[รีวิว-เรื่องย่อ] โพรมีธีอุส

Prometheus เป็นหนังที่เชื่อมกับแฟรนไชส์ Alien แต่พยายามสร้างตำนานใหม่เกี่ยวกับต้นกำเนิดมนุษย์ ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นเรื่องไร้สาระและไม่น่าประทับใจ
การแสดงของไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ในบทเดวิด หุ่นยนต์ลึกลับ เป็นจุดเด่นเดียวที่ทำให้หนังพอมีอะไรน่าดู แต่ตัวละครอื่นๆ แบนราบและไร้มิติ
หนังสำรวจธีมศาสนาและการกำเนิดชีวิตแบบผิวเผิน โดยไม่สามารถชดเชยความขี้เกียจของบทได้เลย
ผู้กำกับริดลีย์ สกอตต์ กลับมากำกับแต่ขาดความทะเยอทะยาน ทำให้ภาพรวมดูจืดชืดและไม่สมกับเป็นหนังในจักรวาล Alien

เคยสงสัยกันไหมว่ามนุษย์เรามาจากไหน? ถ้าได้ไปสำรวจดาวอื่นเพื่อหาคำตอบ แต่กลับเจอแต่ความหายนะล่ะ? หนัง Prometheus (2012) ของผู้กำกับ ริดลีย์ สกอตต์ (Ridley Scott) พาเราไปผจญภัยในจักรวาลมืดมิด กับทีมนักสำรวจที่ค้นพบเบาะแสต้นกำเนิดมนุษย์บนโลก แล้วออกเดินทางไปยังมุมมืดสุดของอวกาศ แต่แทนที่จะได้คำตอบเจ๋งๆ กลับต้องสู้รบกับภัยร้ายเพื่อช่วยอนาคตเผ่าพันธุ์มนุษย์ หนังเรื่องนี้เชื่อมโยงกับแฟรนไชส์ Alien แต่พยายามสร้างตำนานใหม่ที่เต็มไปด้วยไอเดียศาสนาแบบฝืนๆ ทำให้รู้สึกว่ามันควรเป็นหนังเดี่ยวมากกว่า

ลองนึกภาพสิ ถ้าเราเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่แมพแผนที่สถานที่ลึกลับได้ แต่กลับหลงทางแบบงงๆ แม้จะมีเทคโนโลยีช่วย? นั่นแหละปัญหาของ Prometheus ที่สคริปต์ขี้เกียจสุดๆ จนตัวละครทำอะไรไร้เหตุผล แค่เพื่อให้หนังมีเหยื่อให้ฆ่า หนังเรื่องนี้เหมือนรถที่พยายามเปลี่ยนล้อขณะวิ่ง แต่สุดท้ายล้มคว่ำเพราะไม่สมดุล มันพยายามยัดเยียดธีมลึกซึ้งแต่กลวงเปล่า ทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ หนัง Alien ของแท้เลย

ในรีวิวนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่จุดอ่อนของบท การแสดงที่เด่นแค่บางคน ไปจนถึงภาพและการกำกับที่ขาดเสน่ห์ มาดูกันว่า Prometheus ทำให้เราผิดหวังยังไง และทำไมมันถึงกลายเป็นส่วนห่วยในแฟรนไชส์นี้

รีวิวและเรื่องย่อ Prometheus (โพรมีธีอุส)

Prometheus เล่าเรื่องทีมนักสำรวจที่ค้นพบเบาะแสโบราณบนโลก ชี้ไปยังดาวเคราะห์ไกลโพ้นที่อาจเป็นต้นกำเนิดมนุษย์ พวกเขาออกเดินทางด้วยยาน Prometheus หวังจะเจอคำตอบใหญ่หลวง แต่กลับพบกับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดและภัยร้ายที่คุกคามเผ่าพันธุ์มนุษย์ หนังพยายามสร้างตำนานใหม่ให้จักรวาล Alien โดยผสมไอเดียศาสนาและการกำเนิดชีวิต แต่สุดท้ายกลายเป็นเรื่องไร้สาระที่ไม่เข้าท่า เหมือนพยายามยัดเยียดปรัชญาเข้าไปในพล็อตที่ไม่ต้องการมันเลย

การเดินเรื่องเริ่มจากทีมที่รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักโบราณคดี และหุ่นยนต์เดวิด พวกเขาไปถึงดาว LV-223 แล้วสำรวจโครงสร้างลึกลับ แต่แทนที่จะได้ความรู้ กลับเจอแต่ความตายและความลับมืดมน หนังพยายามสร้างความตึงเครียดแบบ หนังสยองขวัญไซไฟ แต่ล้มเหลวเพราะตัวละครทำอะไรโง่ๆ เช่น นักแมพแผนที่หลงทางทั้งๆ ที่มีแผนที่ในมือ มันทำให้เรารู้สึกว่าบทเขียนแบบขี้เกียจ แค่เพื่อให้มีฉากฆ่าคนเท่านั้น

จุดเด่นเดียวคือเดวิด หุ่นยนต์ที่แสดงโดย ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ (Michael Fassbender) ซึ่งมีความซับซ้อนและน่าติดตาม แต่ตัวละครอื่นๆ แบนราบ เหมือนแค่บทนำเสนอแรงจูงใจพื้นๆ แล้วทิ้งไป หนังเรื่องนี้เหมือนเกมที่สัญญาว่าจะเจ๋งแต่สุดท้ายแค่ระดับกลางๆ ทำให้เราอยากให้มันเป็นหนังเดี่ยวมากกว่าเชื่อมกับ Alien

บทของ เดมอน ลินเดลอฟ (Damon Lindelof) ที่ดัดแปลงจากงานต้นฉบับ คือจุดล้มเหลวหลัก มันยัดเยียดธีมศาสนาแบบฝืนๆ เข้าไปในพล็อตที่ไม่จำเป็น เหมือนพยายามทำให้หนังดูฉลาดแต่จริงๆ แล้วกลวงเปล่า ตัวอย่างเช่น ฉากที่นักวิทยาศาสตร์หลงทางแบบไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่มีเทคโนโลยีช่วย มันแค่เพื่อสร้างเหยื่อให้หนังฆ่าเท่านั้น ทำให้เรารู้สึกว่าบทขี้เกียจและไม่สมจริง

นอกจากนั้น การพัฒนาตัวละครก็ห่วยแตก หนังพยายามสร้างความสัมพันธ์แบบฝืนๆ ระหว่างตัวละครบางคน แต่สุดท้ายก็ฆ่าทิ้งแบบไร้ค่า เหมือนโยนหินลงบ่อแล้วไม่สนใจคลื่นกระเพื่อม ธีมเกี่ยวกับต้นกำเนิด เซโนมอร์ฟ (xenomorphs) ก็ธรรมดาและไม่น่าตื่นเต้น ทำให้หนังขาดความลึกซึ้งที่ควรมีในแฟรนไชส์นี้

ถ้าเปรียบเทียบกับหนัง Alien ภาคก่อนๆ อย่างน้อยมันก็ยังมีความเพ้อเจ้อแต่สนุกดี ส่วน Prometheus กลับพยายามจะปฏิวัติใหม่แต่ล้มเหลว ทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่ควรเชื่อมกับแฟรนไชส์นี้เลย บทนี้เหมือนขนมที่สัญญาว่าจะหวานแต่กลับขมเฝื่อน

การแสดงโดยรวมแข็งแรง แต่เด่นแค่ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ในบทเดวิด หุ่นยนต์ที่เต็มไปด้วยความลึกลับและเสน่ห์ เขาเล่นได้ซับซ้อน ทำให้เดวิดเป็นส่วนเดียวที่น่าติดตาม เหมือนหุ่นยนต์ที่รู้มากกว่ามนุษย์และมี agenda ลับๆ แต่ตัวละครอื่นๆ อย่างเอลิซาเบธ ชอว์ (แสดงโดยนูมิ ราเพซ) หรือคนอื่นๆ กลับแบนราบและไร้มิติ

นักแสดงอย่างกาย เพียร์ซ หรือชาร์ลิซ เธอรอน ก็มีบทน้อยและไม่น่าจดจำ เหมือนถูกทิ้งไว้ข้างทาง หนังพยายามให้แรงจูงใจพื้นๆ แต่การเล่าเรื่องมันตรงเกินไป ขาดความแนบเนียน ทำให้รู้สึกว่านักแสดงเก่งๆ ถูกใช้เปลือง เหมือนทีมฟุตบอลที่มีดาวเด่นอยู่คนเดียว แต่ก็แพ้เพราะเพื่อนร่วมทีมเล่นห่วย

จุดนี้ทำให้หนังขาดความน่าดึงดูด เพราะตัวละครมนุษย์ทำอะไรโง่ๆ จนเราไม่เอาใจช่วย แต่เดวิดกลับเป็นเหมือนดาวเด่นที่ส่องแสงท่ามกลางความมืด ทำให้เราอยากดูภาคต่ออย่าง Covenant มากกว่าเพื่อตามตัวละครนี้

ริดลีย์ สกอตต์ กลับมากำกับแต่ขาดความทะเยอทะยาน ภาพสีเทาๆ มืดๆ ไม่สวยงามเหมือน Alien ภาคแรก ทำให้โลกของผู้สร้างมนุษย์ดูไม่ยิ่งใหญ่ เหมือนสำรวจถ้ำมืดแต่กล้องไม่โฟกัสดี ฉากยานบดขยี้ตัวละครที่วิ่งตรงๆ แทนที่จะกลิ้งหลบ ก็ดูไร้ epicness และไม่น่าประทับใจ

การถ่ายทำไร้แรงบันดาลใจ ไม่มีช็อตเด็ดหรือการเคลื่อนกล้องที่น่าทึ่ง ทำให้หนังดูห่างเหินเหมือนสก็อตต์สนใจแต่เดวิดเพียงอย่างเดียว ซึ่งมีกลิ่นอายเฟติชตั้งแต่แรก หนังเรื่องนี้เหมือนภาพวาดที่สัญญาว่าจะสวยแต่สุดท้ายก็เป็นแค่ร่างคร่าวๆ

เปรียบเทียบกับงานเก่าของสกอตต์หรือผู้กำกับอื่นในแฟรนไชส์ อย่างเดวิด ฟินเชอร์ ที่อย่างน้อยก็พยายาม Prometheus กลับมาดูแล้วมันจืดชืดและไม่สมกับเป็นสื่อภาพ ทำให้เรารู้สึกผิดหวังสุดๆ

Prometheus (2012) เป็นหนังที่ทำให้เราตั้งคำถามว่าทำไมต้องเชื่อมกับ Alien ถ้าจะออกมาห่วยขนาดนี้ มันแสดงให้เห็นว่าบทขี้เกียจและการกำกับไร้แพสชันสามารถทำลายศักยภาพได้ยังไง แม้จะมีจุดเด่นอย่างเดวิด แต่โดยรวมหนังกลวงเปล่าและไม่น่าจดจำ เหมือนฝันร้ายที่อยากลืมเร็วๆ

แต่ถ้าเราเป็นแฟน หนังไซไฟสยองขวัญ ที่อยากเห็นตำนาน Alien แบบใหม่ Prometheus อาจพอให้อะไรคิด แต่ส่วนใหญ่จะผิดหวัง สำหรับใครที่ดูแล้ว มาคุยกันในคอมเมนต์สิว่าตัวละครไหนห่วยสุด และแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบหนังแนวผจญภัยจักรวาล อย่าลืมดูภาคต่อเพื่อตามเดวิดนะ!

ชื่อเรื่องในภาษาไทย: โพรมีธีอุส
ประเภท: ไซไฟ, สยองขวัญ, ผจญภัย
วันที่ออกฉาย: 8 มิถุนายน 2555
นักแสดงนำ: ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ (Michael Fassbender), นูมิ ราเพซ (Noomi Rapace), ชาร์ลิซ เธอรอน (Charlize Theron), กาย เพียร์ซ (Guy Pearce)
ผู้กำกับ: ริดลีย์ สกอตต์ (Ridley Scott)
ความยาว: 2 ชั่วโมง 4 นาที
เรตติ้ง IMDb: 7.0/10
ช่องทางการดูในประเทศไทย: Disney+