รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] นรกระฟ้า | Die Hard (1988)

  • Die Hard เป็นหนังแอ็คชั่นสุดฮิตจากปี 1988 ที่สร้างจากเรื่องราวของตำรวจที่ต้องต่อกรกับพวกโจรปลอมตัวเป็นผู้ก่อการร้าย
  • การแสดงของบรูซ วิลลิสในบทจอห์น แมคเคลนโดดเด่นมาก แสดงความเป็นฮีโร่แบบกวนๆ ได้อย่างมันส์
  • หนังสำรวจธีมการเอาชีวิตรอดและความฉลาดในการต่อสู้กับศัตรูที่เหนือกว่า
  • ผู้กำกับจอห์น แมคเทียร์แนน นำเสนอเรื่องราวที่ตึงเครียดและเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นสุดระทึก

เคยคิดไหมว่าถ้าต้องไปงานเลี้ยงบริษัทของเมีย แล้วจู่ๆ ตึกทั้งตึกถูกพวกโจรบุกยึด จะทำยังไง? นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของ หนัง Die Hard (1988) สุดคลาสสิกจากผู้กำกับ จอห์น แมคเทียร์แนน (John McTiernan) ที่พาเราไปสัมผัสกับการต่อสู้สุดมันส์ของตำรวจนิวยอร์กที่กลายเป็นฮีโร่โดยไม่ได้ตั้งใจ หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของการปล้นที่ซับซ้อน แต่กลายเป็นตำนานแอ็คชั่นที่คนดูทั่วโลกยังพูดถึงจนทุกวันนี้ โดยเฉพาะในช่วงคริสต์มาสที่หลายคนยกให้เป็นหนังเทศกาล (แม้จะเกี่ยวกับการฆ่าโจรก็เถอะ)

เรื่องราวเกิดขึ้นในตึก นาคาโตมิ พลาซ่า ที่ลอสแองเจลิส เมื่อ จอห์น แมคเคลน แสดงโดย บรูซ วิลลิส (Bruce Willis) มาถึงเพื่อคืนดีกับเมีย แต่แล้วพวกโจรนำโดย ฮันส์ กรูเบอร์ แสดงโดย อลัน ริคแมน (Alan Rickman) ก็บุกเข้ามา แมคเคลนต้องลุยเดี่ยวเพื่อช่วยตัวประกันและล้มแผนร้าย หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นที่ทำให้เราลุ้นจนตัวโก่ง เหมือนกับการเล่นเกมที่ต้องหาทางรอดจากศัตรูที่ฉลาดกว่า

ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของ หนัง Die Hard ตั้งแต่รายละเอียดเล็กๆ ที่ทำให้เรื่องน่าติดตาม ไปจนถึงเหตุผลที่หนังเรื่องนี้ยังคงเป็นสุดยอดแอ็คชั่นจนถึงปี 2568 มาดูกันว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงทำให้เราอยากดูซ้ำแล้วซ้ำอีก และมันสอนอะไรเกี่ยวกับการต่อสู้ในชีวิตจริงบ้าง

รีวิวและเรื่องย่อ Die Hard (นรกระฟ้า)

Die Hard เล่าเรื่องของ จอห์น แมคเคลน ตำรวจนิวยอร์กที่แผนคืนดีกับเมียต้องพังพินาศ เมื่อตึกสำนักงานของเธอถูกพวกโจรบุกยึด พวกนี้ปลอมตัวเป็นผู้ก่อการร้ายเพื่อขโมยพันธบัตรมูลค่ามหาศาล แมคเคลนที่เพิ่งมาถึงต้องซ่อนตัวและต่อสู้คนเดียว ด้วยไหวพริบและอาวุธที่หาได้รอบตัว เหมือนกับฮีโร่ในเกมที่ต้องอัปเลเวลตัวเองไปเรื่อยๆ หนังเรื่องนี้สร้างจากนิยายของโรเดอริค ธอร์ป แต่ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นแอ็คชั่นสุดมันส์ที่เต็มไปด้วยมุกตลกกวนๆ

ทุกอย่างในหนังถูกออกแบบมาอย่างละเอียด ไม่มีฉากไหนที่ไร้ประโยชน์ อย่างเช่นตอนที่แมคเคลนเจอบุหรี่ของพวกโจร ซึ่งต่อมากลายเป็นเบาะแสสำคัญในการสู้รบ หรือมุกเกี่ยวกับขนมทวิงกี้ที่บอกเราเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของตำรวจช่วยเหลือ อัล พาวเวลล์ แสดงโดย เรจินัลด์ เวลจอห์นสัน (Reginald VelJohnson) มันทำให้หนังรู้สึกจริงจังและน่าติดตาม เหมือนกับปริศนาที่เราค่อยๆ ไขไปทีละชิ้น

บทหนังของ เจบ สจวร์ต (Jeb Stuart) และ สตีเวน อี. เดอ ซูซา (Steven E. de Souza) เต็มไปด้วยบทสนทนาที่คมคายและการเซ็ตอัพที่ชาญฉลาด ทุกคำพูดหรือการกระทำล้วนเชื่อมโยงกัน เหมือนกับโดมิโนที่ล้มต่อเนื่องจนถึงจุดไคลแมกซ์ ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ ไม่ใช่แค่ดูหนัง

บรูซ วิลลิส (Bruce Willis) ในบท จอห์น แมคเคลน คือจุดขายหลักของหนัง เขาเปลี่ยนจากดาราตลกมาเป็นฮีโร่แอ็คชั่นที่ดูเป็นมนุษย์จริงๆ ไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ แมคเคลนเจ็บได้ เหนื่อยได้ และกวนประสาทพวกโจรด้วยมุกตลก เหมือนกับเพื่อนเราที่ชอบแกล้งคนอื่นตอนเล่นเกม การแสดงของวิลลิสทำให้ตัวละครนี้กลายเป็นไอคอนที่คนดูรักและอยากเอาแบบอย่าง

อลัน ริคแมน (Alan Rickman) ในบท ฮันส์ กรูเบอร์ ก็ขโมยซีนไม่แพ้กัน เขาเล่นเป็นวายร้ายที่ฉลาด สง่างาม และมีเสน่ห์แบบชั่วร้าย เหมือนกับบอสใหญ่ในเกมที่เราอยากชนะแต่ก็อดชื่นชอบไม่ได้ ริคแมนทำให้กรูเบอร์ไม่ใช่แค่โจรธรรมดา แต่เป็นตัวร้ายที่มีปรัชญาและแผนการที่ซับซ้อน ซึ่งเพิ่มความตึงเครียดให้หนัง

นักแสดงสมทบอย่าง โบนนี่ เบเดเลีย (Bonnie Bedelia) ในบทเมียของแมคเคลน ก็ช่วยเสริมให้เรื่องดูสมจริง เธอแสดงความเข้มแข็งของผู้หญิงที่ติดอยู่ในวิกฤต แต่ยังคงฉลาดและไม่ยอมแพ้ มันทำให้หนังไม่ใช่แค่แอ็คชั่นล้วนๆ แต่มีมิติทางอารมณ์ที่ทำให้เราอิน

หนังเรื่องนี้สำรวจธีมการเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ที่เหนือกว่า เหมือนกับการถูกโยนลงเกาะร้างแต่แทนที่จะเป็นสัตว์ป่า ศัตรูคือมนุษย์ที่ฉลาดและโหดร้าย มันถามเราว่าถ้าต้องสู้คนเดียวกับพวกมาก เราจะทำยังไง? Die Hard ไม่ได้พยายามสอนอะไรลึกซึ้ง แต่แสดงให้เห็นว่าความฉลาดและความกล้าหาญสามารถพลิกเกมได้

ผู้กำกับ จอห์น แมคเทียร์แนน จัดการฉากแอ็คชั่นได้อย่างยอดเยี่ยม ทุกการยิงปืนหรือการระเบิดล้วนมีเหตุผลและไม่ยืดเยื้อ เหมือนกับสูตรอาหารที่ลงตัวทุกอย่าง การตัดต่อของ แฟรงก์ เจ. ยูริโอสเต (Frank J. Urioste) และ จอห์น เอฟ. ลิงก์ (John F. Link) ทำให้หนังไหลลื่นและน่าติดตาม ไม่มีช่วงเบื่อแม้แต่วินาทีเดียว

ดนตรีประกอบโดย ไมเคิล คาเมน (Michael Kamen) ช่วยเพิ่มความตึงเครียด โดยเฉพาะการใช้เพลง “Ode to Joy” ของเบโธเฟนที่กรูเบอร์ฮัมเบาๆ ซึ่งเป็นการ foreshadowing ที่ชาญฉลาด มันทำให้หนังรู้สึกมีชั้นเชิง เหมือนกับนิยายสืบสวนที่ซ่อนเบาะแสไว้ตลอดเรื่อง

Die Hard (1988) เป็นหนังแอ็คชั่นที่สมบูรณ์แบบ ทำให้เราตั้งคำถามว่าอะไรทำให้หนังเรื่องหนึ่งกลายเป็นตำนาน? มันคือการผสมผสานระหว่างบทที่ฉลาด การแสดงที่ยอดเยี่ยม และฉากแอ็คชั่นที่มันส์สะใจ หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่พวกโจรหรือตึกสูง แต่คือ ธรรมชาติของมนุษย์ ที่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ดูสิ้นหวังแค่ไหนก็ตาม

สำหรับใครที่ชอบ หนังแอ็คชั่นชั่นคลาสสิก และอยากได้แรงบันดาลใจในการสู้ชีวิต Die Hard คือหนังที่ต้องดูซ้ำๆ มันจะทำให้เราได้หัวเราะ ลุ้น และคิดถึงความกล้าหาญในตัวเอง มาแชร์ความคิดเห็นกันในคอมเมนต์ว่าฉากไหนในหนังที่เราชอบที่สุด และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่เป็นแฟนหนังแอ็คชั่นทั่วไทย!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: นรกระฟ้า
  • ประเภท: แอ็คชั่น, ระทึกขวัญ, เอาชีวิตรอด
  • วันที่ออกฉาย: 15 กรกฎาคม 2531
  • นักแสดงนำ: บรูซ วิลลิส (Bruce Willis), อลัน ริคแมน (Alan Rickman), โบนนี่ เบเดเลีย (Bonnie Bedelia), เรจินัลด์ เวลจอห์นสัน (Reginald VelJohnson)
  • ผู้กำกับ: จอห์น แมคเทียร์แนน (John McTiernan)
  • ความยาว: 2 ชั่วโมง 12 นาที
  • เรตติ้ง IMDb: 8.2/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Disney+

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button