[รีวิว-เรื่องย่อ] Last Summer (2025)

• Last Summer เป็นซีรีส์ดราม่าที่สร้างจากเรื่องราวชีวิตจริง สองพี่น้องฝาแฝดใช้เวลาร่วมกัน 21 วันทุกฤดูร้อน ก่อนเหตุการณ์ร้ายจะเปลี่ยนทุกอย่าง
• การแสดงของซงฮากยองในบทหญิงสาวที่ต้องเผชิญอดีต โดดเด่นด้วยความซับซ้อนทางอารมณ์ แสดงถึงการสูญเสียและการเยียวยาได้สมจริง
• ซีรีส์เจาะลึกธีมความสัมพันธ์ ความสูญเสีย และการกลับมาพบกันใหม่ ท่ามกลางฉากหลังเมืองปทานที่กดดันจิตใจ
• ผู้กำกับนำเสนอเรื่องราวที่ตึงเครียดแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ผสมผสานความลึกลับกับดราม่าครอบครัวได้อย่างลงตัว

เคยลองนึกภาพไหมว่า ฤดูร้อนที่เคยสดใส จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดที่ฝังลึกในใจ? Last Summer (2025) ซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้พาไปย้อนรอยชีวิตของสองพี่น้องฝาแฝด แบคโดฮาและแบคโดยอง ที่มีกฎเหล็กคือใช้เวลาร่วมกันแค่ 21 วันทุกปี แต่แล้วมิตรภาพกับเพื่อนบ้านสาวอย่างซงฮากยอง ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ จนเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งหนึ่งมาทำลายทุกอย่างให้พังทลาย เรื่องราวชวนให้คิดถึงความผูกพันที่หักเหลาได้ง่ายแค่ไหน เมื่ออดีตถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง

ซีรีส์เปิดฉากด้วยภาพเมืองปทานที่ดูสงบแต่แฝงความกดดัน ฮากยองเล่าถึงสถานที่ที่ค่อยๆ กลืนกินความเป็นมนุษย์ของเธอ ผ่านชีวิตกับเพื่อนบ้านที่เคยสนิท แต่พลิกผันหลังสูญเสียคนใกล้ชิด ในปัจจุบัน เธอทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สถาปัตย์ที่เก่งกาจในการแก้ปัญหา หลังช่วยเจ้านายจัดการฝูงชนคนชราที่โกรธแค้น เธอรีบไปขายบ้านเก่าที่เต็มไปด้วยความทรงจำขมขื่น แต่ปัญหาใหญ่กำลังรออยู่ เมื่อพบว่าตัวบ้านถูกโอนให้โดฮาไปแล้ว ทำให้ทุกอย่างยุ่งเหยิง

บทความนี้จะเจาะลึกทุกมุมของ Last Summer ตั้งแต่พล็อตที่ชวนติดงอมแงม การแสดงที่สะกดใจ ไปจนถึงข้อความที่สะท้อนชีวิตจริงของคนหนุ่มสาวในสังคมเกาหลีสมัยใหม่ มาดูกันว่า ซีรีส์เรื่องนี้จะพาไปสัมผัสกับความซับซ้อนของความสัมพันธ์และการเยียวยาจิตใจได้ยังไง โดยไม่ต้องสปอยล์มากเกินไป

รีวิวและเรื่องย่อ Last Summer

Last Summer เริ่มต้นด้วยการปูพื้นเรื่องที่เข้มข้น ผ่านสายตาของฮากยองที่กลับมาที่บ้านเก่าในเมืองปทาน สถานที่ที่เคยเป็นสวรรค์ฤดูร้อน แต่ตอนนี้กลายเป็นกรงขังแห่งความทรงจำ เธอพยายามขายบ้านเพื่อตัดขาดอดีต แต่การโอนกรรมสิทธิ์ให้โดฮา ทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง สองคนนี้มีประวัติร่วมกันที่ซับซ้อน ตั้งแต่สมัยเด็กที่โดฮาและพี่ชายฝาแฝดโดยอง ใช้เวลาว่างทุกฤดูร้อนกับเธอในฐานะเพื่อนสนิท แต่เหตุการณ์เศร้าครั้งหนึ่งได้เปลี่ยนมิตรภาพนั้นให้กลายเป็นบาดแผลที่ยังไม่หายสนิท

เรื่องราวดำเนินไปด้วยการปะทะคารมระหว่างฮากยองกับโดฮา ที่เต็มไปด้วยคำพูดประชดประชันและความเข้าใจผิดเก่าๆ โดฮาปฏิเสธขายบ้านเด็ดขาด และยังขัดขวางแผนรื้อกำแพงของเธอที่อาจก่อให้เกิดน้ำท่วม ชาวบ้านหลายคนถอนตัวเพราะกลัว แต่ฮากยองไม่ยอมแพ้ เธอพิสูจน์ตัวเองด้วยการรื้อกำแพงบ้านตัวเอง ซึ่งนำไปสู่ความวุ่นวายที่ใหญ่กว่า สุดท้าย โดฮาต้องยอมรับว่าเขาจะไม่ขายบ้านไม่ว่ายังไง ทำให้เธอขู่ฟ้องร้อง แต่ลึกๆ แล้ว คำถามที่เขาโยนใส่เธอคืน “ยังเกลียดกันขนาดนั้นเลยเหรอ” ทำให้ฮากยองนิ่งเงียบ เพราะความทรงจำฤดูร้อนทุกปีที่เขาเข้ามาในชีวิต กำลังไหลกลับมาอย่างไม่อาจหยุดยั้ง

ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ดราม่าธรรมดา แต่เปรียบเหมือนคลื่นยักษ์ที่ซัดเข้าฝั่งทีละน้อย เริ่มจากความขัดแย้งเล็กๆ แต่ค่อยๆ เผยปมลึกซึ้งเกี่ยวกับครอบครัวและการสูญเสีย ถึงตอนนี้ยังเห็นแค่ตอนแรก แต่กลิ่นอายความลึกลับจาก “คนตายในอดีต” ทำให้อยากติดตามต่อว่าพี่น้องฝาแฝดจะมีบทบาทยังไง และฮากยองจะเยียวยาตัวเองจากความเจ็บปวดได้หรือไม่

ตัวละครหลักอย่างฮากยอง ถ่ายทอดโดยนักแสดงสาวหน้าใหม่ที่ชื่อนี้ยังไม่ดังมาก แต่การแสดงของเธอโดดเด่นสุดๆ ในฐานะหญิงสาวที่แข็งแกร่งแต่เปราะบาง เธอเก่งเรื่องแก้ปัญหาที่ทำงาน แต่พอเจอเรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะโดฮา กลับกลายเป็นคนอ่อนไหวที่ซ่อนความเจ็บไว้ใต้รอยยิ้ม ฉากที่เธอยืนมองบ้านเก่า คิดถึงฤดูร้อนเก่าๆ ทำให้รู้สึกอินตาม เหมือนกำลังดูเพื่อนสนิทของตัวเองเผชิญวิกฤตชีวิตจริงๆ

ส่วนโดฮา รับบทโดยนักแสดงหนุ่มที่ถนัดดราม่าครอบครัว เขาเป็นตัวแทนของผู้ชายที่เย็นชาแต่ลึกๆ แล้วเต็มไปด้วยความรับผิดชอบต่ออดีต การบวกคารมกับฮากยองไม่ใช่แค่ทะเลาะธรรมดา แต่สะท้อนปมระหว่างสองพี่น้องฝาแฝดที่ยังคลุมเครือ โดยองพี่ชายที่หายไปจากเรื่องราวปัจจุบัน ยังเป็นปริศนาที่ชวนให้คิดว่าทำไมสองคนนี้ถึงต้องแยกกันอยู่แต่กลับมารวมกันทุกฤดูร้อน การแสดงของเขาทำให้ผู้ชมสงสัยว่า ความเกลียดชังที่ฮากยองมี จริงๆ แล้วคือความรักที่บิดเบี้ยวหรือเปล่า

การแสดงสมทบจากตัวละครชาวบ้านและเจ้านายของฮากยอง ช่วยเสริมมิติให้เรื่องดูสมจริงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะฉากจัดการฝูงชนคนชราที่โกรธเรื่องน้ำท่วม แสดงให้เห็นว่าปทานไม่ใช่แค่ฉากหลัง แต่เป็นตัวละครที่กดดันจิตใจทุกคน ซีรีส์ใช้การแฟลชแบ็คแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้การแสดงของนักแสดงดูมีชั้นเชิง ไม่รีบร้อนแต่ชวนให้อยากรู้ต่อ

Last Summer เจาะลึกธีมความสัมพันธ์ที่หักเหลาได้ง่าย โดยใช้ฤดูร้อนเป็นสัญลักษณ์ของช่วงเวลาที่สั้นแต่ทรงพลัง เหมือนดอกไม้ที่บานสวยแต่เหี่ยวเฉาเร็ว เรื่องราวตั้งคำถามว่า เมื่ออดีตกลับมา ความผูกพันเก่าจะเยียวยาหรือทำร้ายมากกว่าเดิม โดยเฉพาะในสังคมเกาหลีที่เน้นครอบครัวแต่เต็มไปด้วยแรงกดดันจากงานและชุมชน เมืองปทานที่ดูน่าอยู่ แต่จริงๆ แล้วกลืนกินความเป็นมนุษย์ เปรียบได้กับชีวิตวัยรุ่นที่ต้องเลือกระหว่างความทรงจำกับอนาคต

นอกจากนี้ ซีรีส์ยังสำรวจการสูญเสียที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นคนละคน หลังเหตุการณ์ร้ายในอดีต ฮากยองกลายเป็นคนเก่งแต่โดดเดี่ยว ขณะที่โดฮาเลือกเก็บงำความรู้สึกไว้ มันชวนคิดถึงชีวิตจริงที่หลายคนเคยเจอ เมื่อเพื่อนสนิทกลายเป็นคนแปลกหน้าเพราะบาดแผลเก่า การนำเสนอแบบนี้ไม่ตีแผ่ตรงๆ แต่ใช้บทสนทนาและภาพย้อนอดีต ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับตัวเอง

โดยรวม ธีมเหล่านี้ผสมผสานกับความลึกลับจากปมพี่น้องฝาแฝด ทำให้ Last Summer ไม่ใช่แค่ซีรีส์ดูเพลิน แต่เป็นกระจกสะท้อนสังคมที่ชวนให้ทบทวน ถ้าชอบดราม่าแบบ ENA ที่เน้นอารมณ์ลึก เรื่องนี้ตอบโจทย์แน่นอน โดยเฉพาะตอนแรกที่ปูเรื่องได้ตึงเครียดแต่ไม่น่าเบื่อ

Last Summer (2025) คือซีรีส์ที่ทำให้ฤดูร้อนในใจไม่ใช่แค่ความสนุก แต่เป็นบทเรียนชีวิตที่ขมขื่นแต่เต็มไปด้วยความหวัง เรื่องราวของสองพี่น้องและเพื่อนบ้านสาว เผยให้เห็นว่าความสัมพันธ์มนุษย์เปราะบางแค่ไหน เมื่ออดีตถูกขุดขึ้นมา แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ชี้ทางให้เยียวยาได้ ถ้าพร้อมเผชิญหน้า ซีรีส์เรื่องนี้ย้ำว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่สถานที่อย่างปทาน แต่ที่ธรรมชาติของใจคน ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังเก่าและความรักที่ซ่อนไว้

สำหรับแฟนดราม่าเกาหลีที่ชอบเรื่องซับซ้อนทางอารมณ์ อย่าพลาด Last Summer เลย ลองดูตอนแรกแล้วจะติดงอมแงม ใครที่เคยมีบาดแผลจากมิตรภาพเก่าๆ เรื่องนี้จะช่วยให้คิดทบทวนและก้าวต่อไปได้ มาแชร์ในคอมเมนต์ว่าตอนแรกทำให้คิดถึงฤดูร้อนไหนบ้าง หรือพล็อตพี่น้องฝาแฝดจะไปทางไหน และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่หลงรักซีรีส์เกาหลีแนวนี้ เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสความซึ้งด้วยกัน!

• ประเภท: ดราม่า, ครอบครัว, ลึกลับ
• วันที่ออกฉาย: 15 กุมภาพันธ์ 2568
• นักแสดงนำ: Lee Jae Wook, Choi Sung Eun, Kim Gun Woo
• ผู้กำกับ: Min Yeon Hong
• ความยาว: 12 ตอน
• ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix