![[รีวิว-เรื่องย่อ] ลาก่อน จูน | Goodbye June (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-Goodbye-June-2025.webp)
- Kate Winslet กำกับหนังเรื่องแรกที่ดูปลอดภัยเกินไป ขาดความกล้าที่จะสร้างเสียงของตัวเอง
- นักแสดงชั้นนำอย่าง Helen Mirren, Toni Collette และ Andrea Riseborough ไม่ได้แสดงศักยภาพเต็มที่ ถูกจำกัดให้แสดงอารมณ์เศร้าแบบเดียว
- บทภาพยนตร์จาก Joe Anders (ลูกชาย Winslet) ขาดจินตนาการ ตัวละครเป็นแบบกระดาษแข็งไร้ความลึกซึ้ง
- หนังพยายามเล่นกับอารมณ์แต่กลับรู้สึกว่าบังคับและขาดความจริงใจ ไม่สามารถสร้างน้ำตาได้จริงจัง
เคยสงสัยไหมว่าเวลาที่ ครอบครัว ต้องมาเจอกับการสูญเสีย พวกเขาจะรับมือกับมันอย่างไร? และถ้าหนังเล่าเรื่องนี้แบบไม่มีไฟ ไม่มีชีวิตจิตใจ มันจะยังทำให้เราซาบซึ้งได้ไหม? Goodbye June (2025) คือหนังครอบครัวดราม่าที่พาเราไปสัมผัสช่วงเวลาสุดท้ายของ June แม่ที่กำลังจะจากไป ในขณะที่ลูกๆ ทั้งสี่คนและสามีของเธอพยายามใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้มีความหมาย แต่หนังเรื่องนี้กลับกลายเป็นโปรเจ็กต์ที่อบอุ่นเกินไป จนดูเหมือนการ์ดอวยพรขนาดยักษ์มากกว่าหนังที่มี จิตวิญญาณ ผู้กำกับ Kate Winslet ซึ่งเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ พยายามทำให้หนังนี้มีความอบอุ่นและใกล้ชิด แต่กลับทำให้มันจืดชืดและขาดพลัง

Goodbye June กำกับโดย Kate Winslet ในฐานะผู้กำกับหน้าใหม่ และเขียนบทโดยลูกชายของเธอ Joe Anders ซึ่งตอนเขียนบทอายุเพียง 19 ปี บทภาพยนตร์ได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ส่วนตัวของ Winslet ที่แม่เสียชีวิตจาก มะเร็งรังไข่ ในปี 2017 หนังเรื่องนี้นำแสดงโดย Helen Mirren ในบท June แม่ที่กำลังจะจากไป, Kate Winslet เองในบท Julia ลูกสาวคนหนึ่ง, Toni Collette ในบท Helen ลูกสาวคนโต, Andrea Riseborough ในบท Molly แม่บ้านที่เหนื่อยล้า, Johnny Flynn ในบท Connor ลูกชายคนเดียวที่ยังติดบ้าน และ Timothy Spall ในบท Bernie พ่อที่ต้องเผชิญกับการจากไปของภรรยา หนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์จำกัดในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2025 และเข้า Netflix วันที่ 24 ธันวาคม 2025
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ June ล้มลงในครัว และเมื่อถูกนำตัวไปโรงพยาบาล หมอก็ประกาศข่าวร้ายว่า มะเร็ง ได้แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย หมายความว่าเธอจะไม่มีชีวิตรอดถึงคริสต์มาส ลูกๆ ทั้งสี่คนของ June ได้แก่ Helen ลูกสาวคนโต, Julia ลูกสาวคนที่สอง, Molly แม่บ้านที่มีลูกเล็ก และ Connor ลูกชายคนเดียว รวมถึง Bernie สามีของเธอ เริ่มใช้เวลาส่วนใหญ่ในโรงพยาบาล เพื่อให้แน่ใจว่า June รู้สึกถึง ความรัก และการเอาใจใส่จากครอบครัว แต่ความขัดแย้งเก่าๆ ระหว่างพี่น้องก็เริ่มผุดขึ้นมา โดยเฉพาะระหว่าง Molly และ Julia ซึ่งมีความขัดแย้งที่ไม่ชัดเจนและดูเหมือนจะถูกใส่เข้ามาแค่เพื่อแก้ไขในตอนท้าย
Kate Winslet เป็นนักแสดงที่มีฝีมือและได้รับรางวัล Oscar แต่ในฐานะผู้กำกับหน้าใหม่ เธอกลับเลือกที่จะเล่นปลอดภัยเกินไป แทนที่จะกล้าเสี่ยงหรือสร้างเสียงของตัวเอง Winslet เลือกที่จะทำหนังแบบ “อบอุ่น” และ “น่ารัก” จนเกินไป ซึ่งทำให้หนังขาด บุคลิกภาพ และความโดดเด่น เธอรายงานว่าใช้ไมโครโฟนขนาดเล็กแทนบูมไมค์แบบดั้งเดิม เพื่อสร้างบรรยากาศที่ใกล้ชิดระหว่างนักแสดง แต่ผลลัพธ์กลับไม่ได้สร้างความใกล้ชิดอะไรเลย ที่เราได้เห็นคือตัวละครที่แสดงอารมณ์เศร้าแบบเดียวซ้ำๆ จนกลายเป็นภาพที่น่าเบื่อและไร้ชีวิตชีวา
หนึ่งในความผิดหวังที่ใหญ่ที่สุดของ Goodbye June คือการที่ Winslet ไม่สามารถดึงศักยภาพเต็มที่ของนักแสดงออกมาได้ เมื่อดูนักแสดงอย่าง Toni Collette, Helen Mirren, Andrea Riseborough และ Timothy Spall ซึ่งทุกคนมีฝีมือระดับโลก หนังเรื่องนี้น่าจะเป็นงานเลี้ยงสำหรับคนรัก การแสดง แต่กลับกลายเป็นว่าทุกคนถูกจำกัดให้แสดงบทบาทที่เศร้าและน่ารักแบบเดียว ไม่มีการแสดงที่หลากหลายหรือซับซ้อน หลังจากดูไปซักพัก เราแทบจะแยกไม่ออกว่าใครเศร้าแบบไหน เพราะทุกคนเศร้าแบบเดียวกันหมด ความเป็นเอกเทศ (homogeneity) ในการแสดงนี้ทำให้หนังดูน่าเบื่อและขาด พลัง ที่จะดึงดูดผู้ดู
บทภาพยนตร์จาก Joe Anders ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ส่วนตัวของแม่ที่เสียชีวิตจากมะเร็ง แม้จะมาจากเหตุการณ์จริงที่น่าเศร้า แต่กลับไม่สามารถเติม จินตนาการ หรือความลึกซึ้งลงไปในเรื่องราวได้ Anders มองตัวละครเป็นแค่กระดาษแข็งที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับโลกภายนอก พวกเขาไม่มีความทรงจำ ไม่มีประวัติ และไม่มีประสบการณ์นอกเหนือจากสิ่งที่จำเป็นสำหรับพล็อต การจัดการกับ ความขัดแย้ง และดราม่าก็อ่อนแอมาก ความตึงเครียดระหว่าง Molly และ Julia รู้สึกเหมือนถูกใส่เข้ามาแค่เพื่อแก้ไขในตอนท้าย แรงจูงใจที่ทำให้พวกเธอเป็นศัตรูกันก็อ่อนแอและไม่น่าเชื่อ มันเหมือนกับการสร้างความขัดแย้งแบบ 101 ที่ใครๆ ก็ทำได้
ยกตัวอย่างฉากหนึ่งที่ Molly โมโหกับหมอเพราะเสียงคลิกของปากกา เธอตะโกนใส่หมอ แต่เราไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไร ฉากนี้ตลกหรือเปล่า? เสียงคลิกนั้นควรจะเพิ่มความตึงเครียดหรือเปล่า? แต่เราไม่ได้หัวเราะ และเราก็ไม่ได้รู้สึกโล่งใจเมื่อ Molly โมโห นี่คือปัญหาของการกำกับที่ขาดโทนที่มั่นใจ ทำให้ฉากต่างๆ ดูสั่นคลอนและจืดชืด และจังหวะก็รู้สึกซ้ำซากจนน่าเบื่อ
Goodbye June มาพร้อมกับ “รัศมีศักดิ์สิทธิ์” อยู่เบื้องหลังหัว เหมือนเป็นสัญญาณทางอารมณ์ที่บอกให้ผู้ดูยิ้มผ่านน้ำตา สำหรับการกำกับเรื่องแรก Winslet เลือกเส้นทางที่ง่ายที่สุดเข้าสู่ใจเรา แต่หนังที่จริงใจ น่าสมเพช และใจดีนี้กลับไม่ได้ทำให้น้ำตาไหลเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้เกิด ความดูถูก มากกว่า โปรเจ็กต์ส่วนตัวนี้ไม่มี บุคลิกภาพ ไม่มีเสียง และไม่มีหัวใจ มันเหมือนการ์ดอวยพรที่ใหญ่เกินไปที่ใครก็เขียนได้ แต่ไม่ได้มาจากหัวใจจริงๆ
แม้ว่า Winslet จะพยายามให้โอกาสกับทีมงานหน้าใหม่ เช่น Ben Harlan นักดนตรีที่ทำเพลงประกอบหนังเรื่องแรก, Alison Harvey ผู้ออกแบบฉาก และ Grace Clark ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย แต่ผลลัพธ์ก็ยังไม่สามารถยกระดับหนังให้ดีขึ้นได้ การถ่ายทำใช้เวลา 35 วัน ด้วยทีมงานขนาดเล็กและงบประมาณที่จำกัด ซึ่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หนังดูจืดชืดและขาด การผลิต ที่สมบูรณ์

Goodbye June (2025) เป็นหนังที่มีเจตนาดีและมาจากที่จริงใจ แต่ความจริงใจเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้หนังดี การกำกับของ Kate Winslet ในฐานะผู้กำกับหน้าใหม่ดูเล่นปลอดภัยเกินไป ขาดความกล้าที่จะสร้างเสียงของตัวเอง บทภาพยนตร์จาก Joe Anders ขาดจินตนาการและความลึกซึ้ง ทำให้ตัวละครเป็นเพียงกระดาษแข็งที่ไร้ชีวิตจิตใจ แม้จะมีนักแสดงชั้นนำอย่าง Helen Mirren, Toni Collette และ Andrea Riseborough แต่พวกเขาก็ไม่ได้แสดงศักยภาพเต็มที่ ถูกจำกัดให้แสดงอารมณ์เศร้าแบบเดียวซ้ำๆ หนังเรื่องนี้พยายามเล่นกับอารมณ์ของผู้ดู แต่กลับไม่สามารถสร้างน้ำตาได้จริงจัง สำหรับใครที่มองหาหนัง ครอบครัว ที่มีเนื้อหาลึกซึ้งและการแสดงที่ยอดเยี่ยม Goodbye June อาจจะทำให้ผิดหวัง แต่ถ้าต้องการดูหนังที่อบอุ่นและไม่ต้องคิดมาก มันก็พอรับได้ในวันที่เราอยากผ่อนคลาย แชร์ความคิดเห็นกันในคอมเมนต์ว่าหนังเรื่องนี้ทำให้รู้สึกอย่างไรบ้าง!
- ชื่อเรื่องในภาษาไทย: ลาก่อน จูน
- ชื่อเรื่องต้นฉบับ: Goodbye June
- ประเภท: ดราม่า, ครอบครัว
- วันที่ออกฉาย: 24 ธันวาคม 2568 (Netflix)
- นักแสดงนำ: Kate Winslet, Helen Mirren, Toni Collette, Andrea Riseborough, Johnny Flynn, Timothy Spall
- ผู้กำกับ: Kate Winslet
- ผู้เขียนบท: Joe Anders
- ความยาว: 1 ชั่วโมง 54 นาที
- เรตติ้ง IMDb: 6.8/10
- เรตติ้ง Rotten Tomatoes: 67%
- เรตติ้ง Metacritic: 54/100
- ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix
หนังอบอุ่นที่น่ารักแต่ธรรมดาเกินไป
บทภาพยนตร์ - 4.5
การแสดง - 6.5
โปรดักชัน - 5.5
ความบันเทิง - 5
ความคุ้มค่าในการรับชม - 4.8
5.3
Goodbye June เป็นหนังครอบครัวดราม่าที่กำกับโดย **Kate Winslet** ในฐานะผู้กำกับหน้าใหม่ และเขียนบทโดยลูกชายของเธอ **Joe Anders** เรื่องราวติดตามครอบครัวที่มารวมตัวกันเพื่ออยู่เคียงข้างแม่ **June** ซึ่งแสดงโดย **Helen Mirren** ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต แม้หนังจะมีนักแสดงมากฝีมืออย่าง Toni Collette, Andrea Riseborough และ Timothy Spall แต่กลับไม่สามารถดึงศักยภาพเต็มที่ของพวกเขาออกมาได้ การกำกับของ Winslet ดูจืดชืดและขาดความมั่นใจ ทำให้หนังรู้สึกเหมือนการ์ดอวยพรที่ใหญ่เกินไปมากกว่าหนังที่มีจิตวิญญาณ บทภาพยนตร์ขาดจินตนาการและตัวละครขาดมิติ ความขัดแย้งในครอบครัวถูกสร้างขึ้นแค่เพื่อแก้ไข ไม่ใช่เพื่อสะท้อนความจริงของชีวิต
![[รีวิว-เรื่องย่อ] ความลับแม่บ้านร้าย | The Housemaid (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-The-Housemaid-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] Man vs. Baby (2025) มิสเตอร์บีนกับภารกิจเลี้ยงเด็ก](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-Man-vs.-Baby-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] ภรรยานักล่า | The Hunting Wives (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-The-Hunting-Wives-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] เอมิลี่ในปารีส | Emily in Paris ซีซั่น 5](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-Emily-in-Paris-5.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] 10 แดนซ์ | 10DANCE (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-10DANCE-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] Wake Up Dead Man: A Knives Out Mystery (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-Wake-Up-Dead-Man-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] The Great Flood (2025) หายนะน้ำท่วมกรุงโซล](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-The-Great-Flood-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] อุบัติเหตุ | The Accident ซีซั่น 2](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-The-Accident-Season-2.webp)