิเศษ และเหตุผลที่ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังครอบครัวที่ควรดูในปีนี้ พร้อมแล้ว มาดำดิ่งสู่โลกใต้ทะเลกันเลย!

The Little Mermaid (เงือกน้อยผจญภัย)

รีวิวและเรื่องย่อ The Little Mermaid (เงือกน้อยผจญภัย)

The Little Mermaid เล่าเรื่องของ เอเรียล นางเงือกสาวน้อยลูกคนเล็กของกษัตริย์ไทรทัน เธอใฝ่ฝันอยากขึ้นไปสำรวจโลกมนุษย์และเรียนรู้สิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ แต่พ่อของเธอห้ามปรามเพราะเชื่อว่ามนุษย์คือศัตรูที่อันตราย เอเรียลไม่ยอมแพ้ เธอได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทอย่างปลาฟลาวเดอร์และนกทะเลสกัตเติล แล้วยังได้ช่วยชีวิต เจ้าชายเอริค จากเรืออับปางในพายุ หลงรักเขาเข้าเต็มเปา เธอจึงตัดสินใจทำสัญญากับแม่มดทะเลอุรซูล่า แลกเสียงเพราะๆ ของตัวเองกับขาคู่หนึ่งเพื่อขึ้นไปบนบก ถ้าไม่ได้จูบรักแท้ภายในสามวัน เธอจะตกเป็นทาสของอุรซูล่าตลอดกาล

สิ่งที่ทำให้เรื่องราวน่าประทับใจคือการเพิ่มมิติให้ตัวละคร เอเรียลไม่ได้เป็นแค่วัยรุ่นดื้อรั้น แต่เธอมีความกล้าหาญและใจกว้าง เธอใช้เวลากับเอริคมากขึ้น ทำให้ความสัมพันธ์ดูสมจริง ไม่ใช่แค่รักแรกพบแบบผิวเผิน หนังยังมีฉากฉลาดๆ อย่างเอเรียลอธิบายเรื่องใต้ทะเลให้เอริคฟังแบบไม่มีเสียง หรือการเปลี่ยนรองเท้าส้นสูงที่อึดอัดเป็นรองเท้าแตะสบายๆ มันเหมือนการบอกว่าเอเรียลไม่ได้ยอมเสียทุกอย่างเพื่อผู้ชาย แต่เธอกำลังค้นหาตัวตนและอิสรภาพของตัวเอง

เวอร์ชันนี้ยังให้เอเรียลร้องเพลงในใจได้ แม้จะพูดไม่ได้ ทำให้เธอไม่เงียบสนิทตลอดเรื่อง และวิธีที่เอริคเดาชื่อเธอได้ก็สร้างเสียงหัวเราะที่สนุกสนาน หนังขยายเรื่องจากต้นฉบับที่ยาวแค่ชั่วโมงครึ่งให้กลายเป็นเกือบสองชั่วโมง แต่จังหวะการเล่ายังคงไหลลื่น ไม่น่าเบื่อ เหมือนเราได้ดำดิ่งลงไปในมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยสีสันและการผจญภัย

The Little Mermaid (เงือกน้อยผจญภัย)

ฮัลลี เบลีย์ ส่องประกายในบทเอเรียล เธอเต็มเปี่ยมด้วยพลังงาน ความสดใส และเสน่ห์ที่ทำให้เราหลงรัก เธอผสมผสานความน่ารักแบบเด็กสาวกับความเข้มแข็งแบบผู้ใหญ่ได้อย่างลงตัว การร้องเพลง “Part of Your World” ของเธอชวนน้ำตาซึม แม้เราจะเคยฟังเพลงนี้มาหลายครั้ง เบลีย์นำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับบทเพลงและบทสนทนาที่แฟนๆ คุ้นเคย ทำให้บทบาทนี้ดูสดใหม่และน่าจดจำ เธอรับมือกับความท้าทายทั้งร่างกายและอารมณ์ได้ดีเยี่ยม สมควรเป็นดาวเด่นคนใหม่ของวงการ

นอกจากเอเรียลแล้ว หนังยังพัฒนาตัวละครอื่นๆ ให้ลึกซึ้ง เช่น เจ้าชายเอริคที่ไม่ได้เป็นแค่หนุ่มหล่อธรรมดา แต่มีเพลง “I Want” ของตัวเอง แสดงถึงความปรารถนาที่จะหนีจากความคาดหวังของพ่อแม่และค้นหาตัวตน โจนาห์ เฮาเออร์-คิง ถ่ายทอดบทนี้ได้ดี ทำให้ความสัมพันธ์กับเอเรียลดูมีเหตุผลมากขึ้น ตัวละครรองก็เด่นไม่แพ้กัน เช่น เดวีด ดิกส์ ในบทปูเซบาสเตียนที่ตลกและมีจังหวะดี ฮาเวียร์ บาร์เด็ม เป็นกษัตริย์ไทรทันที่ทั้งเข้มแข็งและอ่อนโยน และ เมลิสซา แม็กคาร์ธี ในบทอุรซูล่าที่ดุร้ายและมีเอกลักษณ์

อควาฟีนา รับบทนกสกัตเติลแบบทะเล้นๆ สไตล์เธอเอง ทำให้ตัวละครนี้สนุกและมีสีสัน การแสดงของทุกคนช่วยยกระดับหนังให้เหนือกว่ารีเมคเรื่องอื่นๆ ของดิสนีย์ มันเหมือนการรวมทีมนักแสดงที่เข้ากันได้ดี เหมือนวงดนตรีที่เล่นเพลงคลาสสิกให้ออกมาใหม่เอี่ยม

The Little Mermaid (เงือกน้อยผจญภัย)

เพลงคลาสสิกจาก ฮาวเวิร์ด แอชมาน และ อลัน เมนเคน ยังคงเป็นหัวใจของหนัง โดยเฉพาะ “Under the Sea” ที่สนุกติดหูและคว้าออสการ์มาแล้ว การแสดงเพลงในเวอร์ชันนี้เต็มไปด้วยสีสันสดใสและการเต้นรำของเหล่าสัตว์ทะเลที่ชวนเพลิดเพลิน แต่จุดอ่อนคือเอฟเฟกต์ใต้น้ำที่ดูแบนและไม่สมจริง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของผมยาวที่พลิ้วไหว มันทำให้รู้สึกห่างเหินจากโลกใต้ทะเล เหมือนดูภาพคอมพิวเตอร์มากกว่ามหาสมุทรจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับร็อบ มาร์แชล ที่เคยทำหนังมิวสิคัลอย่าง “Chicago” รู้จักสร้างฉากที่ตระการตา ฉากบนเกาะแคริบเบียนดูสวยงามและน่าหลงใหล เหมือนพาเราไปพักผ่อนในสถานที่ในฝัน แม้เอฟเฟกต์จะไม่เพอร์เฟกต์ แต่เพลงและการเล่าเรื่องยังคงดึงดูดใจ ทำให้หนังไหลลื่นและน่าติดตาม

หนังยังมีสัมผัสฉลาดๆ อย่างการให้เอเรียลสื่อสารแบบไม่มีเสียงแต่ยังร้องเพลงในใจได้ มันช่วยให้เรื่องไม่เงียบเหงา และเพิ่มอารมณ์ขันในหลายฉาก เหมือนหนังกำลังบอกเราว่าเวทมนตร์แท้จริงอยู่ที่ความกล้าหาญและการเชื่อมต่อระหว่างตัวละคร

The Little Mermaid (เงือกน้อยผจญภัย)

หนึ่งในธีมหลักของ The Little Mermaid คือ การค้นหาอิสรภาพ และการต่อสู้กับความคาดหวังจากพ่อแม่ เอเรียลและเอริคต่างพยายามหนีจากกรอบที่ถูกกำหนด เพื่อยืนยันตัวตนของตัวเอง หนังขยายเรื่องนี้ให้เห็นชัดเจน ทำให้เรารู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละคร คุณเคยรู้สึกถูกกดดันจากครอบครัวไหม? หนังเรื่องนี้จะทำให้เรานึกถึงช่วงเวลานั้น และเห็นว่าการกล้าตัดสินใจอาจนำไปสู่ความสุขที่แท้จริง

การเล่าเรื่องไม่จมลงในดราม่าที่เกินจริง แต่ค่อยๆ สร้างความผูกพันผ่านฉากเล็กๆ ที่มีความหมาย การหักมุมในตอนท้ายชวนลุ้นว่าสัญญากับอุรซูล่าจะจบลงยังไง และเอเรียลจะได้เสียงคืนหรือไม่ มันเหมือนอุโมงค์มืดที่นำไปสู่แสงสว่าง สร้างความรู้สึกหวังและโล่งใจ

หนังจบแบบน่าประทับใจ โดยเน้นว่าความรักแท้ไม่ได้มาจากเวทมนตร์ แต่มาจากการเข้าใจและยอมรับกัน การพัฒนาตัวละครของเอเรียลแสดงให้เห็นว่าเธอเติบโตขึ้น แม้จะเผชิญความเสี่ยง มันทิ้งคำถามให้เราคิดต่อ: ถ้าเราได้โอกาสเปลี่ยนแปลงชีวิต เราจะทำยังไง?

The Little Mermaid (2023) ไม่ใช่แค่หนังรีเมคธรรมดา แต่เป็นเรื่องราวที่พูดถึง ความกล้าหาญในการค้นหาตัวตน ความรักที่สมจริง และเวทมนตร์ในชีวิตประจำวัน ผ่านตัวละครอย่างเอเรียลที่ต้องแลกทุกอย่างเพื่อความฝัน หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดความรู้สึกที่ลึกซึ้งโดยไม่ต้องพึ่งดราม่าหนักหน่วง สไตล์การแสดงที่สดใสของฮัลลี เบลีย์และเพลงคลาสสิกที่ยังคงเสน่ห์ ทำให้ทุกฉากรู้สึกมหัศจรรย์และใกล้ชิด

ถ้าเรากำลังหาหนังที่ทั้งสนุกสำหรับเด็กและมีสาระสำหรับผู้ใหญ่ The Little Mermaid คือตัวเลือกที่เพอร์เฟกต์ เราอาจจะหัวเราะ ร้องไห้ และรู้สึกมีหวังเมื่อเรื่องจบ ลองหาเวลาดูหนังเรื่องนี้ แล้วมาคุยกันในคอมเมนต์ว่าเรารู้สึกยังไง! แชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบ หนังดิสนีย์ และอยากสัมผัสเรื่องราวที่อบอุ่น รับรองว่าจะกลายเป็นหนังโปรดเรื่องใหม่แน่นอน

อย่าลืมว่าในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย การกล้าฝันและตามหาอิสรภาพเหมือนเอเรียลอาจเป็นกุญแจสู่ความสุข ลองนำบทเรียนจากหนังไปใช้ในชีวิตจริงดูสิ แล้วเราจะพบว่าทะเลแห่งโอกาสยังรอเราอยู่เสมอ!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: เงือกน้อยผจญภัย
  • ประเภท: แฟนตาซี, มิวสิคัล, ผจญภัย
  • วันที่ออกฉาย: 26 พฤษภาคม 2023
  • นักแสดงนำ: ฮัลลี เบลีย์, โจนาห์ เฮาเออร์-คิง, เมลิสซา แม็กคาร์ธี, ฮาเวียร์ บาร์เด็ม
  • ผู้กำกับ: ร็อบ มาร์แชล
  • จำนวนตอน/ความยาว: 2 ชั่วโมง 15 นาที
  • เรตติ้ง IMDb: 7.2/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Disney+

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button