![[รีวิว-เรื่องย่อ] โอ้วอทฟัน: คริสต์มาสนี้ แม่ล่ะเพลีย | Oh. What. Fun. (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-Oh.-What.-Fun.-2025.webp)
- Oh What Fun เป็นหนังคอมเมดี้คริสต์มาสที่เล่าเรื่องแม่ถูกครอบครัวลืมในทริปที่เธอวางแผนเอง จึงออกเดินทางหาความสุขด้วยตัวเอง
- การเขียนบทขาดความลึกซึ้งและทำให้ตัวละครแม่กลายเป็นคนบ้าๆ ที่น่าสงสารมากกว่าน่าขำ
- มิชเชลล์ ไฟเฟอร์ ถูกใช้ศักยภาพไม่เต็มที่และกลายเป็นตัวตลกในทางที่ผิด
- จุดอ่อนใหญ่คือการใช้โทรศัพท์มือถือสามารถแก้ปัญหาได้ทันที ทำให้เรื่องราวดูไม่สมเหตุสมผลในยุค 2025
เคยรู้สึกไหมว่าทุกปีในเทศกาลคริสต์มาส มีคนบางคนที่ต้องทำงานหนักกว่าใครเพื่อให้ทุกอย่างราบรื่นและสมบูรณ์แบบ? บ่อยครั้งคนคนนั้นคือแม่ที่ต้องวางแผน เตรียมของขวัญ ทำอาหาร และคอยดูแลทุกคน แต่สุดท้ายกลับไม่มีใครสังเกตเห็นความพยายามของเธอเลย หนัง Oh. What. Fun. (2025) พยายามจะเล่าเรื่องราวนี้ผ่านตัวละครแคลร์ แม่ที่ทำงานหนักและถูกมองข้าม จนกระทั่งครอบครัวลืมเธอในทริปที่เธอวางแผนเองมาอย่างดี
แต่น่าเสียดายที่หนังเรื่องนี้ไม่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าจะสะเทือนใจนี้ออกมาได้ดี แทนที่จะได้รับหนังคอมเมดี้คริสต์มาสที่อบอุ่นและสนุกสนาน เรากลับได้หนังที่ทำให้รู้สึกหดหู่และน่าสงสารมากกว่า บทภาพยนตร์ทำให้แคลร์กลายเป็นคนบ้าๆ ที่ขับรถจากเท็กซัสไปฮอลลีวู้ดเพื่อเข้าร่วมรายการทอล์คโชว์ ความพยายามสร้างความตลกกลับกลายเป็นเรื่องน่าอึดอัดใจ และที่แย่ที่สุดคือเราต้องมาดู Michelle Pfeiffer นักแสดงชั้นเซเลบถูกใช้ในทางที่ผิด
ในบทความนี้ เราจะมาวิเคราะห์ว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงพลาดโอกาสในการเป็นเรื่องราวที่มีความหมาย และกลายเป็นหนังคอมเมดี้คริสต์มาสที่น่าผิดหวังอีกเรื่องหนึ่งแทน พร้อมทั้งเจาะลึกถึงปัญหาของบทภาพยนตร์และการแสดงที่สูญเปล่า มาดูกันว่าทำไม Oh. What. Fun. ถึงไม่สนุกเลยแม้แต่นิดเดียว
รีวิวและเรื่องย่อ Oh. What. Fun. (โอ้วอทฟัน)
Oh. What. Fun. เล่าเรื่องราวของแคลร์ แม่ที่ทำงานหนักและไม่เคยได้รับความชื่นชมจากครอบครัว ทุกปีในเทศกาลคริสต์มาส เธอเป็นคนที่ต้องดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่การวางแผนทริป การเตรียมอาหาร ไปจนถึงการซื้อของขวัญให้ทุกคนในครอบครัว แต่แล้วในปีนี้ สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น ครอบครัวของเธอลืมเธอในทริปที่เธอวางแผนมาอย่างพิถีพิถัน พวกเขาออกเดินทางไปโดยไม่มีเธอ ทิ้งให้เธออยู่คนเดียวที่บ้าน
แทนที่จะนั่งรอและโทษตัวเองเหมือนเควิน แมคคัลลิสเตอร์ในหนัง Home Alone แคลร์ตัดสินใจออกเดินทางเพื่อค้นหาความสุขและความหมายของคริสต์มาสด้วยตัวเอง เธอขับรถจากเท็กซัสไปฮอลลีวู้ดเพื่อเข้าร่วมรายการทอล์คโชว์เรียลลิตี้ ระหว่างทาง เธอต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย แต่น่าเสียดายที่การเดินทางของเธอกลับดูคาดเดาได้และไม่มีอะไรน่าสนใจเลย เหมือนกับแม่ที่ถูกมองข้ามตลอดชีวิตกำลังพยายามทำอะไรสักอย่างเพื่อความสนใจ
จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของหนังเรื่องนี้คือการเขียนบทที่ขาดความลึกซึ้งและความละเอียดอ่อน หนังพยายามสร้างบรรยากาศเทศกาลแต่กลับทำให้รู้สึกหดหู่มากกว่า การดูแคลร์ถูกผลักไสและมองข้ามแบบนี้ทำให้รู้สึกหดหู่และน่ารำคาญ และสิ่งที่แย่ที่สุดคือเราอาจรู้สึกเข้าใจตัวละครนี้ในบางแง่มุม ซึ่งทำให้สถานการณ์ดูน่าเศร้ายิ่งกว่าเดิม ตอนจบที่หนังพยายามจะบิดเรื่องกลับรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า ความพยายามที่จะทำให้เราเข้าใจว่านี่คือหนังคริสต์มาสดูน่าสมเพชและน่ารำคาญ โดยเฉพาะเมื่อหนังคาดหวังให้เราตัดสินมันไม่เข้มงวดเพราะเป็นหนังเทศกาล
สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูไม่สมเหตุสมผลในปี 2025 คือการที่มีโทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว ไม่เหมือน Home Alone ที่เควินเป็นเด็กและไม่มีมือถือ ผู้หญิงที่โตเต็มที่สามารถโทรหาครอบครัวได้ทันทีถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ แม้ว่าเราจะเข้าใจว่าแคลร์อาจไม่อยากติดต่อครอบครัวเพราะรู้สึกโกรธ แต่มันก็ไม่สร้างความตึงเครียดได้เท่ากับเด็กที่ถูกลืมจริงๆ ที่บ้าน จุดนี้ทำให้ทั้งเรื่องดูไร้สาระและขาดเหตุผล
หัวข้อของหนังเรื่องนี้จริงๆ แล้วสำคัญมากเพราะอย่างที่บอกไปแล้ว หลายคนคงเคยรู้สึกเหมือนแคลร์บ้างถ้าเคยเป็นคนจัดงานหรือดูแลครอบครัว บ่อยครั้งแม่ถูกลืมและความพยายามของเธอไม่ได้รับการชื่นชม ทั้งๆ ที่เธอทำงานหนักเพื่อทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับทุกคน แต่น่าเสียดายที่หนังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากหัวข้อนี้ได้อย่างเต็มที่ แทนที่จะเป็นหนังดราม่าคอมเมดี้ที่สะเทือนใจ มันกลับเลือกเส้นทางของตลกแบบบูมเมอร์ที่ไม่ตลกเลย
ความพยายามสร้างความตลกในหนังเรื่องนี้แย่มากและน่าอับอายขายหน้า เราจบลงด้วยความรู้สึกเศร้าใจกับหนังที่มีความคิดดีแต่เลือกทางที่ผิด ถ้าหนังเลือกทำเป็นเรื่องจริงจังและสำรวจความรู้สึกของแม่ที่ถูกมองข้ามอย่างจริงจัง มันคงจะกลายเป็นหนังที่มีคุณค่ามากกว่านี้ แต่ด้วยการเลือกทำเป็นคอมเมดี้ที่ตลกไม่ตลก มันจึงสูญเสียโอกาสทั้งหมดไป
ในตอนท้าย ความรู้สึกของคริสต์มาสสูญหายไปสำหรับคนดูที่คาดหวังว่านี่จะเป็นอะไรมากกว่าหนังที่เฉลี่ยต่ำกว่ามาตรฐานอีกเรื่อง หนังพยายามบอกเราว่ามันคือหนังคริสต์มาส แต่กลับไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นหรือมีความหมายเลย แทนที่จะได้ดูการเปลี่ยนแปลงของตัวละครที่มีความหมาย เราได้ดูเรื่องราวที่คาดเดาได้และน่าหดหู่
สิ่งเดียวที่ดีของหนังเรื่องนี้คือ Michelle Pfeiffer ที่แสดงได้ดีมากแม้บทจะไม่ดี เธอเป็นนักแสดงที่มีความสามารถสูงและมีประสบการณ์มากมาย แต่ในหนังเรื่องนี้ เธอถูกใช้ไม่เต็มศักยภาพและถูกทำให้กลายเป็นตัวตลกในทางที่ไม่ถูกต้อง เธอพยายามทำให้ตัวละครมีชีวิตชีวา แต่บทภาพยนตร์กลับไม่ให้โอกาสเธอเลย การดูนักแสดงระดับตำนานอย่างไฟเฟอร์ต้องทำงานกับบทที่ไม่ดีแบบนี้ทำให้รู้สึกเสียดายมาก
นักแสดงคนอื่นๆ ในหนังก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเช่นกัน พวกเขาทุกคนทุ่มเททำงานกับเรื่องราวที่น่าหดหู่นี้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เมื่อปัญหาอยู่ที่บทและการกำกับที่ไม่มีทิศทาง การที่นักแสดงที่มีความสามารถถูกใช้ในหนังที่ไม่ดีแบบนี้เป็นการสูญเสียเวลาและพรสวรรค์อย่างมาก
ถ้าบทภาพยนตร์ให้ความสำคัญกับอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครมากกว่าพยายามสร้างความตลกที่ไม่ตลก หนังเรื่องนี้คงจะใช้ประโยชน์จากการแสดงของไฟเฟอร์ได้มากกว่านี้ เธอสามารถถ่ายทอดความเศร้าและความเหงาของแม่ที่ถูกมองข้ามได้อย่างยอดเยี่ยม แต่หนังกลับเลือกที่จะทำให้เธอเป็นตัวตลกที่น่าสมเพช
หนึ่งในปัญหาใหญ่ของหนังเรื่องนี้คือตอนจบที่พยายามบิดเรื่องแต่กลับรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า แทนที่จะได้ตอนจบที่มีความหมายและทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง เราได้รับตอนจบที่รู้สึกบังคับและไม่จริงใจ หนังพยายามทำให้เราเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นและครอบครัวจะเปลี่ยนแปลง แต่มันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างดีพอที่จะทำให้น่าเชื่อ
ปัญหาคือตลอดทั้งเรื่อง เราได้เห็นว่าครอบครัวของแคลร์ไม่ใส่ใจเธอเลย พวกเขาไม่สังเกตว่าเธอหายไป ไม่โทรหาเธอ และไม่กังวลเกี่ยวกับเธอ แล้วจู่ๆ ในตอนจบ ทุกอย่างก็โอเคและทุกคนก็รักกันอีกครั้ง? มันไม่สมจริงและไม่มีการพัฒนาตัวละครที่เพียงพอที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้สมเหตุสมผล การที่หนังพยายามทำให้เป็นหนังคริสต์มาสที่อบอุ่นกลับทำให้รู้สึกปลอมและบังคับ
ถ้าหนังจบด้วยการที่แคลร์ตระหนักว่าเธอสมควรได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่านี้และออกจากสถานการณ์ที่เธออยู่ มันคงจะเป็นข้อความที่แข็งแกร่งและมีความหมายมากกว่า แต่หนังกลับเลือกทางที่ปลอดภัยและคาดเดาได้ ทำให้สูญเสียโอกาสที่จะเป็นหนังที่กล้าหาญและแตกต่าง
Oh. What. Fun. (2025) เป็นหนังที่มีโอกาสจะเป็นเรื่องราวที่สะเทือนใจเกี่ยวกับแม่ที่ถูกมองข้าม แต่กลับเลือกทางที่ผิดและกลายเป็นหนังคอมเมดี้ที่ไม่ตลกและน่าหดหู่ การเขียนบทที่ขาดความลึกซึ้ง ความตลกที่ไม่ตลก และการใช้ Michelle Pfeiffer ไม่เต็มศักยภาพทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นความผิดหวังอย่างยิ่ง หัวข้อเรื่องแม่ที่ทำงานหนักแต่ไม่ได้รับการชื่นชมเป็นเรื่องที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับหลายคน แต่หนังไม่สามารถถ่ายทอดมันออกมาได้ดี
สำหรับใครที่กำลังมองหาหนังคริสต์มาสที่อบอุ่นและสนุกสนาน ควรหลีกเลี่ยงหนังเรื่องนี้ และไปดูหนังคริสต์มาสคลาสสิกอื่นๆ ดีกว่า แต่ถ้าอยากเห็นว่าหนังที่มีไอเดียดีสามารถพลาดได้อย่างไร หรือเป็นแฟน Michelle Pfeiffer ที่อยากดูการแสดงของเธอแม้จะอยู่ในหนังที่ไม่ค่อยดี ก็ลองดูได้ แต่อย่าหวังว่าจะได้ความรู้สึกคริสต์มาสหรือความสนุกอะไรจากหนังเรื่องนี้เลย บอกเราหน่อยว่าหนังคริสต์มาสเรื่องไหนที่ชอบที่สุด และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่อาจกำลังคิดจะดูหนังเรื่องนี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้เตรียมใจไว้ล่วงหน้า!
- ชื่อเรื่องในภาษาไทย: โอ้วอทฟัน: คริสต์มาสนี้ แม่ล่ะเพลีย
- ประเภท: คอมเมดี้, ดราม่า, เทศกาล
- วันที่ออกฉาย: 2025 (Prime Video)
- นักแสดงนำ: Michelle Pfeiffer
- ผู้กำกับ: Michael Lehmann
- ความยาว: ประมาณ 90 นาที
- ช่องทางการดูในประเทศไทย: Prime Video
แม่ถูกลืม แต่น่าสงสารมากกว่าตลก
บทภาพยนตร์ - 3.5
การแสดง - 6.5
โปรดักชัน - 5.5
ความบันเทิง - 4
ความคุ้มค่าในการรับชม - 3.8
4.7
Oh What Fun พยายามเล่าเรื่องราวของแม่ที่ทุ่มเทแต่ถูกลืม แต่กลับไม่สามารถสร้างความสนุกสนานได้เลย บทภาพยนตร์ขาดความลึกซึ้ง ตลกแบบบูมเมอร์ไม่ตลก และทำให้ Michelle Pfeiffer ที่มีความสามารถสูงกลายเป็นตัวตลกในทางที่ผิด หนังเรื่องนี้สูญเสียโอกาสที่จะเป็นเรื่องราวที่สะเทือนใจเกี่ยวกับแม่ที่ถูกมองข้าม และกลายเป็นหนังคอมเมดี้คริสต์มาสที่น่าผิดหวังอีกเรื่องหนึ่ง
![[รีวิว-เรื่องย่อ] เมื่อคุณแม่ปลอมเป็นซานตาคลอส | My Secret Santa (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-My-Secret-Santa-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] โทรลล์ 2 | Troll 2 (2025) หนังสัตว์ประหลาดโทรลล์กลับมาอีกครั้ง](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/12/Review-Troll-2.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] โจรกรรมจิงเกิลเบล | Jingle Bell Heist (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-Jingle-Bell-Heist-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] นครสัตว์มหาสนุก 2 | Zootopia 2 (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-Zootopia-2.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] ทางรถไฟสายฝัน | Train Dreams (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-Train-Dreams-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] The Family Plan 2 (2025) หนังแอ็คชั่นคอมเมดี้คริสต์มาส](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-The-Family-Plan-2-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] วันหนักของคนหน่วง | The Follies (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-Las-Locuras.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] แชมเปญรัก ปัญหาร้าย | Champagne Problems (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-Champagne-Problems-2025.webp)