รีวิวอนิเมะ

[รีวิว-เรื่องย่อ] หากวันใดใครตนนั้นใคร่กลืนกิน | This Monster Wants to Eat Me (2025)

  • This Monster Wants to Eat Me เป็นอนิเมะ Girls’ Love ผสมสยองขวัญและเรื่องเหนือธรรมชาติที่หาดูได้ยากในฤดูกาล Fall 2025
  • การแสดงเสียงของเรนะ อุเอดะในบทฮินาโกะโดดเด่นที่สุด ถ่ายทอดความสิ้นหวังและความว่างเปล่าได้อย่างน่าขนลุก
  • อนิเมะสำรวจธีมความตายและความรักผ่านตัวละครฮินาโกะที่ปรารถนาตาย และชิโอริโยไคที่ต้องการกินเธอ
  • ตอนแรกสร้างบรรยากาศที่สงบแต่น่าขนลุกพร้อมกัน ทำให้เราตั้งคำถามทางจริยธรรมเกี่ยวกับการอยากตายของตัวละคร

เราเคยอยากหนีจากโลกที่วุ่นวายนี้ไหม? อยากหายใจลึกๆ แล้วปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปเฉยๆ? แต่ถ้าวันหนึ่งมีใครบางคนหรือบางสิ่งมาบอกว่า “ฉันอยากกินเธอ” ในความหมายที่แท้จริง เราจะรู้สึกอย่างไร? อนิเมะ This Monster Wants to Eat Me (หากวันใดใครตนนั้นใคร่กลืนกิน) ในฤดูกาล Fall 2025 พาเราไปสัมผัสกับเรื่องราวความรักระหว่างสาวน้อยที่ปรารถนาความตายกับโยไคที่ต้องการกินเธอ นี่คือการผสมผสานระหว่าง Girls’ Love สยองขวัญและเหนือธรรมชาติ ที่หาดูได้ยากมากในวงการอนิเมะ

เมื่อตอนแรกออกมา หลายคนอาจคิดว่าฤดูกาล Fall 2025 จะเงียบกว่าฤดูร้อนที่ผ่านมา แต่จริงๆ แล้วมีอนิเมะเด็ดๆ ซ่อนอยู่เยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นซีเควลที่รอคอยหรือเรื่องราวใหม่ที่แปลกตา และท่ามกลางอนิเมะทั้งหมดนั้น This Monster Wants to Eat Me คือเรื่องที่ดึงดูดความสนใจได้ในทันที Girls’ Love ผสมสยองขวัญกับเรื่องเหนือธรรมชาติ? นี่คือคอมโบที่เราแทบไม่เคยเจอเลย (เรื่องสุดท้ายที่นึกออกคือ Otherside Picnic หรือ Ave Mujica -The Die Is Cast- ถ้าจะนับเป็น Girls’ Love) เลยรีบกดดูตอนแรกทันทีที่ออกมา และต้องบอกเลยว่ามันคือการเปิดตัวที่สวยงามและน่าขนลุกพร้อมกัน

ในบทความนี้ เราจะพาไปสำรวจทุกแง่มุมของอนิเมะเรื่องนี้ ตั้งแต่การเปิดตัวที่น่าประทับใจ ตัวละครที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ไปจนถึงธีมลึกซึ้งที่ทำให้เราตั้งคำถามทางจริยธรรม มาดูกันว่า This Monster Wants to Eat Me จะพาเราไปสัมผัสกับการผสมผสานระหว่าง ความตายและความรัก ได้อย่างไร

This Monster Wants to Eat Me #1

รีวิวและเรื่องย่อ This Monster Wants to Eat Me (หากวันใดใครตนนั้นใคร่กลืนกิน)

This Monster Wants to Eat Me เริ่มต้นด้วยวิธีที่ไม่คาดคิดเลย แทนที่จะกระโจนเข้าสู่ฉากสยองขวัญหรือสร้างบรรยากาศที่น่ากลัว อนิเมะเรื่องนี้เลือกที่จะเปิดด้วยความสงบเงียบแทน ภาพของฮินาโกะที่กำลังจมน้ำดูเงียบสงบ ผ่อนคลาย และแปลกประหลาดไปในทางที่ สวยงามเหมือนภาพนามธรรม การตายไม่ควรให้ความรู้สึกสงบขนาดนี้ แต่อนิเมะเรื่องนี้กลับจับความขัดแย้งนั้นไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่ช่วงเปิดเรื่อง จากฉากนี้เพียงฉากเดียว เราก็รู้แล้วว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องสยองขวัญธรรมดา แต่มันจะเป็นอะไรที่เหนือจริงและอาจจะดูเหมือนบทกวีด้วยซ้ำ

ตั้งแต่ช่วงเปิดตัว เราจะได้รู้จักกับตัวละครหลักทั้งสามคน นั่นคือ ฮินาโกะ ชิโอริ และมิโกะ ด้วยข้อความแชทสั้นๆ กับชีวิตประจำวันในโรงเรียนเพียงไม่กี่ฉาก ตัวละครของฮินาโกะก็ชัดเจนแล้ว เราเข้าใจความสิ้นหวังของเธอ เข้าใจว่าทำไมเธอถึงปรารถนาความตาย แม้ว่าเธอจะไม่มีกำลังใจที่จะทำมันด้วยตัวเอง และจริงๆ แล้วความอ่อนแอนั้นเองที่ทำให้ตัวละครของเธอน่าติดตามมากขึ้น การที่ฮินาโกะอยากตายแต่กลับไม่กล้าทำเอง สะท้อนความเปราะบางของมนุษย์ที่หลายคนอาจเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน

มิโกะคือตรงข้ามของฮินาโกะโดยสิ้นเชิง เธอสดใส ตรงไปตรงมา และแทบจะตลกขบขันในบทบาทของเธอ มิโกะถูกออกแบบมาให้เป็นทั้งตัวช่วยและตัวสร้างความแตกต่างกับความหม่นหมองของฮินาโกะ สิ่งที่ทำให้ดีคือแม้ทั้งสองจะเป็นตรงข้ามกัน แต่เคมีระหว่างพวกเธอก็ยังมีอยู่ ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างมิโกะกับฮินาโกะจะยังไม่ได้ถูกสำรวจอย่างลึกซึ้ง แต่มิโกะก็มีศักยภาพที่จะผลักดันเรื่องราวไปข้างหน้าในตอนต่อๆ ไปอย่างแน่นอน

การออกแบบตัวละครมิโกะเป็นการสร้างสมดุลที่ดีให้กับอนิเมะเรื่องนี้ เพราะถ้าทุกตัวละครมืดมนไปหมด อนิเมะก็คงจะกลายเป็นเรื่องที่หนักเกินไป การมีตัวละครที่สดใสเหมือนมิโกะ ทำให้เรื่องราวมีจังหวะหายใจ และทำให้ผู้ดูไม่รู้สึกหดหู่เกินไป ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฮินาโกะอาจจะดูไม่ได้มีความลึกซึ้งมากในตอนแรก แต่มันมีศักยภาพที่จะพัฒนาไปในทิศทางที่น่าสนใจมาก

ในบรรดาตัวละครทั้งสาม ชิโอริคือคนที่ขโมยซีนไปหมด เธอคือโยไคที่มีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือกินฮินาโกะ และเธอก็บอกตรงๆ เลยว่าฮินาโกะ “อร่อย” มากแค่ไหน เหมือนเธอกำลังชิมอาหารจานพิเศษที่เก็บไว้สำหรับโอกาสที่สมบูรณ์แบบ และสถานการณ์แบบนี้เองที่ทำให้เรื่องราวน่าติดตามมาก เรื่องนี้จะจบยังไง? ชิโอริจะกินฮินาโกะจริงๆ และทำให้ความปรารถนาของเธอเป็นจริงหรือเปล่า? หรือว่าเธอจะตกหลุมรักฮินาโกะแทน แล้วบังคับให้ฮินาโกะต้องเผชิญหน้ากับชีวิต? ความตึงเครียดระหว่างความปรารถนาตายกับเรื่องราวความรัก คือสิ่งที่ดึงดูดเราได้ตั้งแต่แรก และความจริงที่ว่าชิโอริกลายเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฮินาโกะในตอนจบก็เป็นทวิสต์ที่อร่อยมาก

การที่ชิโอริเป็นทั้งโยไคและเพื่อนร่วมชั้น ทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนขึ้นมาทันที เธอจะแอบย่องเข้าไปอยู่ใกล้ฮินาโกะได้อย่างไร? เธอจะควบคุมความอยากกินฮินาโกะได้ไหมเมื่ออยู่ใกล้ขนาดนี้? และที่สำคัญคือ ฮินาโกะจะรู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ว่าคนที่นั่งข้างๆ คือโยไคที่อยากกินเธอ? คำถามเหล่านี้ทำให้เราอยากติดตามต่อไปอย่างมาก การวางโครงสร้างแบบนี้แสดงให้เห็นว่าผู้สร้างรู้จักวิธีดึงดูดผู้ดู และทำให้เราตั้งตารอตอนต่อไป

This Monster Wants to Eat Me #2

โครงสร้างของตอนนี้น่าสนใจมาก เริ่มต้นด้วยความสงบและเหมือนความฝัน แต่จบลงด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ ฝันกลางวันของฮินาโกะเกี่ยวกับทะเลก็เป็นสัมผัสที่ดี ราวกับว่าทะเลกำลังเรียกหาเธอ ล่อลวงให้เธอเข้ามาใกล้ แต่การเปิดเผยว่าสิ่งที่รออยู่ใต้คลื่นนั้นไม่ใช่ความสงบ แต่เป็นสัตว์ประหลาดในทะเล ทำให้ภาพที่ดูสวยงามกลายเป็นสิ่งที่น่าขนลุก และนั่นคือจุดเด่นของตอนเปิดตัวที่น่าขนลุกนี้

ภาพของทะเลที่สวยงามกลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของความตาย การใช้ภาพแบบนี้ช่วยสร้างความรู้สึกสองแง่สองง่ามที่ดึงดูดแต่น่ากลัวพร้อมกัน ความตายอาจดูสวยงามและเย้ายวนจากภายนอก แต่เมื่อเราเข้าไปใกล้ เราจะพบว่ามันไม่ได้สงบอย่างที่คิด นี่คือการใช้ภาพที่ชาญฉลาดมาก และช่วยสร้างบรรยากาศที่ทำให้อนิเมะเรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ในฤดูกาลนี้

ต้องชมการแสดงเสียงของ เรนะ อุเอดะ (Reina Ueda) ในบทฮินาโกะเป็นพิเศษ การถ่ายทอดของเธอน่าขนลุกในความสงบเรียบ เราได้ยินในเสียงของเธอว่าฮินาโกะได้ยอมแพ้กับชีวิตไปแล้ว ทุกบทพูดมีความหนักอึ้งและว่างเปล่า แต่เมื่อฮินาโกะยิ้มเมื่อคิดถึงความปรารถนาของเธอที่กำลังจะเป็นจริง อุเอดะเปลี่ยนน้ำเสียงอย่างละเอียดอ่อน และมันทำให้เราปรบมือจริงๆ ช่วงเวลาสุดท้ายนั้นยอดเยี่ยม และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตอนนี้ทิ้งความประทับใจไว้ได้ลึกซึ้งมาก

การแสดงเสียงของอุเอดะ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ที่ซับซ้อน เธอไม่ได้ทำให้ฮินาโกะดูเศร้าหรือร้องไห้แบบเกินจริง แต่เธอทำให้ตัวละครดูว่างเปล่าและสิ้นหวัง ซึ่งน่ากลัวกว่าการร้องไห้มาก การที่ฮินาโกะไม่มีพลังที่จะร้องไห้หรือแสดงอารมณ์อย่างรุนแรง แต่กลับมีแค่ความว่างเปล่านั้นทำให้เราเข้าใจความเจ็บปวดของเธอได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

This Monster Wants to Eat Me #3

ถ้าต้องหาข้อวิจารณ์อะไรสักอย่าง นั่นคือความตึงเครียดของตอนนี้ไม่ค่อยได้ผลกับเราในแบบดั้งเดิม ทุกครั้งที่ฮินาโกะตกอยู่ในอันตราย เราไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกแบบ “ได้โปรดอย่าตาย!” หลักๆ เพราะเราสงสัยว่าควรเชียร์ให้เธอตายไหม เพราะมันคือสิ่งที่เธอต้องการ ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางจริยธรรมนี้ทำให้เรารู้สึกขัดแย้งภายใน เราควรรู้สึกผิดที่เห็นใจความปรารถนาของเธอไหม? หรือควรโล่งใจที่เธออาจจะรอดชีวิต? และจริงๆ แล้วนั่นคือการเขียนเรื่องที่ดีมาก นี่คือภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางจริยธรรมที่ซีรีส์แบบนี้ควรสร้าง มันทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ ทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเอง และเปิดประตูสำหรับการเติบโตของตัวละครในภายหลัง

การที่อนิเมะทำให้เราตั้งคำถามว่า เราควรเชียร์ให้ฮินาโกะอยู่รอดหรือควรเคารพในความปรารถนาของเธอ เป็นสิ่งที่ท้าทายและน่าสนใจมาก นี่ไม่ใช่อนิเมะที่จะให้คำตอบง่ายๆ กับเรา แต่มันบังคับให้เราต้องคิดและสำรวจความรู้สึกของตัวเอง คำถามเหล่านี้จะทำให้เราได้คิดทบทวนเกี่ยวกับชีวิต ความตาย และความหมายของการมีชีวิตอยู่ และนั่นคือจุดแข็งของอนิเมะเรื่องนี้

This Monster Wants to Eat Me ตอนที่ 1 เป็นการเปิดตัวที่สวยงามและน่าขนลุกมาก มันล่อลวงเราด้วยความสงบ แล้วทำให้เราไม่สบายใจด้วยเนื้อเรื่องที่แปลกใหม่ ทำให้เราทั้งขัดแย้งและหลงใหล ถ้าซีรีส์นี้ยังคงสร้างสมดุลระหว่างความสยองขวัญกับความงามเหนือจริง ขณะเดียวกันก็สำรวจการเดินทางของฮินาโกะระหว่างความตายและความรัก เราอาจจะได้เห็นหนึ่งในซีรีส์ที่มีเอกลักษณ์ที่สุดของฤดูกาลนี้

อนิเมะเรื่องนี้มีศักยภาพสูงมากที่จะสำรวจธีมที่ซับซ้อนเกี่ยวกับชีวิต ความตาย และความรัก การผสมผสานระหว่าง Girls’ Love กับสยองขวัญ เป็นสิ่งที่หาดูได้ยาก และถ้าอนิเมะเรื่องนี้ทำได้ดี มันอาจจะกลายเป็นหนึ่งในผลงานที่น่าจดจำที่สุดของปี 2025 เราตั้งตารอที่จะเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างฮินาโกะและชิโอริจะพัฒนาไปในทิศทางใด และทิศทางนั้นจะพาเราไปสู่จุดจบแบบไหน

This Monster Wants to Eat Me คืออนิเมะที่ท้าทายความคาดหมายของเรา มันไม่ได้เป็นแค่เรื่อง Girls’ Love หรือเรื่องสยองขวัญธรรมดา แต่มันผสมผสานทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาด และเติมธีมเรื่องความตายและความรักที่ทำให้เราตั้งคำถามทางจริยธรรม ตอนแรกสร้างความประทับใจไว้ได้อย่างลึกซึ้ง ด้วยการแสดงเสียงที่ยอดเยี่ยม บรรยากาศที่น่าขนลุกแต่สวยงาม และเนื้อเรื่องที่ท้าทายความคาดหมาย

สำหรับใครที่ชื่นชอบอนิเมะที่แปลกใหม่และไม่ธรรมดา This Monster Wants to Eat Me คือเรื่องที่ไม่ควรพลาด อนิเมะเรื่องนี้จะทำให้เราได้คิดทบทวนเกี่ยวกับชีวิต ความตาย และความหมายของการมีชีวิตอยู่ มันจะพาเราไปในการเดินทางที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความสวยงาม และความน่ากลัวพร้อมกัน มาแชร์ความคิดเห็นกันในคอมเมนต์ว่าอนิเมะเรื่องนี้ทำให้เราคิดอย่างไรเกี่ยวกับธีมความตายและความรัก และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชื่นชอบอนิเมะแนว Girls’ Love หรือสยองขวัญที่มีความหมาย เราจะรอติดตามต่อไปว่าเรื่องราวของฮินาโกะและชิโอริจะจบลงอย่างไร!

  • ชื่อเรื่องในภาษาญี่ปุ่น: Watashi wo Tabetai, Hitodenashi
  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: หากวันใดใครตนนั้นใคร่กลืนกิน
  • ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ: This Monster Wants to Eat Me
  • ประเภท: Girls’ Love, สยองขวัญ, เหนือธรรมชาติ, ดราม่า
  • ฤดูกาล: Fall 2025
  • นักพากย์: Reina Ueda (ฮินาโกะ), Hina Yomiya (ชิโอริ), Haruka Shiraishi (มิโกะ)
  • สตูดิโอ: Studio Lings
  • วันฉายตอนแรก: 2 ตุลาคม 2025
  • เรตติ้ง MyAnimeList: 7.50/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Ani-One Thailand Crunchyroll

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button