[รีวิว-เรื่องย่อ] นักฆ่ามาดขรึม

A Company Man เป็นหนังแอคชั่นที่สร้างจากแนวคิดบริษัทรับจ้างฆ่า เหมือนงานออฟฟิศทั่วไปแต่เต็มไปด้วยการหักหลัง
การแสดงของโซ จี-ซอบ ในบทนักฆ่ามาดขรึมโดดเด่น แต่ลี มี-ยอน เพิ่มหัวใจให้เรื่องด้วยเคมีที่เข้ากัน
หนังสำรวจธีมวัฒนธรรมการทำงานที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นหุ่นยนต์ และการหาทางออกจากวงจรนี้
ผู้กำกับลิม ซัง-ยุน นำเสนอเรื่องราวที่คล้าย A Bittersweet Life แต่เพิ่มมุมมองสังคมสมัยใหม่

เราเคยคิดไหมว่าถ้าชีวิตนักฆ่ากลายเป็นงานประจำในบริษัท เหมือนพนักงานออฟฟิศที่ต้องแข่งกันเลื่อนตำแหน่ง แต่แทนที่จะขายของ กลับเป็นการรับจ้างฆ่าคน? หนัง A Company Man (2012) ของผู้กำกับ ลิม ซัง-ยุน (Lim Sang-yoon) พาเราไปเจาะลึกโลกแบบนั้นผ่านตัวละครหลักอย่าง จี ฮยอง-โด แสดงโดย โซ จี-ซอบ (So Ji-sub) นักฆ่ามือโปรที่ทำงานให้บริษัทลึกลับ แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็เริ่มสงสัยในชีวิตตัวเองหลังจากช่วยเหลือคนงานชั่วคราวและได้เจอแม่ของเขา ซู-ยอน แสดงโดย ลี มี-ยอน (Lee Mi-yeon)

เรื่องราวมันเหมือนการผจญภัยในออฟฟิศนรกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและการทรยศ ฮยอง-โดที่เคยเป็นพนักงานดีเด่น เริ่มอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่การออกจากบริษัทแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เหมือนเราอยากลาออกจากงาน toxic แต่เจ้านายไม่ยอมปล่อย หนังเรื่องนี้ ได้แรงบันดาลใจจากหนังคลาสสิกอย่าง A Bittersweet Life และอาจจะเป็นต้นแบบให้หนังใหม่ๆ อย่าง Kill Boksoon (2023) เล่าเรื่องนักฆ่าในมุมมองของบริษัท

ในบทความนี้ เราจะพาไปรีวิวทุกมุมของ A Company Man ตั้งแต่เรื่องย่อ การแสดงที่เด่นๆ ไปจนถึงจุดที่หนังทำได้ดีและจุดที่ยังไม่สุด มาดูกันว่า หนังนักฆ่าเกาหลี เรื่องนี้จะทำให้เราคิดถึงชีวิตการทำงานของตัวเองยังไงบ้าง

รีวิวและเรื่องย่อ A Company Man (นักฆ่ามาดขรึม)

A Company Man เล่าเรื่องของ จี ฮยอง-โด นักฆ่ามืออาชีพที่ทำงานในบริษัทที่ไม่ธรรมดา เพราะกิจกรรมหลักคือรับจ้างฆ่าคนตามสัญญา ชีวิตเขาดูเหมือนเครื่องจักรที่ทำงานตามคำสั่ง มีลำดับชั้น เหมือนบริษัททั่วไปที่มีพนักงานทะเยอทะยานและการแข่งขันระหว่างแผนก แต่แล้ววันหนึ่ง ฮยอง-โดตัดสินใจไว้ชีวิตคนงานชั่วคราวคนหนึ่ง และช่วยส่งเงินให้แม่ของเขา ซู-ยอน การพบกันครั้งนั้นทำให้เขาเริ่มมีความรู้สึกและอยากเปลี่ยนอาชีพ แต่การออกจากวงการนี้มันไม่ง่าย เหมือนติดอยู่ในวังวนที่เต็มไปด้วยการทรยศและการแก้แค้น

หนังเรื่องนี้เขียนบทและกำกับโดย ลิม ซัง-ยุน ซึ่งอาจจะได้รับอิทธิพลจากหนังอย่าง A Bittersweet Life ด้วยการนำเสนอตัวละครหลักที่เป็นพนักงานภักดีแต่ถูกหักหลัง มีเพื่อนร่วมงานที่อิจฉา และการปฏิเสธงานฆ่าครั้งหนึ่งที่นำไปสู่การล้างแค้น แต่ A Company Man เพิ่มมุมมองวิพากษ์วัฒนธรรมการทำงานในสังคมสมัยใหม่ ที่ทำให้คนกลายเป็นหุ่นยนต์ไร้หัวใจ เรื่องราวดำเนินไปแบบตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อนมาก แต่เต็มไปด้วยความตึงเครียดที่ทำให้เราลุ้นตาม

แม้จะไม่ใช่การรีเมคตรงๆ แต่หนังยืมองค์ประกอบหลายอย่างมาจากเรื่องอื่น ทำให้รู้สึกไม่ค่อยสดใหม่ แต่จุดเด่นคือการผสมผสานแอคชั่นกับดราม่าได้ลงตัว เหมือนการเปรียบชีวิตนักฆ่าเป็นพนักงานออฟฟิศที่ต้องโอทีทุกวันโดยไม่มีวันหยุด

การแสดงของ โซ จี-ซอบ (So Ji-sub) ในบท จี ฮยอง-โด ถือว่าดีงามมาก เขาเล่นเป็นนักฆ่าที่มาดขรึม เหมือนหุ่นยนต์ที่ทำงานโดยไม่ถามเหตุผล แต่บางทีก็ดูแข็งๆ ไปหน่อย ซึ่งมันเข้ากับคอนเซ็ปต์ตัวละครที่ถูกบริษัทหล่อหลอมให้ไร้ความรู้สึก เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขาจากคนเย็นชาไปสู่คนที่มีหัวใจ โดยเฉพาะฉากที่เขาเริ่มเชื่อมโยงอารมณ์กับ ซู-ยอน มันทำให้เรื่องมีมิติลึกขึ้น

แต่คนที่ขโมยซีนจริงๆ คือ ลี มี-ยอน (Lee Mi-yeon) ในบทซู-ยอน เธอเพิ่มหัวใจให้หนังด้วยรอยยิ้มที่สดใสและเคมีที่เข้ากันกับโซ จี-ซอบ เหมือนแสงสว่างในความมืดของโลกนักฆ่า การแสดงของเธอทำให้เรารู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงของฮยอง-โดมันสมเหตุสมผล และเป็นแรงผลักดันให้เรื่องเดินหน้าต่อไปได้อย่างน่าติดตาม

นักแสดงสมทบอื่นๆ ก็ทำได้ดี โดยเฉพาะตัวละครเพื่อนร่วมงานที่อิจฉาและเจ้านายที่โหดเหี้ยม พวกเขาช่วยเสริมให้โลกของบริษัทรับจ้างฆ่าดูสมจริง เหมือนเปรียบเทียบกับชีวิตจริงที่เราอาจเจอเพื่อนร่วมงาน toxic ในออฟฟิศ

ฉากต่อสู้ใน A Company Man ถือว่าสนุกและจัดเต็ม โดยเฉพาะการต่อสู้มือเปล่าที่ออกแบบท่าทางได้ดี เหมือนดูนักมวยมืออาชีพลงสนาม แต่ฉากยิงปืนกลับธรรมดาไปหน่อย ไม่ค่อยมีไดนามิกหรือความตื่นเต้นมากนัก มันทำให้หนังรู้สึกเหมือนแอคชั่นทั่วไปที่ไม่ได้โดดเด่นเหนือใคร

งานกำกับภาพของหนังไม่ค่อยน่าประทับใจ เหมือนไม่ได้พยายามสร้างสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ทุกอย่างดูเรียบๆ ไม่หรูหราเหมือนหนังเรื่องอื่นในแนวเดียวกัน แต่ความสั้นของหนังช่วยให้มันไม่น่าเบื่อ เราดูจบได้แบบไม่ต้องลากยาว

หนังใช้มุมมองนี้เพื่อวิพากษ์สังคม เหมือนถามเราว่า ชีวิตการทำงานที่ทำให้เราไร้ตัวตน มันต่างจากโลกนักฆ่ายังไง? มันเป็นจุดที่ทำให้หนังมีอะไรให้คิดต่อหลังดูจบ

A Company Man สำรวจธีมการทำงานในระบบทุนนิยมที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นเครื่องจักร โดยเปรียบเทียบกับบริษัทรับจ้างฆ่าที่มีลำดับชั้นและการแข่งขัน มันทำให้เราคิดถึงชีวิตจริงที่หลายคนติดอยู่ในงานที่ไม่ชอบแต่ไม่กล้าออก เหมือนฮยอง-โดที่ต้องต่อสู้เพื่อหาทางออก

แม้หนังจะยืมไอเดียจากเรื่องอื่นเยอะ ทำให้ขาดความสดใหม่ แต่การแสดงที่แข็งแกร่งและไอเดียวิพากษ์สังคมช่วยชดเชยได้ดี มันไม่ใช่หนังที่ทะเยอทะยานมาก แต่เป็นหนังแอคชั่นเล็กๆ ที่ดูเพลินและมีสาระ

โดยรวมแล้ว หนังเรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบ หนังนักฆ่าเกาหลี ที่ผสมดราม่าและแอคชั่น

A Company Man (2012) ทำให้เราตั้งคำถามกับชีวิตการทำงานที่เต็มไปด้วยความกดดันและการหักหลัง เหมือนนักฆ่าที่อยากมีชีวิตปกติแต่ถูกระบบกลืนกิน หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าเรามีแรงบันดาลใจจากคนรอบข้าง มันก็เป็นไปได้

สำหรับใครที่ชอบ หนังแอคชั่นดราม่า แบบไม่ยาวมาก A Company Man เป็นตัวเลือกที่ดีเลย มันอาจไม่ใช่หนังสุดยอด แต่การแสดงและธีมที่ลึกซึ้งทำให้คุ้มค่าที่จะดู มาแชร์ความคิดเห็นในคอมเมนต์กันว่าหนังเรื่องนี้ทำให้เราคิดถึงงานตัวเองยังไง และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบหนังเกาหลีแนวนี้! ถ้าดูแล้วชอบ ลองไปดู Kill Boksoon ต่อเลยนะ