![[รีวิว-เรื่องย่อ] Smoke (2025) บน Apple TV+ เมื่อนักสืบเผชิญปีศาจในคราบฮีโร่?](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/06/Review-Smoke-2025.webp)
Key Points
- การแสดงของ ทารอน อีเกอร์ตัน คือจุดเด่นสุด! เขาสร้างความ “อึดอัดขวัญผวา” ให้ผู้ชมผ่านบท “เดฟ” ที่ซ่อนความบ้าคลั่ง โดยเฉพาะใน 2 ตอนจบที่เขาปลดล็อกด้านมืดสุดขั้ว
- จังหวะเรื่องเริ่มช้า และตอนจบเพิ่มปมไม่จำเป็น ตอนต้นถึงกลางเน้นแบ็คสตอรี่ตัวละครรองมากเกินไป ส่วนตอนจบซับซ้อนแต่ไม่ตอบคำถามสำคัญ
- ควรดูถ้าชอบ Psychological Thriller! แม้มีข้อเสีย แต่ Smoke ก็ให้ “มุมมองสะท้านใจ” ผ่านการเล่าเรื่องแบบ “ผู้ล่า=ผู้ร้าย” และการแสดงที่ทรงพลัง
ถ้าคุณเคยสงสัยว่า “คนใกล้ตัวที่สุดอาจเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด” ซีรีส์ Smoke (2025) จาก Apple TV+ จะยืนยันความน่าสะพรึงนี้! เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ นักสืบหนุ่มไฟแรง “มิเชล” (จอร์นีย์ สโมเล็ตต์) ต้องร่วมมือกับ “เดฟ” (ทารอน อีเกอร์ตัน) ผู้เชี่ยวชาญคดีเพลิงเพื่อตามล่าคนวางเพลิงปริศนาในป่าตะวันตกเฉียงเหนือของอเมริกา แต่ความน่ากลัวกลับไม่ใช่แค่ฆาตกร… “ความบ้าคลั่งของฮีโร่” อาจเป็นฝันร้ายที่แท้จริง! ซีรีส์ดราม่าเข้มข้น 9 ตอนนี้ ดัดแปลงจากพอดแคสต์ดัง Firebug โดย Truth Podcasting Corp และเปิดตัวด้วยเพลง “Dialing In” โดย Thom Yorke ที่ซ่อนนัยยะลึกลับ

รีวิวและเรื่องย่อ Smoke
Smoke สร้าง “โลกสองหน้า” ผ่านตัวละคร เดฟ กุดเซน ที่ ทารอน อีเกอร์ตัน รับบทได้น่าขนลุก! ตอนแรกเขาคือ ผู้เชี่ยวชาญคดีเพลิง เยือกเย็นแต่เก่งกาจ แต่เมื่อ มิเชล ค่อยๆ เผย “รอยร้าวในอดีต” ของเขา ภาพลักษณ์ ฮีโร่ ก็พังทลาย! ซีรีส์ใช้เวลา 60 นาทีต่อตอนเล่า “เกมไล่ล่า” ที่ทั้งคู่พยายามต่อจิ๊กซอว์คดีวางเพลิงต่อเนื่อง แต่แทนที่จะจบง่ายๆ… พล็อตกลับตีลังกา เมื่อ มิเชล ค้นพบว่า “คนล่าอาชญากรอาจคืออาชญากรตัวจริง!”
จุดเด่นคือ “การย้อนมุมมอง” ที่ให้ผู้ชมเห็นผ่านสายตา “คนบ้า” ทั้งสองฝ่าย: ฆาตกรที่จุดไฟด้วย “นมกล่อง” และ “นักสืบปีศาจ” ที่แฝงตัวมากับรอยยิ้ม! โดยเฉพาะ 2 ตอนจบ ที่ ทารอน อีเกอร์ตัน ปลดล็อก “ด้านมืดสุดขั้ว” แววตาบ้าคลั่งของเขาทำให้คุณต้องกดพักซีรีส์เพื่อหายใจ!
แม้ Apple TV+ จะลงทุนกับ “ความละเมียดละไม” แต่ Smoke กลับ “จุดไฟช้าเกินไป”! ตอนต้นถึงกลางใช้เวลานานกับการเล่า แบ็คสตอรี่ ของตัวละครรองที่ไม่จำเป็นนัก ทำให้จังหวะ ดราม่า หย่อนยาน กลายเป็น “ทางตรงสู่ความเบื่อ” ยิ่งไปกว่านั้น ตอนจบ พยายาม “เพิ่มชั้นความลับ” เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีตของ เดฟ แต่กลับทำให้เรื่องซับซ้อนโดยไม่ตอบคำถามสำคัญ เช่น “ทำไมเขาถึงคลั่ง?” หรือ “ใครคือผู้สมรู้ร่วมคิด?”
แม้ จอร์นีย์ สโมเล็ตต์ จะแสดงได้ดีในบท “มิเชล” แต่ตัวละครของเธอกลับถูกเขียนให้ “คลุมเครือ” เกินไป! หลายคำถามเกี่ยวกับแรงจูงใจหรืออดีตของเธอไม่เคยถูกเฉลย ส่วนนักแสดงสมทบอื่นๆ เช่น ทีมสอบสวนหรือเหยื่อ ก็ถูกใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่ เหมือน “ไฟฉายที่ส่องไม่ถึงมุมมืด” ของเรื่อง
ข้อดีที่ช่วยให้ Smoke ไม่มอดเป็นขี้เถ้าคือ “ฝีมือการแสดงขั้นเทพ”! ทารอน อีเกอร์ตัน พิสูจน์อีกครั้งว่าเขาไม่ใช่แค่ พระเอกสไตล์อังกฤษ หนุ่มหล่อเท่านั้นเขาคือ “นักแสดงที่ถ่ายทอดความบิดเบี้ยว” ได้น่าขนพองสยองเกล้า! ทุกการยิ้มของ “เดฟ” ซ่อน “ความเย็นชา” ทุกทีวีของเขาเลี่ยง “ความอาฆาต” ที่ผู้ชมสัมผัสได้แม้ผ่านจอ! ส่วน จอร์นีย์ สโมเล็ตต์ ก็รับบท “มิเชล” ได้สมบทบาทนักสืบที่ “หวาดระแวงแต่แกร่งไม่ยอมแพ้”
แม้บทจะไม่ช่วยให้ตัวละครของเธอ “จับต้องได้” แต่เธอกลับใช้ “ภาษากาย” และ “แววตา” สื่ออารมณ์ได้ล้ำลึก! ฉากเผชิญหน้ากับ เดฟ ในห้องสอบสวนตอนจบคือ “จุดสูงสุด” ที่ทั้งคู่ถ่ายทอด “เกมกลศาสตร์แห่งความกลัว” ไว้ดุเดือด!
Smoke (2025) บน Apple TV+ คือ “ประสบการณ์ระทึกขวัญ” ที่ท้าทายแนวคิด “ความดี-ความชั่ว” ผ่านการแสดงชั้นยอดของ ทารอน อีเกอร์ตัน และ จอร์นีย์ สโมเล็ตต์! แม้พล็อตบางช่วงจะ “ลากยาว” และตอนจบเพิ่ม “ความซับซ้อนที่ไม่จำเป็น” แต่หากคุณอดทนผ่าน 7 ตอนแรก… 2 ตอนสุดท้ายจะตอบแทนด้วยระเบิดอารมณ์!
- ประเภท: อาชญากรรม, ดราม่า, ระทึกขวัญ
- วันที่ออกอากาศ: 27 มิถุนายน 2025
- นักแสดงนำ: Taron Egerton, Jurnee Smollett, Greg Kinnear, John Leguizamo, Rafe Spall, Ntare Mwine, Hannah Emily Anderson
- ผู้กำกับ / ผู้สร้าง: Dennis Lehane (ผู้สร้าง), Kari Skogland, Joe Chappelle, Jim McKay (ผู้กำกับ)
- จำนวนตอน/ความยาว: มินิซีรีส์ 9 ตอน
- เรตติ้ง IMDb: 8.8/10
- ช่องทางการดู: Apple TV+