![[รีวิว-เรื่องย่อ] มาลิซ : อาฆาตมาดร้าย | Malice (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-Malice-2025-Prime-Video.webp)
- Malice เป็นซีรีส์ระทึกขวัญจิตวิทยา 6 ตอนจาก Prime Video ที่สร้างโดย James Wood นำแสดงโดย Jack Whitehall, David Duchovny และ Carice van Houten
- Jack Whitehall แสดงได้โดดเด่นในบท Adam หนุ่มพี่เลี้ยงที่มีเสน่ห์แฝงเล่ห์กลไก แตกต่างจากบทตลกที่เคยทำมา
- ซีรีส์นำเสนอธีมการแก้แค้นและการจัดการที่ซับซ้อน แต่ขาดมุมมองที่ชัดเจนและตัวละครที่ดึงดูดให้เชียร์
- โดยรวมเป็นซีรีส์ที่ดูได้แต่ไม่โดดเด่นพอ เหมาะกับคนที่ชอบดูแบบไม่ต้องคิดมาก
เคยไหมที่เชิญคนแปลกหน้าเข้าบ้าน แล้วกลับกลายเป็นว่าเขามีแผนร้ายซ่อนอยู่? ซีรีส์ Malice (2025) จาก Prime Video พาเราไปสัมผัสกับความน่ากลัวของการไว้วางใจคนผิด ผ่านเรื่องราวของ Adam Healey (แสดงโดย Jack Whitehall) หนุ่มพี่เลี้ยงเจ้าเสน่ห์ที่แฝงตัวเข้าไปในบ้านของครอบครัว Tanner ผู้มั่งคั่ง โดยมี Jamie Tanner (David Duchovny) และ Nat Tanner (Carice van Houten) เป็นเป้าหมายสำคัญ
จากนักแสดงตลกที่เราคุ้นเคยในบทสนุกสนาน Jack Whitehall กลับมาในบทบาทที่มืดมนและน่าขนลุกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซีรีส์เรื่องนี้สร้างโดย James Wood ผู้สร้างซีรีส์ชื่อดังอย่าง Rev และถ่ายทำทั้งใน ลอนดอน และเกาะ Paros ประเทศกรีซ ด้วยฉากที่สวยงามแต่แฝงไปด้วยความระทึกใจ ซีรีส์นี้ถูกปล่อยออกมาทั้ง 6 ตอนพร้อมกันบน Prime Video เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2025
ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกทุกแง่มุมของซีรีส์ ตั้งแต่การแสดงที่โดดเด่น ไปจนถึงข้อดีข้อเสียที่ทำให้ Malice เป็นซีรีส์ที่น่าสนใจแต่อาจจะยังไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยม มาดูกันว่าซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้เราสะท้อนคิดเกี่ยวกับการไว้วางใจผู้อื่นได้อย่างไร

รีวิวและเรื่องย่อ Malice (มาลิซ : อาฆาตมาดร้าย)
Malice เล่าเรื่องของ Adam Healey หนุ่มผู้มีเสน่ห์ที่ทำงานเป็นติวเตอร์ให้กับครอบครัวของ Jules (Christine Adams) และ Damien (Raza Jaffrey) แต่แล้วเขากลับหันมาสนใจ Nat Tanner ภรรยาของ Jamie มากขึ้นเรื่อยๆ ในการพบกันครั้งแรก Nat ชมกระเป๋าของ Adam และมองเขาด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความสนใจ ซึ่ง Jamie สามีของเธอเห็นแล้วก็ไม่พอใจอย่างชัดเจน ความอิจฉาของ Jamie เป็นปฏิกิริยาที่เข้าใจได้สำหรับผู้ชายที่ไม่อยากให้ใครมาจีบภรรยา
แต่แล้วเรื่องราวก็เริ่มพลิกผันเมื่อ Adam ได้มีโอกาสแทรกตัวเข้าไปในบ้านของครอบครัว Tanner หลังจากพี่เลี้ยงคนเดิมป่วยหนัก เขาเริ่มใช้เล่ห์กลต่างๆ เพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่าง Jamie และ Nat ตั้งแต่การใช้เสียงแทรกแซงช่วงเวลาส่วนตัวของพวกเขา ไปจนถึงการเปิดเครื่องปั่นกลางงานปาร์ตี้เพื่อทำลายบรรยากาศโรแมนติก ฉากแรกของซีรีส์แสดงให้เห็นงูเลื้อยในทะเลทราย แล้วมันก็ตกลงไปในสระว่ายน้ำของครอบครัว Tanner หลังจากนั้นไม่นาน Adam ก็ปรากฏตัว ซึ่งเป็นการบอกใบ้อย่างชัดเจนว่าเขาคือ “งู” หรือ “หนู” หรือ “จิ้งจอก” ที่แฝงตัวเข้ามา
สิ่งที่น่าสนใจคือซีรีส์ใช้สัญลักษณ์สัตว์เหล่านี้เพื่อบอกถึงตัวตนที่แท้จริงของ Adam นอกจากนี้ยังมีการใช้ชื่อ RemoteRAT ซึ่งเป็นมัลแวร์แฮ็กที่ Adam ใช้เข้าถึงคอมพิวเตอร์ ซึ่งสื่อถึงความเป็นหนูที่แทรกซึมเข้าไปในชีวิตส่วนตัวของครอบครัว Tanner อย่างไม่หยุดยั้ง Jack Whitehall ดูจะสนุกสนานกับบทนี้มาก เราเห็นได้ว่าเขาเพลิดเพลินกับการทำสิ่งชั่วร้ายในขณะที่ยังคงมีเสน่ห์ที่น่ารำคาญ ฉากที่ Adam ใช้เสียงเพื่อบุกรุกช่วงเวลาส่วนตัวทำให้ผู้ชมรู้สึกอึดอัดและหงุดหงิด ซึ่งก็คือสิ่งที่ซีรีส์ต้องการสื่อ
การเล่าเรื่องของซีรีส์นี้อาจจะดูเหมือนว่าจะมีความสนุกในบางช่วง เช่น ฉากที่ Adam ใส่ศพลงในกระโปรงรถ แต่โดยรวมแล้วซีรีส์ขาดความน่าสนใจที่จะทำให้ผู้ชมติดตามจริงจัง ปัญหาใหญ่อยู่ที่การขาดมุมมองที่ชัดเจน ซีรีส์ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกผูกพันกับตัวละครใดๆ เลย ไม่มีใครที่เราอยากเชียร์ และก็ไม่มีใครที่ทำให้เรากลัวจริงจัง สำหรับผู้กำกับ James Wood ดูเหมือนว่าเขาจะมองว่า Adam เป็นแค่ไซโคที่มาทำลายครอบครัว และครอบครัว Tanner ก็เป็นแค่เหยื่อของ Adam เท่านั้น ซีรีส์ทำงานบนสูตรที่บางเกินไป และแทรกคำอธิบายเหตุผลเหมือนเชิงอรรถ ทำให้แรงจูงใจของ Adam ไม่ได้สำคัญมากนัก เขาไม่ต่างจากมอนสเตอร์มิติเดียวในหนังสแลชเชอร์ทั่วไป
แม้จะมีฉากที่น่าสนใจอยู่บ้าง แต่ก็เป็นแค่การหันเหความสนใจชั่วคราวจากความจืดชืดโดยรวม มีภาพหนึ่งที่น่าประทับใจคือฉากที่ Jamie ดูเหมือนสุนัขที่เมาแล้ว และ Adam ดูเหมือนเจ้าของมัน แต่เมื่อพิจารณาว่าฉากอื่นๆ ไม่ค่อยมีความน่าสนใจทางภาพเลย ภาพนี้จึงดูโดดเดี่ยว เนื่องจาก Jamie และ Nat เป็นคนรวย Wood อาจจะรู้สึกว่าต้องใส่ความคิดเห็นเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน (ไม่มีใครจากครอบครัว Tanner อาสาไปรับพี่เลี้ยงคนเดิมจากโรงพยาบาล แม้ว่าพวกเขาจะชมเชยเธอมากมาย) แต่มันก็เป็นแค่ความคิดที่ยังไม่สุกงอม
Jack Whitehall ในบท Adam Healey เป็นจุดเด่นที่ดีที่สุดของซีรีส์เรื่องนี้ เขาแสดงได้อย่างเพลิดเพลินในฐานะคนร้ายที่มีเสน่ห์และชั่วร้าย ต่างจากบทตลกที่เขาเคยทำมาตลอด การแสดงของเขาในบทนี้แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถทำบทที่มืดมนและซับซ้อนได้ดี ฉากที่เขาพยายามบุกรุกช่วงเวลาส่วนตัวของครอบครัว Tanner ด้วยเสียงและการกระทำต่างๆ ทำให้ผู้ชมรู้สึกหงุดหงิดและอึดอัดไปด้วย ซึ่งก็คือสิ่งที่ตัวละครต้องการสื่อ Whitehall ทำให้ใบหน้าของเขากลายเป็นกระสอบทรายที่พร้อมจะโดนชกได้ทุกเมื่อ และเขาก็สนุกกับมันอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Whitehall จะแสดงได้ดี แต่ตัวละคร Adam ก็ยังขาดมิติที่ทำให้เขาน่ากลัวจริงจัง เขาดูเหมือนเป็นแค่ไซโคที่มาทำร้ายครอบครัว โดยไม่มีแรงจูงใจที่ชัดเจนหรือน่าสนใจพอ ทำให้ผู้ชมไม่ค่อยสนใจว่าเขาจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว การเล่าเรื่องที่บางเกินไปทำให้ตัวละครของเขาดูเหมือนมอนสเตอร์มิติเดียวในหนังสแลชเชอร์มากกว่าตัวละครที่ซับซ้อนในซีรีส์จิตวิทยาระทึกขวัญ
David Duchovny ในบท Jamie Tanner แสดงได้ดีในฐานะสามีที่อิจฉาและพยายามปกป้องครอบครัว แต่ตัวละครของเขาก็ยังขาดความน่าสนใจที่จะทำให้ผู้ชมเชียร์ เขาดูเหมือนเป็นแค่เหยื่อของ Adam โดยไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ฉากที่เขาถาม นางบารอนเนส ว่า “ช่วยส่งเนื้อที่ขโมยมาให้หน่อยได้ไหม” ในงานเลี้ยงอาหารค่ำแสดงให้เห็นถึงความหิวโหยและความหมดหวัง แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันกับเขา Duchovny ที่เคยเป็นที่รู้จักจากบท Fox Mulder ใน The X-Files และ Hank Moody ใน Californication แสดงให้เห็นว่าเขายังคงมีความสามารถในการแสดงบทที่ซับซ้อน แต่ในซีรีส์นี้ บทของเขาดูเหมือนจะถูกจำกัดโดยการเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยน่าสนใจ
Carice van Houten ในบท Nat Tanner เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่มีชื่อเสียงจากบท Melisandre ใน Game of Thrones แต่ในซีรีส์นี้ ตัวละครของเธอดูเหมือนจะมีบทบาทไม่มากนัก เธอแสดงได้ดีในฐานะภรรยาที่ถูก Adam จีบ และมีความรู้สึกสับสนเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับสามี แต่ตัวละครของเธอก็ยังขาดมิติที่จะทำให้เราอยากรู้ว่าเธอจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป ความสวยงามของ van Houten เป็นจุดเด่นที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และเธอก็แสดงออกมาได้ดี แต่บทบาทของเธอในซีรีส์นี้ดูจำกัดเกินไป
นักแสดงสมทบอย่าง Christine Adams และ Raza Jaffrey ในบท Jules และ Damien ก็แสดงได้ดี แต่พวกเขาก็เป็นแค่ตัวละครรองที่ไม่ได้มีบทบาทมากนักในเรื่อง โดยรวมแล้ว การแสดงของนักแสดงทุกคนในซีรีส์นี้ก็โอเคทีเดียว แต่ปัญหาอยู่ที่บทและการเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยน่าสนใจ ทำให้พวกเขาไม่สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้เต็มที่

ปัญหาหลักของ Malice คือการขาดมุมมองที่ชัดเจน และความรู้สึกที่ผูกพันกับตัวละคร ไม่มีตัวละครใดๆ ที่ทำให้เราอยากเชียร์ หรือทำให้เรากลัวจริงจัง ตัวอย่างเช่น ในซีรีส์อย่าง Amsterdam Empire เราก็ไม่ได้รู้สึกผูกพันกับใครเช่นกัน แต่ซีรีส์นั้นปล่อยให้เราเพลิดเพลินกับการดูตัวละครที่เป็นคนเลวทรมานกัน พวกเขาสมควรได้รับการลงโทษทั้งหมด แต่ใน Malice แม้ว่าทุกคนจะมีข้อบกพร่องในแบบของตัวเอง เราก็ไม่สนใจว่าพวกเขาจะรอดหรือตายในตอนจบ พวกเขาดูห่างไกลจากเรามาก
สำหรับผู้กำกับ James Wood Adam เป็นแค่ไซโคที่มาทำลายครอบครัว และครอบครัว Tanner ก็เป็นแค่เหยื่อของเขา ซีรีส์ทำงานบนสูตรที่บางเกินไปนี้ และแทรกคำอธิบายเหตุผลเหมือนเชิงอรรถ ทำให้แรงจูงใจของ Adam ไม่ได้สำคัญอะไรมาก เขาไม่ต่างจากมอนสเตอร์มิติเดียวในหนังสแลชเชอร์ ซีรีส์มีฉากที่น่าสนใจอยู่บ้าง เช่น ฉากที่ Adam ใส่ศพลงในกระโปรงรถ แต่พวกมันก็เป็นแค่การหันเหความสนใจชั่วคราวจากความจืดชืดโดยรวม
มีภาพหนึ่งที่น่าประทับใจคือฉากที่ Jamie ดูเหมือนสุนัขที่เมาแล้ว และ Adam ดูเหมือนเจ้าของมัน แต่เมื่อพิจารณาว่าฉากอื่นๆ ไม่ค่อยมีความน่าสนใจทางภาพเลย ภาพนี้จึงดูโดดเดี่ยวและไม่เชื่อมโยงกับอะไร เนื่องจาก Jamie และ Nat เป็นคนรวย Wood อาจจะรู้สึกว่าต้องใส่ความคิดเห็นเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน แต่มันก็เป็นแค่ความคิดที่ยังไม่สุกงอมและไม่น่าสนใจ ผู้ชมคงสงสัยว่ากลุ่มเป้าหมายของ Malice คือใคร? นี่คือคำถามที่เกิดขึ้นในที่สุด ซีรีส์นี้ยุ่งเหยิง แต่ไม่ได้น่าติดตาม
จุดหมายปลายทางก็ไม่คุ้มค่ากับการเดินทาง (ซีรีส์จบด้วยสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นตอนจบแบบเปิด แม้ว่าก็เป็นไปได้ว่า Wood ต้องการเปิดทางสำหรับซีซันที่สอง) อย่างน้อย van Houten ก็ยังดูดี และ Whitehall ก็สนุกกับบทนี้ เราจึงอาจจะบอกได้ว่ากลุ่มเป้าหมายของซีรีส์นี้คือนักแสดงเอง ที่สามารถชื่นชมความสวยงามของตัวเองหรือการแสดงของตัวเอง (สิ่งที่ดีที่สุดที่ผู้ชมทำได้คือชื่นชมทิวทัศน์ แต่แม้ในด้านนั้น วิดีโอใน YouTube ก็ยังชนะ) Malice ในแง่นี้ สามารถมองได้ว่าเป็นโปรเจ็กต์ที่สะท้อนตัวเอง มันเป็นแบบปิด พอใจในตัวเอง และลืมง่าย

ถ้าเปรียบเทียบกับซีรีส์ระทึกขวัญอื่นๆ บน Prime Video ที่มีคุณภาพสูง Malice อาจจะไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่ถ้าชอบดู Jack Whitehall ในบทที่แตกต่างจากเดิม หรือชอบ David Duchovny และ Carice van Houten ก็อาจจะลองดูได้ ซีรีส์นี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความบันเทิงแบบไม่ต้องคิดมาก เหมือนกับที่หลายคนมองหาซีรีส์จิตวิทยาระทึกขวัญแบบ The Better Sister ที่ดูเพลินๆ แต่ไม่ได้ฝากข้อคิดอะไรมากมาย
ทว่า ถ้าคาดหวังเรื่องราวที่ลึกซึ้ง ตัวละครที่ซับซ้อน หรือพล็อตที่น่าติดตาม Malice อาจจะทำให้ผิดหวัง ซีรีส์นี้มีปัญหาเรื่องการเล่าเรื่องที่บางเกินไป ตัวละครที่ไม่มีมิติ และขาดจุดยืนที่ชัดเจน ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลที่จะลงทุนทางอารมณ์กับตัวละครใดๆ โดยรวมแล้ว Malice เป็นซีรีส์ที่ดูได้แต่ไม่ได้โดดเด่นพอที่จะแนะนำให้เป็นซีรีส์ที่ต้องดู มันเหมาะกับการดูในวันที่ไม่มีอะไรทำและต้องการความบันเทิงเบาๆ แบบไม่ต้องคิดมาก
สำหรับคนที่ชอบซีรีส์แนว psychological thriller ที่มีเนื้อหาลึกซึ้งและตัวละครที่น่าสนใจ อาจจะต้องมองหาทางเลือกอื่น แต่ถ้าแค่อยากเห็น Jack Whitehall ในบทที่แปลกใหม่ หรืออยากชมความสวยของทิวทัศน์กรีซและลอนดอน ก็ลองเปิดดูได้ไม่เสียหาย อย่าลืมแชร์ความคิดเห็นในคอมเมนต์ว่าใครดูซีรีส์นี้แล้วรู้สึกอย่างไร และคิดว่า Adam มีแรงจูงใจที่แท้จริงคืออะไร!
- ชื่อเรื่องในภาษาไทย: มาลิซ : อาฆาตมาดร้าย
- ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ: Malice
- ประเภท: จิตวิทยา, ระทึกขวัญ, ดราม่า
- จำนวนตอน: 6 ตอน (Limited Series)
- วันที่ออกฉาย: 14 พฤศจิกายน 2025
- นักแสดงนำ: Jack Whitehall (Adam Healey), David Duchovny (Jamie Tanner), Carice van Houten (Nat Tanner), Christine Adams (Jules), Raza Jaffrey (Damien)
- ผู้สร้าง/ผู้เขียนบท: James Wood
- ผู้กำกับ: Mike Barker, Leonora Lonsdale
- ช่องทางการดูในประเทศไทย: Prime Video
![[รีวิว-เรื่องย่อ] หากโลกของฉันไม่มีตะวันให้เห็น | Had I Not Seen the Sun (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-Had-I-Not-Seen-the-Sun-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] ศึกซามูไรผู้พิชิต | Last Samurai Standing (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-Last-Samurai-Standing-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] ตี๋ใหญ่ ฤกษ์ดาวโจร (2025) มิตรภาพ โจร และชีวิต](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-Tee-Yai-Born-To-Be-Bad.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] ชิน ก๊อตซิลล่า | Shin Godzilla (2016)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/09/Review-Shin-Godzilla-2016.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] จุ๊บระเบิดใจ | Dynamite Kiss (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-Dynamite-Kiss-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] อย่าเรียกฉันว่าคุณป้า | Don't Call Me Ma'am (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-Dont-Call-Me-Maam-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] อสูรร้ายในใจเรา | The Beast in Me (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-The-Beast-in-Me-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] เดอะ รันนิ่ง แมน | The Running Man (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-The-Running-Man-2025.webp)