รีวิวซีรีส์เกาหลี

[รีวิว-เรื่องย่อ] Made in Korea (2025)

  • Made in Korea เป็นซีรีส์ภาคต่อจักรวาลเดียวกับหนัง The Drug King (2018) กำกับโดย อู มินโฮ ฉายบน Disney+ ทั้งหมด 6 ตอน
  • การแสดงของ ฮยอนบิน ในบท แบคกีแท สายลับ KCIA สุดเฉลียวฉลาด และ จองอูซอง ในบทอัยการ จางกอนยอง ที่มุ่งมั่นในความถูกต้อง เป็นจุดเด่นของเรื่อง
  • ซีรีส์เจาะลึกประเด็นอำนาจรัฐ การค้ายาเสพติด และการเมืองมืดของเกาหลีใต้ในยุค 1970s ได้อย่างเข้มข้น
  • โปรดักชั่นระดับหนังฟอร์มยักษ์ ทั้งฉากจี้เครื่องบินและการสืบสวนที่ลุ้นระทึกตั้งแต่ตอนแรก

เคยสงสัยไหมว่าเบื้องหลังความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของ เกาหลีใต้ ในยุค 1970s ซ่อนความมืดมิดอะไรไว้บ้าง? ซีรีส์ Made in Korea (2025) จาก Disney+ พาเราเจาะลึกเข้าไปในโลกแห่งอำนาจ ความทะเยอทะยาน และการค้ายาเสพติดที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลอย่างแนบเนียน ผลงานของผู้กำกับ อู มินโฮ ที่สร้างจักรวาลต่อเนื่องจากหนังดังอย่าง The Drug King (2018) พร้อมด้วยนักแสดงระดับแถวหน้าอย่าง ฮยอนบิน และ จองอูซอง ที่มาประชันบทบาทกันอย่างดุเดือด ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้แค่เล่าเรื่องอาชญากรรม แต่ยังตั้งคำถามสำคัญว่า เมื่อรัฐเองเป็นผู้กำหนดว่าอะไรถูกอะไรผิด แล้วใครกันแน่ที่เป็นคนดี?

Made in Korea หรือชื่อเกาหลี 메이드 인 코리아 เป็นซีรีส์แนวระทึกขวัญย้อนยุคที่เปิดตัวบน Disney+ ทั้งหมด 6 ตอน เขียนบทโดย พัคอึนกโย และกำกับโดย อู มินโฮ ผู้สร้างจักรวาลต่อเนื่องจากหนัง The Drug King ที่เคยทำเงินถล่มทลายในปี 2018 ซีรีส์รวมทัพนักแสดงชั้นนำของเกาหลี ไม่ว่าจะเป็น ฮยอนบิน ในบท แบคกีแท และ จองอูซอง ในบทอัยการ จางกอนยอง รวมถึงนักแสดงสมทบฝีมือดีอย่าง วอนจีอัน ซออึนซู โจยอจอง จองซองอิล อูโดฮวาน และ โนแจวอน ที่ต่างมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องราว

เรื่องราวถูกวางอยู่ในบรรยากาศการเมืองที่ผันผวนของเกาหลีใต้ยุคทศวรรษ 1970 และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า อำนาจรัฐ โลกใต้ดิน และความทะเยอทะยานส่วนบุคคลนั้น แท้จริงแล้วแยกออกจากกันไม่ได้เลย ใน 2 ตอนแรกของ Made in Korea พาเราไปสู่จุดที่ไม่มีสถาบันใดบริสุทธิ์ และไม่มีตัวละครไหนไร้มลทิน เรื่องราวเริ่มต้นจากวิกฤตการณ์ระหว่างประเทศ แต่ไม่นานก็เปิดเผยว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเกมที่ใหญ่กว่าและน่ากังวลมากกว่าที่คิด

Made in Korea (2025) #1

ตอนที่ 1 ของ Made in Korea เปิดฉากในปี 1970 ด้วยเหตุการณ์ เครื่องบินพาณิชย์ถูกจี้ โดยกลุ่มฝ่ายซ้ายหัวรุนแรงชาวญี่ปุ่นที่ต้องการเปลี่ยนเส้นทางไปเกาหลีเหนือเพื่อประกาศการปฏิวัติ ขณะที่เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นกำลังหารือเรื่องนี้อย่างสงบ นักบินผู้มากประสบการณ์อย่าง กัปตันฮอนดะ ก็พยายามซื้อเวลาด้วยการอ้างว่าน้ำมันเกือบหมดและลงจอดที่ฟุกุโอกะโดยทำท่าว่าจะเติมน้ำมัน

ในบรรดาผู้โดยสารมีชายคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า เคนจิ ซึ่งสังเกตเห็นว่ากลุ่มผู้จี้เครื่องบินมีความแตกแยกกันเอง เขาจึงฉวยโอกาสและพยายามบงการสถานการณ์ด้วยการโต้แย้งว่าการฆ่าตัวประกันจะทำลายอุดมการณ์ของพวกเขาเอง เขาถึงกับเสนอกระเป๋าเอกสารลึกลับของตัวเองที่แท้จริงแล้วบรรจุ ยาบ้าเมทแอมเฟตามีน เป็นข้อต่อรองเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองจากเกาหลีเหนือ แผนได้ผล ผู้หญิง เด็ก และผู้สูงอายุถูกปล่อยตัว และเครื่องบินก็บินขึ้นอีกครั้ง

วิกฤตทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเกาหลีใต้แอบแทรกแซงโดยปลอมตัวเป็นเกาหลีเหนือเพื่อเปลี่ยนเส้นทางเครื่องบินไปยังสนามบินกิมโป การหลอกลวงเกือบล้มเหลวเมื่อผู้จี้ที่ช่างสังเกตสังเกตเห็นความผิดปกติ แต่เคนจิก็สามารถซื้อเวลาได้อีกครั้ง เมื่อเครื่องบินใช้การไม่ได้เพราะเครื่องยนต์ขัดข้อง เคนจิจึงเล่นไพ่ใบสุดท้าย นั่นคือ ปืนของกลุ่มผู้จี้เป็นของปลอม เขาจัดการทุกคนและสังหารหัวหน้าก่อนจะก้าวลงจากเครื่องบินโดยยังคงรักษาตัวตนที่แท้จริงไว้ได้

ฉากสุดท้ายของตอนเปิดเผยความจริงว่า เคนจิ คือ แบคกีแท หัวหน้าหน่วยข่าวกรอง KCIA ระดับสูง และทั้งหมดเป็นการวางแผนอันซับซ้อนเพื่อผลักดันกฎหมายความปลอดภัยการบินระดับโลกที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการระยะยาวของเขา ขณะเดียวกัน อัยการ จางกอนยอง กำลังสืบสวนเครือข่ายลักลอบค้ายาบ้าที่เชื่อมโยงกับยากูซ่า โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังก้าวเข้าไปในอาณาเขตของกีแท ตอนที่ 1 จบลงด้วยการตระหนักรู้อันสยองขวัญว่า ตัว รัฐบาลเอง อาจเป็นผู้ดำเนินการค้ายาเสพติด

ตอนที่ 2 เน้นไปที่การสืบสวนของ กอนยอง เกี่ยวกับคู่รักหนุ่มสาวที่ถูกฆาตกรรมซึ่งเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติด การค้นหาของเขาพาไปพบกับทหารอเมริกันที่ได้รับความคุ้มครองจากการดำเนินคดี แต่คนหนึ่งก็บังเอิญเปิดเผยว่าจะมีการประชุมสำคัญในวันถัดไป กอนยองจึงวางแผนดักจับในร้านกาแฟโดยให้อัยการสาวมือใหม่ โอเยจิน แสดงบทเหยื่อ ซึ่งนำพวกเขาไปพบกับ คังแดอิล รองหัวหน้าแก๊งมันแจโดยตรง

ภายใต้แรงกดดัน แดอิลสารภาพว่าลักลอบค้ายาลับหลังเจ้านาย การพักรบที่ไม่สบายใจถูกสร้างขึ้น ขณะเดียวกัน กีแทเฝ้าดูอยู่เงียบๆ เข้าร่วมงานศพแม่และพยายามกลับไปติดต่อกับพี่น้องที่ห่างเหินโดยเฉพาะน้องชายที่ปฏิเสธความช่วยเหลือ ซึ่งบ่งบอกถึงรอยร้าวที่ลึกกว่าในครอบครัว

ตอนจบลงด้วยการเผชิญหน้าอันตึงเครียดในโรงแรมที่ทีมอัยการและเจ้าหน้าที่ KCIA มาบรรจบกันในการซื้อขายกับยากูซ่า ในช่วงเวลาที่โหดเหี้ยม หัวหน้าของกีแทสั่งประหารมันแจทันทีเพราะเขาก้าวข้ามเส้น แดอิลรอดมาได้เพียงเพราะกีแทเห็นว่าเขายังมีประโยชน์ ในตอนท้ายของตอนที่ 2 กอนยองค้นพบ อุปกรณ์ดักฟังที่ซ่อนอยู่ และตระหนักว่าเขาถูกเล่นตลอดเวลา เส้นแบ่งสงครามถูกขีดขึ้นอย่างชัดเจน

Made in Korea (2025) #2

ฮยอนบิน คือศูนย์กลางความสนใจในบท แบคกีแท เขาถ่ายทอดความเป็นชายผู้ควบคุมตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบแต่มีเสน่ห์ดึงดูด ภายใต้ความมีเสน่ห์ซ่อนบางสิ่งที่น่าวิตกกังวล กีแทไม่ใช่ตัวละครที่บ้าคลั่งหรือดัง จุดแข็งของเขาอยู่ที่ความอดทนและความสามารถในการมองการณ์ไกล การแสดงของฮยอนบินแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากบทบาทใน ปักหมุดรักฉุกเฉิน (Crash Landing on You) ที่แฟนซีรีส์รู้จักกันดี คราวนี้เขาพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถรับบทตัวร้ายที่ซับซ้อนได้อย่างน่าทึ่ง

ในทางตรงกันข้าม จองอูซอง รับบท กอนยอง ด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้ทางศีลธรรมที่เห็นได้ชัด ท่าทางและความโกรธที่ถูกกดไว้บ่งบอกว่านี่คือชายที่เคยเห็นความผิดมามากและใกล้จะสูญเสียความซื่อสัตย์ของตัวเอง ทำให้การพบกันครั้งสุดท้ายระหว่างเขากับกีแทน่าสนใจยิ่งขึ้น การแสดงของจองอูซองเติมเต็มความเป็นขั้วตรงข้ามกับฮยอนบินได้อย่างลงตัว สร้างความตึงเครียดที่รู้สึกได้ตลอดทั้งเรื่อง

ซีรีส์เรื่องนี้ชวนให้นึกถึงอดีตได้อย่างดี แต่ขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงความหรูหราทางภาพที่มักพบในละครย้อนยุคทั่วไป ฉากและอุปกรณ์ประกอบถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน พาผู้ชมไปสู่เกาหลีใต้ยุค 1970s โดยไม่ต้องพึ่งความฟุ่มเฟือยของละครย้อนยุคปกติ การถ่ายภาพใช้แนวทางที่เรียบง่ายแทนการใช้การปรับสีที่ฉูดฉาด ซึ่งช่วยให้เรื่องราวรู้สึกเป็นจริงมากขึ้น นี่เป็นจุดเด่นที่ทำให้ Made in Korea มีน้ำหนักและความเข้มข้นที่เหมาะสมกับธีมการเมืองในเรื่อง

แง่มุมที่น่าประทับใจที่สุดของซีรีส์คือการเล่าเรื่องเกี่ยวกับ สถาบันที่ทำลายตัวเอง ผ่านการกระทำของตัวเอง ทีมงานที่ประสานงานกันอย่างสมบูรณ์แบบของกีแทตัดกันอย่างชัดเจนกับทีมอัยการที่ถูกบ่อนทำลายภายใต้การควบคุมของกอนยอง เผยให้เห็นศูนย์กลางที่แท้จริงของอำนาจ นอกจากนี้ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับน้องชายของกีแทยังเพิ่มความซับซ้อนทางอารมณ์และอาจมีผลกระทบส่วนตัวที่อาจทำลายอาณาจักรที่เขาสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน

Made in Korea (2025) #3

จังหวะ น้ำเสียง และภาษาภาพของตอนที่ 1 และ 2 ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างผลกระทบแบบหนัง โดยเฉพาะตอนแรกที่ให้ความรู้สึกเหมือนหนังเต็มเรื่อง ทุกการเคลื่อนไหว ทุกคำพูด และทุกความเงียบที่ตั้งใจต่างแช่ผู้ชมในบรรยากาศของความไม่สบายใจที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่ 2 ลดจังหวะลงเล็กน้อย แต่เป็นการชะลอที่ดีขึ้นไม่ใช่แย่ลง เพราะทำให้ตัวละครมีความลึกและชี้แจงเดิมพันทางการเมืองได้ชัดเจนขึ้น

ซีรีส์ได้วางรากฐานความขัดแย้งทางจริยธรรมอย่างชัดเจนด้วยคำถามว่า ใครมีสิทธิ์ตัดสินว่าอะไรถูกต้องเมื่อรัฐบาลเองก็ คอร์รัปชั่น Made in Korea ไม่ได้แค่เล่าเรื่องอาชญากรรม แต่ยังเจาะลึกไปถึงรากเหง้าของปัญหาว่าอำนาจสามารถบิดเบือนความยุติธรรมได้อย่างไร หากใครชื่นชอบ ซีรีส์แนวสืบสวน หรือ ซีรีส์ระทึกขวัญ Made in Korea คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด

จนถึงตอนนี้ Made in Korea ได้มอบการเปิดตัวที่แข็งแกร่งมากแล้ว เมื่อตัวละครเปลี่ยนข้างและความปรารถนาขัดแย้งกัน ความคาดหวังต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็สูงลิบ หากซีรีส์สามารถรักษาระดับความแม่นยำและความเข้มข้นที่มีอยู่แล้วได้ ตอนที่เหลือจะนำเสนอการเจาะลึกอำนาจ การทรยศ และราคาของความทะเยอทะยานอย่างไร้ความปราณีอย่างแน่นอน มาแชร์ความคิดเห็นกันในคอมเมนต์ว่าซีรีส์เรื่องนี้ทำให้รู้สึกอย่างไรกับธีมการเมืองและอำนาจ อย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชื่นชอบซีรีส์แนวระทึกขวัญสุดเข้มข้น!

ชื่อเรื่องเกาหลี 메이드 인 코리아
ประเภท ระทึกขวัญ, ดราม่า, อาชญากรรม
วันที่เข้าฉาย 25 ธันวาคม 2568
นักแสดงนำ ฮยอนบิน (Hyun Bin), จองอูซอง (Jung Woo-sung), วอนจีอัน (Won Ji-an), ซออึนซู (Seo Eun-soo), โจยอจอง (Cho Yeo-jung), จองซองอิล (Jung Sung-il), อูโดฮวาน (Woo Do-hwan), โนแจวอน (Roh Jae-won)
ผู้กำกับ อู มินโฮ (Woo Min-ho)
ผู้เขียนบท พัคอึนกโย (Park Eun-kyo)
จำนวนตอน 6 ตอน
ช่องทางการดูในประเทศไทย Disney+

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button