
- It: Welcome To Derry ย้อนไปปี 1962 ก่อนเหตุการณ์ในหนังปี 2017 ถึง 27 ปี แสดงให้เห็นที่มาของปีศาจเพนนีไวสที่ตื่นขึ้นทุก 27 ปี
- การแสดงของเด็กๆ และผู้ใหญ่ในเมืองเดอร์รี่ ผสมผสานความสยองกับประเด็นสังคมอย่างความขัดแย้งทางเชื้อชาติและพิธีกรรมชนพื้นเมือง
- ซีรีส์ขยายตำนานจากนิยายของสตีเฟน คิง ด้วยเอฟเฟกต์ภาพสุดยอดและบรรยากาศอเมริกันยุค 60s ที่สมจริง
- ผู้กำกับแอนดี้ มูสเก็ตติ นำเสนอเรื่องราวที่ทั้งหลอนและมีสาระ ผูกโยงกับจักรวาลคิงเวิร์สอย่างลงตัว
เคยลองนึกภาพไหมว่าเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมน จะกลายเป็นสนามล่าของปีศาจตัวตลกที่กินความกลัวของเด็กๆ? It: Welcome To Derry (2025) ซีรีส์สุดหลอนจาก HBO ที่ดึงเรื่องราวจากนิยายดังของ สตีเฟน คิง (Stephen King) กลับไปยังปี 1962 ก่อนเหตุการณ์ในหนังปี 2017 ถึง 27 ปีเต็มๆ นั่นคือรอบเวลาที่เพนนีไวส ปีศาจตัวร้าย จะตื่นขึ้นมาหลอกหลอนอีกครั้ง ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ย้อนอดีต แต่ยังขุดลึกเข้าไปในความมืดมิดของเมืองเดอร์รี่ ที่เต็มไปด้วยความลับและความสยองที่ซ่อนอยู่ในท่อน้ำเสียและเงามืดของถนน
เรื่องราวเริ่มต้นด้วยบรรยากาศอเมริกันยุค 60s ที่ดูอบอุ่นแต่แฝงด้วยความตึงเครียด เด็กๆ ในเมืองเริ่มเจอเรื่องแปลกๆ อย่างเสียงกระซิบจากท่อน้ำ หรือภาพหลอนที่กลายเป็นฝันร้ายสุดชั่วร้าย ผู้สร้างอย่าง Andy Muschietti (แอนดี้ มูสเก็ตติ) ซึ่งเคยกำกับหนัง It สองภาค กลับมาพร้อมน้องสาวBarbara (บาร์บาร่า) และ Jason Fuchs (เจสัน ฟัคส์) เพื่อรังสรรค์พรีเควล 8 ตอนนี้ ที่ไม่เน้นแค่จัมป์สแกร์ แต่ยังเจาะลึกประเด็นสังคมอย่างความขัดแย้งทางเชื้อชาติในภาคใต้ และพิธีกรรมของชนพื้นเมือง ทำให้เรื่องราวมีมิติมากกว่าแค่สยองขวัญทั่วไป
บทความนี้จะพาเจาะลึกทุกมุมของ It: Welcome To Derry ตั้งแต่ตัวละครเด็กๆ ที่ต้องเผชิญฝันร้าย ไปจนถึงผู้ใหญ่ที่ถูกดึงเข้าไปในวงจรแห่งความกลัว และการเชื่อมโยงกับจักรวาลสตีเฟน คิง ที่แฟนๆ รอคอย มาดูกันว่าเพนนีไวสจะกลับมาหลอกหลอนอย่างไรในยุคที่โลกยังไม่รู้จักความสยองแบบนี้

รีวิวและเรื่องย่อ It: Welcome To Derry (2025)
It: Welcome To Derry เปิดเรื่องด้วยฉากที่ทำให้ขนลุกตั้งแต่ตอนแรก เด็กหนุ่มชื่อแมตตี้ (ไมล์ส เอคฮาร์ดต์) หนีออกจากโรงหนังท้องถิ่น แล้วถูกครอบครัวที่กำลังมุ่งหน้าไปพอร์ตแลนด์ช่วยเหลือ แต่แล้วแม่ที่กำลังท้องแก่ ก็เจอมากกว่าแค่อาการเจ็บท้องคลอดธรรมดา ฉากนี้ทั้งน่าขยะแขยงและถ่ายทำได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างความกลัวที่ติดตา สี่เดือนต่อมา แมตตี้หายตัวไป และปริศนาก็ยิ่งลึก เมื่อลิลลี่ (คลาร่า แสตนด์) ได้ยินคำว่า “ปัญหา” ดังมาจากท่อน้ำในห้องน้ำ ก่อนจะเจอจัมป์สแกร์ที่โหดร้ายอีกครั้ง
ซีรีส์เรื่องนี้ขยายตำนานจากนิยายของสตีเฟน คิง โดยโฟกัสที่เด็กๆ ในเมืองเดอร์รี่ที่เริ่มเห็นภาพหลอนจากความกลัวลึกๆ ในใจ เอฟเฟกต์ภาพที่ใช้สร้างฝันร้ายเหล่านี้ สุดยอดระดับโลก ทำให้รู้สึกเหมือนปีศาจกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ตัววิลล์ ฮานลอน (เบลค คาเมรอน เจมส์) เด็กใหม่ในเมือง ที่เคยพูดว่า “ปีศาจ? ผี? มันก็แค่เรื่องเพ้อฝัน” แต่ไม่นานเขาก็ต้องเปลี่ยนคำพูดนั้น เพราะวิลล์คือพ่อของไมค์ ฮานลอน จากหนังปี 2017 และยังมีคอนเน็กชันอร่อยๆ กับเรื่องอื่นในจักรวาลคิง เช่น เด็กที่ส่องประกายใน The Shining
ถึงแม้จะเล่าที่มาของเพนนีไวส ซึ่งเสี่ยงทำให้ความลึกลับในนิยายหายไป แต่แอนดี้ มูสเก็ตติ ซึ่งกำกับสองตอนแรก กลับขยายเรื่องให้กว้างขึ้นด้วยบริบทสังคม-การเมือง เช่น ความตึงเครียดทางเชื้อชาติในภาคใต้ลึก และสิทธิ์ที่ดินของชนพื้นเมือง รวมถึงการปกครองแบบมาเฟีย เรื่องราวมีโอกาสย้อนไปอีก 27 ปีก่อนหน้า ทำให้รู้สึกว่าประวัติศาสตร์ความสยองในเดอร์รี่ไม่มีวันจบ
ผู้ใหญ่ในเรื่องก็มีบทบาทสำคัญ ไม่ใช่แค่เด็กๆ ที่ขับเคลื่อนพล็อต พ่อแม่ของวิลล์อย่างลีรอย (โจวาน อาเดโป) นักบินทหาร และชาร์ล็อตต์ (เทย์เลอร์ เพจ) ก็ถูกดึงเข้าไปในความมืด มีดิ๊ก ฮัลโลแรนน์ (คริส ชอล์ค) ตัวละครที่แฟน The Shining รู้จักดี มาปรากฏตัว เพิ่มความเข้มข้นให้ซีรีส์กลายเป็นสยองขวัญระดับพรีสทีจที่ประณีต ถึงขั้นที่เห็นลูกโป่งสีแดงของเพนนีไวสครั้งแรก ก็ขนลุกไปทั้งตัว
บิล สการ์สการ์ด กลับมารับบทเพนนีไวส ปีศาจตัวตลกหัวโตฟันแหลมที่หลอกหลอนทุกคน ในฐานะผู้อำนวยการสร้างบริหารด้วย เขาถูกเก็บไว้ในตอนต้นๆ แต่เมื่อปรากฏ ก็ทำให้รู้สึกถึงความชั่วร้ายที่คืบคลาน ซีรีส์ 8 ตอนนี้ ไม่ใช่แค่หลอกตี แต่ยังวาดภาพอเมริกันทศวรรษ 1960 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผสมความน่ารักของชีวิตประจำวันเข้ากับความสยองที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นผิว
การแสดงของเด็กๆ โดดเด่น โดยเฉพาะไมล์ส เอคฮาร์ดต์ และคลาร่า แสตนด์ ที่ถ่ายทอดความไร้เดียงสาและความกลัวได้อย่างสมจริง ผู้ใหญ่ก็ไม่แพ้กัน โจวาน อาเดโป แสดงเป็นพ่อที่พยายามปกป้องลูกท่ามกลางความโกลาหลทางสังคม ขณะที่เทย์เลอร์ เพจ นำเสนอความเข้มแข็งของแม่ที่เผชิญวิกฤต คริส ชอล์ค ในบทฮัลโลแรนน์ เชื่อมโยงจักรวาลคิงได้อย่างแนบเนียน ทำให้แฟนๆ ตื่นเต้นกับอีสเตอร์เอ้กที่ซ่อนอยู่
เอฟเฟกต์ภาพและเสียงประกอบช่วยเสริมความหลอนให้ซีรีส์นี้ยิ่งใหญ่ ภาพหลอนจากความกลัวของเด็กๆ ถูกสร้างด้วยเทคนิคที่ทำให้รู้สึกอึดอัด เหมือนปีศาจกำลังหายใจรดต้นคอ เสียงจากท่อน้ำและเงามืดในคืนฝนตก สร้างบรรยากาศที่กดดัน ซีรีส์เรื่องนี้พิสูจน์ว่าสยองขวัญไม่ใช่แค่จัมป์สแกร์ แต่เป็นการสำรวจด้านมืดของมนุษย์และสังคม

It: Welcome To Derry ยังเจาะลึกธีมหลักจากนิยายของสตีเฟน คิง อย่างการที่เพนนีไวสกินความกลัวของเด็กทุก 27 ปี แต่ที่นี่ขยายไปถึงผู้ใหญ่ที่แบกรับบาดแผลจากสังคม เช่น การเหยียดเชื้อชาติและการสูญเสียที่ดินของชนพื้นเมือง เรื่องราวไม่หยุดอยู่แค่ความสยอง แต่ชวนคิดถึงว่าความชั่วร้ายในเมืองเล็กๆ มาจากไหน และมันจะวนเวียนอย่างไรในรอบเวลา
ซีรีส์นี้เปรียบเหมือนการขุดหลุมลงไปในอดีตของเดอร์รี่ ที่ยิ่งขุดยิ่งเจอซากศพและความลับที่เน่าเปื่อย มันทำให้ตั้งคำถามว่าถ้าเพนนีไวสคือภาพสะท้อนของความกลัวสังคม แล้วมนุษย์เราจะหนีพ้นได้จริงเหรอ? ด้วยการกำกับที่แม่นยำและบทที่เชื่อมโยงทุกชิ้นส่วน ซีรีส์กลายเป็นพรีเควลที่ทั้งหลอนและมีสาระ
สำหรับแฟนสยองขวัญที่รอคอยการกลับมาของ It ซีรีส์เรื่องนี้ตอบโจทย์เต็มๆ ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยม เอฟเฟกต์สุดอลัง และการขยายจักรวาลคิงที่ลงตัว มันชวนให้คิดทบทวนว่าความกลัวที่แท้จริงมาจากภายนอกหรือภายในใจกันแน่ ใครที่ชอบ Stranger Things หรือ The Shining ไม่ควรพลาด ลองดูแล้วมาแชร์ในคอมเมนต์ว่าชอบตอนไหนที่สุด หรือเพนนีไวสหลอนขนาดไหน และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ติดตามหนังสยองขวัญ!
สรุปแล้ว It: Welcome To Derry ไม่ใช่แค่พรีเควลธรรมดา แต่เป็นการย้อนเวลาไปสำรวจรากเหง้าของความสยองในเดอร์รี่ ที่ผสมผสานความหลอนส่วนตัวเข้ากับประเด็นสังคมทศวรรษ 1960 ได้อย่างลงตัว ซีรีส์ 8 ตอนนี้จะทำให้ขนลุกทุกครั้งที่เห็นลูกโป่งแดง และชวนคิดถึงว่าปีศาจอย่างเพนนีไวส สะท้อนอะไรในตัวเรา ลองเปิดดูบน HBO แล้วสัมผัสความกลัวที่แท้จริงดูสิ รับรองติดงอมแงม!
- ประเภท: สยองขวัญ, ดราม่า, ลึกลับ
- วันที่ออกฉาย: 26 ตุลาคม 2568
- นักแสดงนำ: บิล สการ์สการ์ด (Bill Skarsgård), โจวาน อาเดโป (Jovan Adepo), เทย์เลอร์ เพจ (Taylour Paige), คริส ชอล์ค (Chris Chalk), ไมล์ส เอคฮาร์ดต์ (Miles Ekhardt)
- ผู้กำกับ: แอนดี้ มูสเก็ตติ (Andy Muschietti)
- ความยาว: 8 ตอน
- เรตติ้ง IMDb: 8.1/10
- ช่องทางการดูในประเทศไทย: HBO Max
![[รีวิว-เรื่องย่อ] The Murky Stream (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/10/Review-The-Murky-Stream-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] ชีวิตในฝันของคุณคิม | The Dream Life of Mr. Kim (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/10/Review-The-Dream-Life-of-Mr.-Kim-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] มิสเตอร์ชินรับจบ | Shin's Project (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/10/Review-Shins-Project-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] คนไม่ใช่คน | Predator (1987)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/09/Review-Predator-1987.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] ห่าก้อม (2025) หนังผีจากตำนานปอบอีสาน](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/10/Review-The-darkness-of-the-soul.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] ยุทธศาสตร์ อำนาจ ล้างโลก | A House of Dynamite (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/10/Review-A-House-of-Dynamite-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] แม่ซื้อ | Host (2025) หนังสยองขวัญไทยสุดหลอน](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/10/Review-Host-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] ตู้ซ่อนผี | A Tale of Two Sisters (2003)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/09/Review-A-Tale-of-Two-Sisters-2003.webp)