[รีวิว-เรื่องย่อ] No Mercy (2025)

• No Mercy สร้างจากปัญหาโทรจี๊บจริงในสังคมเกาหลีใต้ เน้นการหลอกลวงที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมครอบครัว
• อีจูยอง รับบทนางเอกที่ใช้ทักษะตำรวจและนักแสดงต่อสู้กับอาชญากร โดดเด่นด้วยความเข้มข้นทางอารมณ์
• ซีรีส์สำรวจธีมความยุติธรรมและผลกระทบของการหลอกลวงดิจิทัล สร้างความตึงเครียดตั้งแต่ตอนแรก
• จีซึงฮยอน รับบทวายร้ายที่ขโมยซีน ด้วยสไตล์การแสดงที่สนุกและน่าจดจำ

เคยลองนึกภาพไหมว่าการโทรหลอกลวงที่ได้ยินกันบ่อยๆ ในข่าว จะกลายเป็นฝันร้ายที่ทำลายครอบครัวทั้งครอบในชั่วพริบตา? No Mercy (2025) ซีรีส์จากช่อง Waave พาไปเจาะลึกด้านมืดของโทรจี๊บที่เอาเปรียบคนไร้เดียงสา โดยเฉพาะเหล่าคนหางานรุ่นใหม่ที่ตกเป็นเหยื่อง่ายๆ เรื่องราวเริ่มจากสาวที่เคยฝึกเป็นตำรวจแต่หันมาเป็นนักแสดง กลับต้องเผชิญกับคดีจริงที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวตัวเอง สร้างความเข้มข้นแบบไม่ต้องรอตอนต่อไป

นี่คือการผสมผสานระหว่างทักษะตำรวจกับการแสดงที่ต้องใช้จริงจัง เพื่อตามล่าความยุติธรรมในโลกที่เต็มไปด้วยการหลอกลวงทางเสียง ซีรีส์ชิ้นนี้ไม่ใช่แค่เล่าเรื่องอาชญากรรมธรรมดา แต่สะท้อนปัญหาสังคมเกาหลีที่โทรจี๊บกำลังระบาดหนัก ด้วยการนำเสนอที่รวดเร็วและชวนลุ้น ใครที่ชอบแนวระทึกขวัญแบบสมจริง เรื่องนี้ตอบโจทย์แน่นอน โดยเฉพาะการแสดงของ อีจูยอง ที่ทำให้ตัวละครน่าติดตามตั้งแต่ฉากแรก

บทความนี้จะพาไปไล่ตามเรื่องย่อแบบละเอียด ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของตัวละครหลัก ไปจนถึงจุดพลิกผันที่ชวนสะเทือนใจ และรีวิวจุดเด่นจุดด้อยที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้แตกต่าง มาดูกันว่า No Mercy จะพาไปสัมผัสความน่ากลัวของการหลอกลวงได้ลึกซึ้งแค่ไหนในฤดูกาลแรก

รีวิวและเรื่องย่อ No Mercy

No Mercy เปิดเรื่องด้วยฉากบนดาดฟ้าที่สาวนักแสดงกำลังซ้อมบทละครดราม่าอย่างเมามัน นั่นคือ ฮา โซมิน รับบทโดย อีจูยอง สาวที่เคยฝึกตำรวจแต่ล้มเหลวในการสอบเข้าจึงหันมาเอาดีทางแสดง ชีวิตเธอตอนนี้ลำบากหนัก ต้องรับบทรองๆ ไปเรื่อยๆ และโดนแม่คอยบ่นตลอดว่าควรหางานมั่นคงกว่านี้ แต่โซมินยังมีความหวังกับบทนำครั้งแรกในละครเวทีเรื่องใหม่ แม้ผู้กำกับจะมีชื่อเสียงเรื่องโกงนักแสดง สัญญาบทดีๆ แต่จ่ายเงินล่าช้าหรือไม่จ่ายเลย

ระหว่างซ้อม โซมินได้รับมอบหมายให้ไปรับอุปกรณ์ละครจากร้านอิเล็กทรอนิกส์ แต่พอรู้ว่าผู้กำกับยังไม่ยอมจ่ายค่าตัว เธอเลยตัดสินใจยึดของไว้ขายเอาเงินเอง สไตล์โซมินชัดเจนตั้งแต่ต้นว่าไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบง่ายๆ แม้แต่เจ้าของร้านที่พยายามหลอกลูกค้าซื้อบริการเพิ่ม เธอยังเข้าไปช่วยเตือนให้จ่ายแค่ที่จำเป็น ฉากนี้แสดงให้เห็นนิสัยเข้มแข็งของเธอที่พร้อมปกป้องทั้งตัวเองและคนอื่นๆ ในสังคมที่เต็มไปด้วยการโกง

หลังจากนั้น โซมินเอาเชิญบัตรละครสองใบไปให้พ่อแม่ พ่อของเธอเป็นคนน่ารัก สนับสนุนลูกสาวเต็มที่ สัญญาว่าจะลากแม่มาดูให้ได้ ขณะที่สถานีตำรวจ เราพบกับ นักสืบปาร์ค จองฮุน รับบทโดย กูจุนฮเว กำลังจับกุมแก๊งโทรจี๊บที่หลอกเด็กจบใหม่หางาน จองฮุนเป็นตำรวจหนุ่มไฟแรง เกลียดการที่อาชญากรรอดพ้นกฎหมาย แต่หัวหน้าบอกว่าหัวหน้าแก๊ง อิลซอง ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยกู้ผิดกฎหมาย กำลังมาเกาหลีเพื่อดีลยา แต่มีเส้นสายนักการเมืองแข็งแกร่ง เลยสั่งห้ามไล่ล่า

จองฮุนไม่ยอมแพ้ ไปตั้งด่านตรวจกลางถนนหวังจับหัวหน้าแก๊ง มา ซอกกู รับบทโดย จีซึงฮยอน ซึ่งกำลังมุ่งตรงมาพอดี ด้านพ่อของโซมินมาถึงโรงละครแล้ว โทรชวนแม่ให้รีบมาด้วยช่อดอก คาเมลเลีย ที่เธอเลือกอย่างละเมียด แต่ซอกกูที่กำลังหนีตำรวจตื่นตระหนก โยนคนขับรถทิ้งแล้วขับหนีเอง จองฮุนไล่ตามแต่ติดอุบัติเหตุจราจร ซอกกูพุ่งเข้าซอยเปลี่ยวและชนแม่ของโซมินเต็มๆ

ซอกกูลงจากรถด้วยความหงุดหงิด ลากร่างแม่โซมินไปไว้ข้างทาง พบว่าเธอยังมีชีวิต ครางถึงลูกสาว ซอกกูยิ้มกริ่ม คิดว่าเสียงของเธอเหมาะกับการโทรจี๊บสุดๆ เลยลากยัดใส่ท้ายรถหนีไป ละครของโซมินจบลงด้วยความสำเร็จ พ่อเชียร์ลั่น แต่เธอผิดหวังที่แม่ไม่มา โดยไม่รู้ว่าซอกกูพาแม่ไปที่เรือหนีภัย แม่ที่แทบหมดสติพยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือทางโทรศัพท์ แต่โดนจับได้

ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ แม่หายตัวไป โซมินกับพ่อสิ้นหวัง เธอไปสถานีตำรวจถามคดี พบจองฮุนที่จำเธอได้จากสถาบันฝึกตำรวจ ทั้งคู่คุยกันนิดหน่อย จองฮุนเลยสัญญาช่วยสืบ พ่อโซมินที่อยู่คนเดียวได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แม่ แต่เป็นซอกกูปลอมเสียงแม่หลอกให้เชื่อว่าต้องช่วยเธอ ซอกกูเรียกเงินก้อนโตเพื่อแลกตัวภรรยา พ่อตื่นตระหนก รีบไปธนาคารโอนเงินให้ทันที

พอโทรมาอีก ซอกกูใช้เสียงปลอมเยาะเย้ยว่าทุกอย่างเป็นเรื่องหลอกลวง ตอนนี้ซอกกูไม่เพียงได้เงินออมทั้งหมดของพ่อ แต่ยังมีข้อมูลพอเซ็นสัญญากู้ยืมเพียบ พ่อมองข้อความแจ้งเตือนสัญญากู้ที่ถาโถมเข้ามาด้วยความสยอง จองฮุนเริ่มต่อจุด พบว่าแม่หายตรงจุดที่ซอกกูขับผ่าน มีกลีบดอกคาเมลเลียหลงเหลือ (แม้เวลาผ่านไปนาน แต่ก็ยังชัดเจน) พอโซมินรับโทรจาก “แม่” จองฮุนเตือนว่าน่าจะปลอม ทั้งคู่รีบกลับบ้านพ่อแม่ แต่พ่อไม่อยู่ มีแต่โทรศัพท์กับแจ้งเตือนสัญญากู้

ทั้งสองรีบออกไปข้างนอก พบฝูงชนมองขึ้นอาคาร โซมินเงยหน้าขึ้นร้องไห้ พ่อยืนอยู่ขอบระเบียง จองฮุนรีบวิ่งขึ้นไปห้ามแต่สายเกิน พ่อมองว่างเปล่า บอกขอโทษที่ทำลายทุกอย่าง แล้วกระโดดลงมา ฉากนี้ชวนสะเทือนใจ แต่เรื่องดำเนินเร็วเกินไป จากการแนะนำตัวละครสู่โศกนาฏกรรมโดยไม่ให้เวลาผู้อ่านผูกพันกับความสัมพันธ์ในครอบครัว ทำให้จุดจบขาดพลัง

ด้านการแสดง จีซึงฮยอน ในบทซอกกูขโมยซีนจริงๆ เขาเล่นแบบการ์ตูนนิดๆ แต่สนุกและดูเพลิน ทำให้วายร้ายน่าจดจำ อีจูยอง รับบทโซมินได้น่าติดตาม โดยเฉพาะการผสมทักษะตำรวจกับนักแสดงที่จะได้เห็นในตอนต่อๆ ไป จองฮุนของ กูจุนฮเว แสดงความมุ่งมั่นได้ดี แต่ตอนแรกยังไม่ลึกพอ ซีรีส์นี้แม้ตอนนำจะช้าและน่าเบื่อบ้าง ยกเว้นฉากของซึงฮยอน แต่ศักยภาพในการลุ้นระทึกยังมีเพียบ โดยเฉพาะเมื่อตัวละครหลักปะทะกัน

ผู้กำกับนำเสนอปัญหาโทรจี๊บที่กำลังรุนแรงในเกาหลีใต้ ด้วยการใช้เทคนิคเสียงที่สมจริง ชวนให้คิดถึงภัยในชีวิตจริง เรื่องราวไม่ใช่แค่ไล่ล่าอาชญากร แต่เจาะลึกผลกระทบทางจิตใจต่อครอบครัวและสังคม ด้วยฉากถ่ายทำที่ตึงเครียด เช่น การไล่ล่าบนถนนยามค่ำคืน หรือการโทรหลอกที่ทำให้ขนลุก ซีรีส์ชิ้นนี้เหมาะกับวัยรุ่นที่ชอบเนื้อหาเข้มข้น สะท้อนโลกดิจิทัลที่อันตรายซ่อนอยู่ทุกมุม

ซีรีส์ No Mercy โดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างอาชญากรรมจริงกับดราม่าครอบครัว ทำให้ผู้ชมรู้สึกใกล้ชิดและกลัวไปพร้อมกัน ธีมหลักคือการหลอกลวงทางเสียงที่ไม่ใช่แค่ขโมยเงิน แต่ขโมยชีวิตและความไว้วางใจ เหมือนกับงูพิษที่ซ่อนในเงามืด รอจังหวะกัดเหยื่อ โซมินตัวเอกที่เคยเป็นตำรวจฝึกหัด ต้องใช้ทั้งความรู้กฎหมายและการแสดงปลอมตัว เพื่อเจาะเข้าไปในแก๊งโทรจี๊บที่ซับซ้อน

นอกจากนี้ การแสดงของนักแสดงนำยังเป็นจุดขายใหญ่ อีจูยอง ถ่ายทอดความเข้มแข็งของโซมินได้น่าประทับใจ โดยเฉพาะฉากที่เธอต้องรับมือกับความสูญเสียแบบกะทันหัน ทำให้เห็นว่ามนุษย์ธรรมดาสามารถลุกขึ้นสู้ได้อย่างไร จองฮุนของกูจุนฮเว เพิ่มมิติให้ตำรวจหนุ่มที่ไม่ยอมแพ้ต่อระบบ แต่ซอกกูของจีซึงฮยอนคือดาวเด่นจริงๆ ด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายที่ชวนให้เกลียดแต่ขำไปด้วย การนำเสนอวายร้ายแบบนี้ทำให้เรื่องไม่น่าเบื่อ แม้พล็อตจะเร่งรีบในตอนแรก

ข้อคิดที่ซีรีส์สื่อคือ ในยุคที่โทรศัพท์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อย่าประมาทกับสายเรียกเข้าแปลกๆ มันอาจนำไปสู่หายนะที่คาดไม่ถึง เหมือนกับที่ครอบครัวของโซมินต้องเจอ เรื่องนี้ชวนให้คิดถึงปัญหาสังคมเกาหลีที่โทรจี๊บทำลายชีวิตคนนับล้าน และเตือนใจให้ระวังภัยออนไลน์ให้มากขึ้น ด้วยการเล่าเรื่องที่ลื่นไหลและฉากแอ็คชั่นเบาๆ ผสมดราม่า No Mercy จึงเป็นซีรีส์ที่ทั้งสนุกและมีสาระ

No Mercy (2025) คือซีรีส์ระทึกขวัญที่พาเจาะลึกอันตรายของโทรจี๊บได้อย่างน่าติดตาม แม้ตอนแรกจะเร็วและช้าเกินไปบ้าง แต่ศักยภาพในการสร้างความลุ้นระทึกมีแน่นอน โดยเฉพาะการแสดงที่โดดเด่นและธีมสังคมที่ใกล้ตัว เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าความยุติธรรมต้องแลกมาด้วยการต่อสู้ทั้งกายและใจ และเตือนว่าการหลอกลวงไม่ได้หยุดแค่เงิน แต่ทำลายชีวิตทั้งหมด

สำหรับวัยรุ่นชาวเน็ตที่ชอบดูซีรีส์เกาหลีแนวอาชญากรรม ลองเปิดดู No Mercy สิ มันจะทำให้คิดทบทวนพฤติกรรมออนไลน์ตัวเอง และชวนคุยกับเพื่อนๆ เกี่ยวกับภัยโทรจี๊บที่เกิดขึ้นจริง แชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนดูกันเถอะ หรือมาคอมเมนต์บอกว่าคิดยังไงกับตอนแรกที่ชวนสะเทือนใจแบบนี้ อย่าลืมติดตามตอนต่อไปเพื่อเห็นโซมินลุกขึ้นสู้!

• ประเภท: ระทึกขวัญ, ดราม่า, อาชญากรรม
• วันที่ออกฉาย: 24 กันยายน 2568
• นักแสดงนำ: อีจูยอง (Lee Joo-young), กูจุนฮเว (Gu Jun-hoe), จีซึงฮยอน (Ji Seung-hyun)
• ผู้กำกับ: ชเวฮยองจุน
• ความยาว: 8 ตอน
• เรตติ้ง MyDramaList: 7.2/10
• ช่องทางการดูในประเทศไทย: True Visions