รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] All the President’s Men (1976)

  • All the President’s Men สร้างจากเรื่องจริงคดีวอเตอร์เกตปี 1972 ที่นำไปสู่การลาออกของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน
  • การแสดงของดัสติน ฮอฟฟ์แมนในบทคาร์ล เบิร์นสไตน์เด่นมาก ถ่ายทอดความมุ่งมั่นของนักข่าวได้อย่างเจ๋ง
  • หนังสำรวจธีมการสืบสวน การเมืองสกปรก และบทบาทของสื่อในการปกป้องประชาธิปไตย
  • ผู้กำกับอลัน เจ. พาคูลา นำเสนอเรื่องราวที่ตึงเครียดแบบเรียลๆ ไม่มีฉากแอคชั่นแต่ลุ้นจนตัวโก่ง

เราเคยสงสัยกันไหมว่า ถ้ามีคนใหญ่โตในรัฐบาลทำเรื่องผิดกฎหมาย แล้วใครจะกล้าเปิดโปง? ลองนึกภาพนักข่าวสองคนที่ต้องสู้กับระบบใหญ่โตเพื่อหาความจริง มันเหมือนกับการเล่นเกมไขปริศนาที่เดิมพันคืออนาคตของประเทศเลยนะ หนัง All the President’s Men (1976) ของผู้กำกับ อลัน เจ. พาคูลา (Alan J. Pakula) พาเราไปสัมผัสเรื่องจริงจากคดี วอเตอร์เกต ในปี 1972 ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา เรื่องราวเริ่มจากกลุ่มโจรบุกเข้าโรงแรมวอเตอร์เกตเพื่อติดเครื่องดักฟังพรรคเดโมแครต แต่ถูกจับได้ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสืบสวนที่พลิกโฉมการเมืองโลก

สองนักข่าวจากหนังสือพิมพ์ วอชิงตันโพสต์ คือ บ็อบ วูดเวิร์ด แสดงโดย โรเบิร์ต เรดฟอร์ด (Robert Redford) และ คาร์ล เบิร์นสไตน์ แสดงโดย ดัสติน ฮอฟฟ์แมน (Dustin Hoffman) ต้องร่วมมือกันแม้จะทะเลาะกันบ่อยๆ พวกเขาต้องโทรหาทุกคนในวอชิงตัน เคาะประตูบ้านคนนู้นคนนี้ เพื่อหาคนที่กล้าพูดความจริง มันเหมือนกับการไล่ล่าผีที่ไม่มีตัวตน แต่ยิ่งขุดลึกยิ่งเจอความลับดำมืดที่เชื่อมโยงไปถึงทำเนียบขาวและประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน

ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่การแสดงที่โคตรเจ๋ง ไปจนถึงข้อความเจ๋งๆ เกี่ยวกับการเมืองและสื่อมวลชน มาดูกันว่า All the President’s Men จะทำให้เราคิดยังไงกับการเปิดโปงความจริงในสังคมที่เต็มไปด้วยอำนาจมืด

รีวิวและเรื่องย่อ All the President’s Men

All the President’s Men เล่าเรื่องจริงจากคดี วอเตอร์เกต ที่เริ่มจากเหตุการณ์บุกเข้าโรงแรมวอเตอร์เกตในปี 1972 เพื่อติดเครื่องดักฟังสำนักงานใหญ่ของพรรคเดโมแครต แต่ตำรวจจับโจรได้ห้าคน ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสืบสวนใหญ่โต นักข่าว บ็อบ วูดเวิร์ด และ คาร์ล เบิร์นสไตน์ จากวอชิงตันโพสต์ ต้องขุดคุ้ยหาความจริง พวกเขาพบว่าพวกโจรเชื่อมโยงกับซีไอเอและทำเนียบขาว มันเหมือนกับการเล่นเกมไขปริศนาที่ยิ่งเล่นยิ่งยาก เพราะทุกคนกลัวและปิดปากเงียบ

การสืบสวนของทั้งคู่เต็มไปด้วยอุปสรรค พวกเขาต้องโทรหาคนเป็นร้อยๆ คน เคาะประตูบ้านเพื่อขอข้อมูล และยังมีแหล่งข่าวลึกลับอย่าง ดีพโธรต (แสดงโดย ฮัล โฮลบรูค) ที่ให้เบาะแสในที่จอดรถมืดๆ มันลุ้นระทึกแบบไม่ต้องมีฉากยิงกันเลย เพราะความจริงที่ค่อยๆ เปิดเผยมันน่ากลัวกว่าการต่อสู้เสียอีก สุดท้ายเรื่องนี้ทำให้เห็นว่าการเมืองสกปรกแค่ไหน และนักข่าวมีบทบาทสำคัญยังไงในการปกป้องประชาธิปไตย

หนังเรื่องนี้ไม่มีฉากแอคชั่นใหญ่โต แต่ผู้กำกับทำให้การนั่งโต๊ะทำงานหรือโทรศัพท์กลายเป็นเรื่องตื่นเต้น มันเหมือนกับดูนักสืบไขคดีฆาตกรรม แต่แทนที่จะไล่ล่าคนร้าย พวกเขากำลังไล่ล่าความจริงจากคนที่ปกปิดมันไว้ หนังยังสะท้อนให้เห็นว่าคนที่มีอำนาจมักคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกฎหมาย แต่สื่อที่ดีสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้

การแสดงของ ดัสติน ฮอฟฟ์แมน (Dustin Hoffman) ในบทคาร์ล เบิร์นสไตน์เด่นสุดๆ เขาถ่ายทอดความมุ่งมั่นและความหัวรั้นของนักข่าวได้อย่างเจ๋ง เหมือนกับเพื่อนเราที่ไม่ยอมแพ้แม้จะเจอปัญหาใหญ่โต ตัวละครนี้ต้องทะเลาะกับวูดเวิร์ดบ่อยๆ แต่สุดท้ายพวกเขาก็รวมพลังกัน มันทำให้หนังดูสนุกและสมจริงมากขึ้น

โรเบิร์ต เรดฟอร์ด (Robert Redford) ในบทบ็อบ วูดเวิร์ดก็ไม่แพ้กัน เขาเล่นเป็นนักข่าวมือใหม่ที่ค่อยๆ เรียนรู้และกลายเป็นฮีโร่ มันเหมือนกับการดูคนธรรมดาที่กล้าท้าทายระบบใหญ่ การแสดงของเขาทำให้เรารู้สึกเอาใจช่วยตลอดเรื่อง และยังมี เจสัน โรบาร์ดส์ (Jason Robards) ในบทเบน แบรดลีย์ บรรณาธิการที่คอยสนับสนุนแม้จะเสี่ยง การแสดงของเขาช่วยเพิ่มน้ำหนักให้หนังเรื่องนี้

นักแสดงสมทบอื่นๆ ก็เจ๋งไม่แพ้ เช่น ฮัล โฮลบรูค ในบทดีพโธรต ที่ให้เบาะแสลึกลับ มันสร้างความตึงเครียดได้ดีมาก หนังเรื่องนี้ทำให้เห็นว่าการแสดงที่ดีสามารถทำให้เรื่องจริงกลายเป็นเรื่องสนุกและน่าติดตามได้ โดยไม่ต้องมีเอฟเฟกต์พิเศษอะไรเลย

ผู้กำกับ อลัน เจ. พาคูลา ทำให้หนังเรื่องนี้ดูเรียลแบบสุดๆ ด้วยการถ่ายทำที่เน้นบรรยากาศออฟฟิศวุ่นวาย เสียงพิมพ์ดีด และการสนทนา มันเหมือนกับการดูสารคดีแต่ลุ้นกว่า เพราะไม่มีฉากต่อสู้ แต่ความตึงเครียดมาจากการไล่ล่าความจริง ธีมหลักคือการต่อสู้ระหว่างความจริงกับอำนาจมืด มันถามเราว่า ถ้าคนใหญ่โตทำผิด เราจะกล้าพูดไหม?

บทภาพยนตร์ของ วิลเลียม โกลด์แมน (William Goldman) เขียนได้ฉลาดมาก มันเชื่อมโยงเรื่องราวแบบไม่ให้เราคลาดสายตา และยังสะท้อนสังคมการเมืองในยุค 70s ที่เต็มไปด้วยความไม่โปร่งใส หนังเรื่องนี้ทำให้เราคิดถึงบทบาทของสื่อในปัจจุบันด้วย ว่ามันยังคงสำคัญแค่ไหนในการตรวจสอบผู้มีอำนาจ

เสียงประกอบและการถ่ายภาพก็ช่วยเพิ่มความลุ้น มันเหมือนกับเกมที่ชิ้นส่วนปริศนาค่อยๆ ลงล็อก และเมื่อถึงจุดไคลแมกซ์ เราจะรู้สึกว่าความจริงมันมีพลังมากแค่ไหน หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่บันเทิง แต่ยังเป็นบทเรียนเจ๋งๆ เกี่ยวกับประชาธิปไตย

All the President’s Men (1976) เป็นหนังที่ทำให้เราตั้งคำถามกับการเมืองและสื่อมวลชน หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ระบบ แต่อยู่ที่คนที่ใช้อำนาจในทางผิด แม้จะผ่านมานานหลายสิบปี แต่ธีมยังคงสดใหม่และน่าคิด โดยเฉพาะในยุคที่ข่าวปลอมเต็มไปหมด เมื่อนักข่าวสองคนกล้าสู้กับระบบใหญ่โต มันกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคน

สำหรับใครที่ชอบ หนังดราม่าลุ้นระทึกแบบเรียล และอยากเห็นการแสดงเจ๋งๆ จากนักแสดงระดับตำนาน All the President’s Men เป็นหนังที่ห้ามพลาดเลย มันจะทำให้เราคิดทบทวนเกี่ยวกับความจริงและอำนาจ มาแชร์ความคิดเห็นในคอมเมนต์กันว่าหนังเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกยังไงกับการเปิดโปงความลับการเมือง และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบหนังแนวสืบสวนจิตวิทยาแบบมีสาระ!

  • ประเภท: ดราม่า, ระทึกขวัญ, การเมือง
  • วันที่ออกฉาย: 9 เมษายน 2519
  • นักแสดงนำ: โรเบิร์ต เรดฟอร์ด (Robert Redford), ดัสติน ฮอฟฟ์แมน (Dustin Hoffman), เจสัน โรบาร์ดส์ (Jason Robards), ฮัล โฮลบรูค (Hal Holbrook)
  • ผู้กำกับ: อลัน เจ. พาคูลา (Alan J. Pakula)
  • ความยาว: 2 ชั่วโมง 18 นาที
  • เรตติ้ง IMDb: 7.9/10

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button