[รีวิว-เรื่องย่อ] Sanda (2025) อนิเมะซานต้าบ้าบอ

• Sanda คืออนิเมะที่สร้างจากมังงะของ Itadaki Paru ผู้เขียน Beastars ความบ้าบอสุดมันส์แบบไม่ต้องคิดอะไรให้หนักใจ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ในบรรยากาศคริสต์มาสและพลังของซานต้า
• ตัวเอกคาซูชิเกะ Sanda เป็นลูกหลานซานต้าที่มีพลังช่วยเหลือเด็กๆ ที่เชื่อในคริสต์มาสจริงๆ แต่ถูกเพื่อนสาวฟุยูมูระลากไปผจญภัยแบบไม่เต็มใจ
• อนิเมะสำรวจความรักวัยรุ่น ความบ้าๆ ของมนุษย์ และการเปลี่ยนแปลงตัวเองผ่านฉากแปลงร่างซานต้าที่ฮาแตก
• สไตล์แอนิเมชันของ Science Saru สุดล้ำ ผสมความโกงโกโค้กับดราม่าลึกซึ้ง ทำให้ดูเพลินแบบไม่ต้องคิดมาก

เราเคยคิดไหมว่าถ้าเป็นลูกหลานซานตาคลอสตัวจริงในโลกสมัยใหม่ มันจะวุ่นวายขนาดไหน? ลองนึกภาพเด็กหนุ่มธรรมดาที่มีพลังมหัศจรรย์ซ่อนอยู่ แต่กลับโดนเพื่อนสาวสุดเพี้ยนลากไปใช้พลังแบบไม่ยั้ง โดยเฉพาะตอนคริสต์มาสที่ทุกอย่างต้องเกี่ยวกับการช่วยเหลือเด็กๆ ที่เชื่อในความหมายแท้จริงของเทศกาลนี้อ่ะ อนิเมะ Sanda (2025) จากสตูดิโอ Science Saru พาเราไปเจอเรื่องแบบนั้นเลย ด้วยความบ้าบอที่ผสมผสานเสียงเพลงคริสต์มาส ฉากแปลงร่างซานต้า และ บทพากย์ในใจที่ฮาแบบสุด ๆ คล้าย Beastars แต่เป็นเวอร์ชันที่เบาสมองกว่ามาก

เรื่องราวโฟกัสที่ คาซูชิเกะ Sanda เด็กหนุ่มผู้สืบเชื้อสายซานตาคลอสโดยตรง เขามีพลังพิเศษที่ใช้ได้เฉพาะตอนช่วยเด็กที่ศรัทธาคริสต์มาสจริงๆ แต่ชีวิตวัยรุ่นของเขากลับต้องมาเจอ ฟุยูมูระ เพื่อนร่วมชั้นที่ทั้งบ้าและคลั่งรักเขา เธอไม่สนใจว่า Sanda จะเต็มใจหรือเปล่า แค่เห็นพลังซานต้าก็อยากลากไปใช้ซะแล้ว ผลคือเกิดเรื่องวุ่นวายฮาแตก ตั้งแต่การแปลงร่างที่ดูเท่แต่ตลก ไปจนถึงการต่อสู้กับความรู้สึกส่วนตัวที่โหนกเหนกแบบวัยรุ่น

ในรีวิวนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของ Sanda ตั้งแต่ตัวละครที่ชวนขำ ไปจนถึงสไตล์เล่าเรื่องที่ทำให้หัวโล่งใจเต็ม มาดูกันว่าอนิเมะเรื่องนี้จะพาเราไปหัวเราะและซึ้งกับโลกซานต้าสมัยใหม่ได้ยังไง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องดราม่าเครียดๆ แบบใน Beastars ของผู้แต่งคนเดิม

Sanda เล่าเรื่องชีวิตวัยรุ่นของคาซูชิเกะ Sanda ที่เก็บความลับเรื่องเชื้อสายซานตาคลอสไว้เงียบๆ แต่แล้วฟุยูมูระ เพื่อนสาวที่ดูเหมือนจะมีปัญหาสุขภาพจิตนิดๆ ก็ดันรู้เรื่องนี้ซะงั้น เธอไม่ใช่แค่คลั่งรักSanda แต่ยังอยากใช้พลังของเขาแบบสุดโต่ง ไม่ว่าจะช่วยเด็กๆ ที่เชื่อในคริสต์มาสจริงๆ หรืออะไรที่บ้าบอไปกว่านั้น เรื่องราวเต็มไปด้วยฉากแปลงร่างซานต้าที่ฮาแตก เสียงเพลงคริสต์มาสดังก้อง และ บันทึกเสียงภายในใจ ที่พร่ำเพ้อถึงความรัก จนทำให้เราหัวเราะไม่หยุด

สิ่งที่ทำให้เรื่องย่อของ Sanda สนุกคือการผสมความโกงโกโค้เข้ากับหัวใจอบอุ่นแบบคริสต์มาส Sanda เริ่มต้นด้วยความงงๆ ที่ต้องกลายเป็นฮีโร่โดยไม่ตั้งใจ ขณะที่ฟุยูมูระเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้ทุกอย่างระเบิดเถิดเทิง เธอสูญเสียความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปบ้างหลังจากเรื่องเศร้าในอดีต แต่แทนที่จะดราม่าเครียด อนิเมะกลับใช้มุกตลกมาช่วยให้เรื่องไหลลื่น เหมือนนั่งดูเพื่อนเมาเล่าเรื่องบ้าๆ หลังปาร์ตี้คริสต์มาสอะ

ยิ่งดูยิ่งติด เพราะแต่ละตอนมีเซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังซานต้าที่จำกัดแค่ช่วยเด็กผู้เชื่อจริงๆ หรือการสำรวจความรู้สึกวัยรุ่นที่ทั้งฮาและน่ารัก เรื่องย่อนี้ไม่ใช่แค่เรื่องซานต้า แต่เป็นการสะท้อนว่าความเชื่อในสิ่งดีๆ สามารถเปลี่ยนชีวิตได้ยังไง โดยไม่ต้องจริงจังเกินไป เหมาะสำหรับคืนคริสต์มาสที่อยากผ่อนคลาย

ตัวละครใน Sanda ยังเป็นสูตรสำเร็จแบบเบสิก แต่ตรงนั้นแหละที่ทำให้เราเอ็นจอย—เรียบง่ายแต่มีจังหวะขำ ๆ ส่วนคาซูชิเกะ Sanda คือพระเอกสายมโนหนัก (delulu) ตัวพ่อเลย ตอนแรกเต็มไปด้วยความคิดโหนกเหนกเรื่องฟุยูมูระ แต่พอแปลงร่างซานต้า ความใจกว้างต่อเด็กๆ ก็พุ่งปรี๊ด เหมือนสลับบุคลิก 180 องศาในพริบตา ทำให้เราตั้งคำถามว่าพลังนี้จะเปลี่ยนเขาได้จริงๆ หรือแค่เป็นหน้ากากชั่วคราว

ฟุยูมูระเองก็น่าจับตา เธอเป็นสาวที่ดูบ้าๆ บอๆ รุนแรงนิดๆ หลังสูญเสียคนที่รักแบบไม่ชัดเจน ไม่ว่าจะเพื่อน แฟน หรืออะไรก็ตาม แต่แทนที่จะน่าเบื่อ อนิเมะกลับใช้ความเพี้ยนนี้มาสร้างมุกตลกและดราม่าเบาๆ เธอเป็นตัวแทนวัยรุ่นที่สับสนกับความรู้สึก ทำให้เราเห็นตัวเองในนั้นได้ง่ายๆ โดยเฉพาะฉากที่เธอลาก Sanda ไปผจญภัยแบบไม่ฟังใคร เหมือนเพื่อนในกลุ่มที่ชอบวางแผนบ้าๆ

ส่วนตัวละครหญิงอื่นๆ ยังไม่ค่อยโผล่มาเยอะ แต่จากที่เห็น พวกเธอน่าจะเพิ่มสีสันให้เรื่องได้อีกเยอะ โดยรวม ตัวละครพวกนี้ยังไม่ซับซ้อนมาก แต่เราก็สนุกกับการดูพวกเขาพัฒนาไปทีละตอน มันเหมือนดูเพื่อนวัยรุ่นไทยที่กำลังงุ่มง่ามกับชีวิตอะ ชวนให้เอาใจช่วยและหัวเราะไปด้วยกัน

สตูดิโอไซเอนซ์ซารุ ทำหน้าที่แอนิเมชันของ ซานดา ได้สุดยอดแบบที่คาดไว้ ภาพเคลื่อนไหวนุ่มนวล สีสันสดใส โดยเฉพาะฉากแปลงร่างซานต้าที่ดูเท่แต่ฮาแบบสุดเหวี่ยงเกินเบอร์ พวกเขาผสมสไตล์บ้าบอจาก บีสตาร์ส เข้ามา แต่ตัดความเครียดออกหมด เหลือแต่ความสนุกที่ทำให้หัวโล่งใจเต็ม เหมือนนั่งดูมิวสิกวิดีโอคริสต์มาสที่บ้าคลั่งแต่ติดหู

การเล่าเรื่องในอนิเมะนี้ไม่พยายามจริงจังเกินไป ต่างจาก บีสตาร์ส ที่พยายามตีหัวข้อใหญ่ๆ อย่างการดูถูกความเปิดเผยทางเพศ หรือชนชั้นวรรณะแบบหนักๆ จนดูอึดอัด ซานดา กลับยอมรับตัวเองว่าเป็นอนิเมะซานต้าฮอร์นี่ล้วนๆ มี ฉากให้บริการแฟนๆ ชายเยอะกว่าหญิงซะอีก โดยเฉพาะหัวนมชายที่หายากในอนิเมะสมัยนี้ ทำให้พ่อกล้ามอย่างเราฟินเวอร์ พวกเขาคงเลือกมังงะที่เข้ากับสไตล์ได้ดี เหมือน ดันดาดัน ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้

แต่เราก็สงสัยนิดๆ ว่าอนิเมะจะรักษาความบ้าบอนี้ได้ยาวๆ มั้ย โดยเฉพาะกับ อิตาดากิ ปารุ ที่เขียนบท มันน่าจะสดใหม่ตลอด เพราะเธอเก่งเรื่องการพลิกโผที่ไม่คาดคิด การเล่าเรื่องแบบนี้ชวนให้เรารอตอนต่อไปแบบใจจดใจจ่อ เหมือนติดซีรีส์วัยรุ่นที่ผสมจินตนาการเบาๆ

ซานดา สำรวจธีมวัยรุ่นผ่านเลนส์คริสต์มาสที่แปลกใหม่ มันถามเราว่าความเชื่อในสิ่งดีๆ อย่างเทศกาลนี้ สามารถช่วยให้เราเติบโตได้จริงๆ มั้ย โดยเฉพาะผ่านพลังซานต้าที่ใช้ได้แค่กับเด็กผู้ศรัทธาจริง เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ฮา แต่ยังแฝงข้อคิดเรื่องความใจกว้างและการยอมรับตัวเองท่ามกลางความโหนกเหนกทางอารมณ์ เหมือนชีวิตวัยรุ่นที่เราต้องแปลงร่างจากเด็กงุ่มง่ามเป็นผู้ใหญ่ใจดี

ต่างจาก บีสตาร์ส ที่หนักไปทางการวิจารณ์สังคมจนดูสับสน ซานดา กลับเบาสมองกว่า เน้นความสนุกจากการพูดในใจที่ฮอร์นี่และตลก โดยไม่ต้องกังวลว่าจะลึกซึ้งเกินไป มันสะท้อนธรรมชาติมนุษย์ที่ทั้งบ้าและน่ารัก โดยเฉพาะในโลกที่ทุกอย่างดูจริงจังเกินเหตุ อนิเมะเรื่องนี้เหมือนยาแก้เครียดสำหรับแฟนจินตนาการที่อยากหัวเราะกับเพื่อน

ยิ่งดูยิ่งเห็นว่าธีมหลักคือการค้นหาความหมายของคริสต์มาสในชีวิตจริง ไม่ใช่แค่ของขวัญ แต่เป็นการช่วยเหลือกันแบบแท้จริง ผ่านตัวละครที่ยังพัฒนาอยู่ มันชวนให้เราคิดถึงตัวเองว่าถ้ามีพลังซานต้า เราจะใช้ยังไงบ้าง

ซานดา (2025) คืออนิเมะที่ทำให้เราหัวเราะร่าและอบอุ่นใจไปพร้อมกัน โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก แม้ตัวละครจะยังเรียบง่าย แต่สไตล์แอนิเมชันและการเล่าเรื่องของ ไซเอนซ์ซารุ ทำให้ทุกตอนเพลินแบบสุดๆ มันพิสูจน์ว่าความบ้าบอแบบนี้ สามารถสื่อข้อคิดเรื่องความเชื่อและวัยรุ่นได้ดีไม่แพ้เรื่องจริงจัง ถ้าเราชอบ บีสตาร์ส แต่เบื่อดราม่า เรื่องนี้ตอบโจทย์เลยล่ะ

สำหรับวัยรุ่นหรือใครที่อยากดูอะไรสนุกๆ ในคืนคริสต์มาส ลองเปิด ซานดา ดูสิ มันจะพาไปเจอโลกที่หัวโล่งแต่ใจเต็มแน่นอน มาแชร์ในคอมเมนต์ว่าพวกเธอคิดยังไงกับพลังซานต้าในชีวิตจริง หรือฉากไหนที่ฮาแตกที่สุด แล้วอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ติดอนิเมะแนวนี้ด้วยนะ ใครดูแล้วคอมเมนต์มาเล่าให้ฟังบ้าง!

• ประเภท: คอมเมดี้, ดราม่า, แฟนตาซี
• วันที่ออกฉาย: 4 ตุลาคม 2568
• สตูดิโอ: Science Saru
• เรตติ้ง MyAnimeList: 7.45/10
• ช่องทางการดูในประเทศไทย: Prime Video