![[รีวิว-เรื่องย่อ] หมู่บ้านคนหาย | The Villagers (2018) หนังระทึกขวัญลึกลับ](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/09/Review-The-Villagers-2018.webp)
- The Villagers เป็นหนังเกาหลีปี 2018 ที่สร้างจากเรื่องราวลึกลับในหมู่บ้านเล็กๆ เกี่ยวกับเด็กสาวหายตัวไปโดยไม่มีใครสนใจ
- การแสดงของมาดงซอกในบทครูยิมที่กลายเป็นนักสืบจำเป็นโดดเด่น แต่บทหนังยังมีจุดอ่อนเรื่องความซ้ำซาก
- หนังสำรวจธีมความเฉยเมยของคนในสังคมและการคอร์รัปชันที่ซ่อนอยู่ แต่พลาดโอกาสในการขุดลึกด้านจิตวิทยา
- ผู้กำกับโชชอลฮยอน นำเสนอเรื่องราวที่ตึงเครียดแต่ขาดบรรยากาศกดดันและฉากแอ็กชันที่สมน้ำสมเนื้อ
เราเคยคิดไหมว่าในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ดูสงบสุข จะซ่อนความลับดำมืดอะไรไว้บ้าง? เหมือนกับว่าเพื่อนบ้านที่ยิ้มให้กันทุกวัน อาจจะรู้เห็นอะไรแย่ๆ แต่เลือกที่จะเงียบเฉย หนัง The Villagers (2018) ของผู้กำกับ โชชอลฮยอน พาเราไปเจาะลึกเรื่องราวแบบนั้นเลย หนังเกาหลีเรื่องนี้เล่าถึงครูยิมที่ย้ายมาอยู่หมู่บ้านชนบท แล้วต้องเจอกับคดีเด็กสาวหายตัวไปแบบไม่มีใครแคร์ ด้วยพล็อตที่ผสมผสานความลึกลับและการสืบสวน มันทำให้เรานึกถึงสังคมจริงๆ ที่บางทีคนเราก็เลือกมองข้ามปัญหาเพื่อความสบายใจ
เรื่องราวเริ่มจาก กีชอล แสดงโดย มาดงซอก (Ma Dong-seok) อดีตนักมวยที่ผันตัวมาเป็นครูพลศึกษาในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในหมู่บ้านห่างไกล เขาเจอว่ามีเด็กสาวคนหนึ่งหายไป แต่ทั้งโรงเรียนและตำรวจกลับไม่สนใจใยดีเลยสักนิด เพื่อนสนิทของเด็กสาวที่หายไปอย่าง ยูจิน แสดงโดย คิมแซรอน (Kim Sae-ron) จึงตัดสินใจสืบหาความจริงด้วยตัวเอง กีชอลที่แรกๆ ก็ไม่อยากยุ่ง แต่สุดท้ายก็ถูกดึงเข้าไปในวังวนของการคอร์รัปชันและการปกปิดความลับในหมู่บ้าน
ในบทความนี้ เราจะพาไปรีวิวทุกมุมของ หนัง The Villagers ตั้งแต่จุดเด่นของการแสดง ไปจนถึงจุดด้อยที่ทำให้หนังไม่สุดทาง มาดูกันว่าเรื่องราวที่ดูเหมือนเป็นทริลเลอร์ธรรมดาๆ จะสะท้อนสังคมได้อย่างไร และทำไมมันถึงน่าดูสำหรับคอหนังเกาหลีที่ชอบพล็อตลึกลับแบบนี้
รีวิวและเรื่องย่อ The Villagers (หมู่บ้านคนหาย)
The Villagers เล่าเรื่องของ กีชอล ครูพลศึกษาที่เคยเป็นนักมวยแชมป์ แต่ชีวิตพลิกผันมาสอนหนังสือในหมู่บ้านชนบทห่างไกล เขาย้ายมาที่นี่เพื่อเริ่มต้นใหม่ แต่แล้วก็เจอคดีแปลกๆ เมื่อเด็กสาวมัธยมคนหนึ่งหายตัวไปแบบลึกลับ และดูเหมือนไม่มีใครในหมู่บ้านสนใจเลยสักคน ทั้งครู ตำรวจ และชาวบ้านต่างทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ยูจิน เพื่อนสนิทของเด็กสาวที่หายไป จึงเริ่มสืบหาเบาะแสด้วยตัวเอง เธอสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติซ่อนอยู่เบื้องหลังความเงียบนี้ กีชอลที่แรกๆ ก็พยายามหลีกเลี่ยง แต่สุดท้ายก็ถูกดึงเข้าไปช่วยเพราะเห็นความกล้าหาญของยูจิน
หนังเรื่องนี้เหมือนเกมปริศนาที่เริ่มจากจุดเล็กๆ แต่ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น เราจะเห็นว่าหมู่บ้านที่ดูสงบนี้จริงๆ แล้วเต็มไปด้วยการคอร์รัปชันจากคนมีอิทธิพล พล็อตพยายามสร้างความตึงเครียดด้วยการโยนเบาะแสหลอกๆ เข้ามา เพื่อนำไปสู่การเฉลยตอนจบที่ไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไรมาก แต่สิ่งที่น่าสนใจคือธีมความเฉยเมยของคนในสังคม หนังพยายามชี้ให้เห็นว่าทำไมชาวบ้านถึงเลือกที่จะเงียบ แม้จะรู้ว่ามีอะไรผิดปกติ มันเหมือนกับสังคมจริงๆ ที่บางทีเราก็เลือกมองข้ามปัญหาเพื่อไม่ให้ชีวิตยุ่งยาก
อย่างไรก็ตาม หนังพลาดโอกาสในการขุดลึกด้านจิตวิทยา แทนที่จะสำรวจว่าทำไมคนถึงเฉยเมย มันกลับหันไปโฟกัสที่การสืบสวนแบบคลาสสิก ทำให้ส่วนนี้ดูซ้ำซากและน่าเบื่อไปหน่อย โดยเฉพาะการยืดเยื้อด้วยความไม่แคร์ของครูและตำรวจ มันทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดก่อนที่จะถูกทิ้งไปเฉยๆ ตอนจบก็แค่จัดการกับตัวร้ายโดยไม่พูดถึงความรับผิดชอบของชุมชนเลย
การแสดงของ มาดงซอก ในบทกีชอลเป็นจุดเด่นที่ทำให้หนังน่าดู เขาไม่ได้เล่นเป็นฮีโร่เดี่ยวๆ ที่ออกล่าความจริง แต่เป็นครูธรรมดาที่ถูกสถานการณ์บังคับให้เปลี่ยนแปลง มันเหมือนกับว่าถ้าไม่มียูจินมาดึงให้เขายุ่งเกี่ยว กีชอลก็อาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของความเฉยเมยนั้นซะเอง การแสดงของเขาดูเป็นธรรมชาติ สะท้อนความขัดแย้งภายในได้ดี โดยเฉพาะฉากที่ต้องใช้หมัดต่อยเพื่อปกป้อง ทำให้เราเห็นด้านแกร่งของเขาแบบที่คาดหวังจากหนังที่มีมาดงซอกนำ
คิมแซรอน ในบทยูจินก็ขโมยซีนไม่แพ้กัน เธอเล่นเป็นเด็กสาววัยรุ่นที่กล้าหาญและซื่อตรง ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับกีชอลกลายเป็นหัวใจของเรื่อง มันทำงานได้ดีเพราะเราเชื่อมโยงกับตัวละครนี้ได้ง่าย เธอถูกใส่ในสถานการณ์อันตรายหลายครั้ง ซึ่งช่วยขับเคลื่อนพล็อตให้เดินหน้า ถ้าไม่มีเธอ การแสดงของมาดงซอกอาจจะไม่สมบูรณ์ และหนังก็คงมีรูโหว่เยอะกว่านี้ การจับคู่กันของทั้งคู่ทำให้หนังดูมีพลัง แม้บทจะไม่สุดทาง
นักแสดงสมทบอื่นๆ ก็ทำหน้าที่ได้โอเค แต่ไม่ได้เด่นอะไรมาก มันช่วยเติมเต็มเรื่องราวให้ดูสมจริง แต่หนังยังขาดการสร้างบรรยากาศกดดันแบบที่ควรมีในหนังระทึกขวัญชนบท การกำกับดูราบเรียบ ไร้สไตล์ภาพที่ชัดเจน ทำให้ความกดดันของสถานการณ์ไม่ค่อยสัมผัสได้
ผู้กำกับ โชชอลฮยอน พยายามสร้างความตึงเครียดผ่านพล็อต แต่หนังขาดฉากบู๊ที่สมกับชื่อเสียงของมาดงซอก มันเหมือนหนังพยายามจะเป็นทริลเลอร์จิตวิทยา แต่สุดท้ายก็กลายเป็นหนังสืบสวนธรรมดาๆ ที่ดูได้แต่ไม่ติดใจ ฉากต่อสู้น้อยและไม่เร้าใจ ทำให้แฟนๆ ที่หวังความมันส์จากมาดงซอกอาจจะผิดหวัง
บทหนังของ คิมมินซุก มีไอเดียน่าสนใจเรื่องความเฉยเมย แต่แทนที่จะขุดลึก หนังกลับโยนสิ่งลวงตาเข้ามาเพื่อยืดเรื่อง ทำให้ตอนจบออกมาธรรมดา เหมือนเกมที่ตั้งปริศนาไว้มากมายแต่เฉลยไม่ว้าว การเขียนบทสะท้อนสังคมเกาหลีที่บางครั้งผู้คนเลือกปกปิดปัญหาเพื่อรักษาหน้า แต่หนังกลับไม่พาไปไกลพอ
หนังเรื่องนี้สำรวจความขัดแย้งระหว่างความยุติธรรมส่วนบุคคลกับความเฉยเมยของสังคม มันถามเราว่าถ้าทุกคนเลือกเงียบ ปัญหาจะแก้ได้ยังไง เหมือนกับในชีวิตจริงที่บางทีเราก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาโดยไม่รู้ตัว
The Villagers (2018) เป็นหนังที่ดูเพลินๆ สำหรับแฟนหนังระทึกขวัญเกาหลี แต่ไม่ใช่เรื่องที่สมบูรณ์แบบ มันแสดงให้เห็นว่าปัญหาในสังคมไม่ได้มาจากตัวร้ายคนเดียว แต่มาจากความไม่แคร์ของทุกคน เมื่อไม่มีใครยืนขึ้น ความชั่วร้ายก็เติบโตได้ง่ายๆ หนังเรื่องนี้ทำให้เราคิดถึงสังคมไทยด้วยนะ ว่าบางทีเราก็เฉยเมยกับปัญหาใกล้ตัว
สำหรับใครที่ชอบ หนังเกาหลีแนวลึกลับ และอยากเห็นการแสดงแกร่งๆ จากมาดงซอก The Villagers น่าลองดูสักครั้ง มันอาจไม่สุดยอด แต่ก็มีข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันในสังคม มาแชร์ความเห็นในคอมเมนต์กันเถอะ ว่าหนังเรื่องนี้ทำให้เราคิดยังไงเกี่ยวกับความเฉยเมยของคน และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบหนังระทึกขวัญเกาหลีด้วยนะ!
- ชื่อเรื่องในภาษาไทย: หมู่บ้านคนหาย
- ประเภท: ระทึกขวัญ, ลึกลับ, ดราม่า
- วันที่ออกฉาย: 8 พฤศจิกายน 2561
- นักแสดงนำ: มาดงซอก (Ma Dong-seok), คิมแซรอน (Kim Sae-ron)
- ผู้กำกับ: โชชอลฮยอน (Cho Chul-hyun)
- ความยาว: 1 ชั่วโมง 39 นาที
- เรตติ้ง IMDb: 6.1/10