รีวิวซีรีส์เกาหลี

[รีวิว-เรื่องย่อ] ชีวิตในฝันของคุณคิม | The Dream Life of Mr. Kim (2025)

  • The Dream Life of Mr. Kim เป็นซีรีส์ที่สร้างจากมุมมองสังคมเกาหลีสมัยใหม่ เน้นปัญหาวัยกลางคนที่หลงลืมตัวตนท่ามกลางแรงกดดันจากสังคม
  • การแสดงของรยูซึงรยงในบทคิม นักซูโดดเด่น สะท้อนความขี้หึงและอีโก้ที่ซ่อนความเปราะบางเอาไว้
  • ซีรีส์เจาะลึกธีมการเปรียบเทียบตัวเอง การสูญเสียเอกลักษณ์ และโอกาสในการเปลี่ยนแปลงผ่านความสัมพันธ์ในครอบครัวกับที่ทำงาน
  • ผู้กำกับนำเสนอเรื่องราวที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันมืดและดราม่าจริงจัง ทำให้ผู้ชมสะท้อนตัวเองได้ง่าย

เคยคิดบ้างไหมว่าชีวิตที่ดูเหมือนสมบูรณ์แบบในสายตาคนอื่น อาจกลายเป็นกรงขังที่ทำให้ตัวเองหายใจไม่ออก? ซีรีส์ The Dream Life of Mr. Kim (2025) พาไปเจาะลึกชีวิตของชายวัยกลางคนที่ติดอยู่ในวงจรนรกของการเปรียบเทียบตัวเองแบบไม่รู้ตัว เรื่องราวเกิดขึ้นในสังคมเกาหลีที่เต็มไปด้วยแรงกดดันจากงาน ครอบครัว และเพื่อนฝูง คิม นักซู ชายที่เคยเป็นเด็กชายใสซื่อแต่ตอนนี้กลายเป็นคนขี้บ่นขี้หึง ชีวิตประจำวันของเขาคือการไล่ล่าความสำเร็จที่ไม่มีวันสิ้นสุด จนลืมไปว่าความสุขจริงๆ อยู่ตรงไหน

ตอนแรกๆ ของซีรีส์วางรากฐานเรื่องราวได้แน่นหนา โดยย้อนอดีตเด็กชายที่วิ่งเล่นเลือกตั้งประธานชั้นเรียนด้วยรอยยิ้มกว้าง แต่แล้วความจริงโหดร้ายของโลกผู้ใหญ่ก็กลืนกินความไร้เดียงสานั้นไป ตัวเอกอย่างคิม นักซู (รับบทโดย รยูซึงรยง) คือตัวแทนของคนรุ่นที่หลุดจากกระแสหลักของยุคสมัย เขาพยายามสร้าง “ชีวิตในฝัน” ด้วยการไล่ตามตำแหน่ง สิ่งของหรู และสถานะ แต่ยิ่งพยายาม ยิ่งสูญเสียตัวตนไปเรื่อยๆ ซีรีส์นี้ไม่ใช่แค่เล่าเรื่องส่วนตัว แต่สะท้อนปัญหาสังคมที่หลายคนเผชิญ โดยเฉพาะในวัยที่เริ่มตั้งคำถามกับทางที่เลือกเดิน

บทความนี้จะพาไปไล่ตามเส้นทางของคิม นักซู ตั้งแต่การแสดงที่โดดเด่น ธีมหลักที่ทำให้คิดหนัก ไปจนถึงข้อความที่อยากสื่อถึงคนดูทุกวัย มาดูกันว่า The Dream Life of Mr. Kim จะพลิกชีวิตตัวเอกให้กลายเป็นบทเรียนชีวิตที่น่าจดจำได้ยังไง

The Dream Life of Mr Kim (2025) #1

รีวิวและเรื่องย่อ The Dream Life of Mr. Kim (ชีวิตในฝันของคุณคิม)

The Dream Life of Mr. Kim เปิดเรื่องด้วยฉากย้อนอดีตที่ทำให้ใจหายวาบ เด็กชายวิ่งกลับบ้านด้วยรอยยิ้มหลังได้รางวัลรองชนะเลิศประธานชั้นเรียน แต่ความไร้เดียงสานั้นถูกกลบด้วยความเป็นจริงอันโหดร้าย คิม นักซู ในวัยผู้ใหญ่คือคนที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งภายใน เขาพูดจาเหน็บแนมครอบครัวแบบไม่คิดอะไร และตัดสินเพื่อนร่วมงานโดยไม่เคยมองตัวเองสักนิด ตัวละครนี้คือกองรวมของความหึงหวงกับอีโก้ที่พองโต แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังคงความเป็นมนุษย์ที่เจ็บปวดและน่าขบขัน เหมือนกับเพื่อนบ้านขี้บ่นที่เราพบเจอในชีวิตจริง

พอคิม นักซู เดินเข้าออฟฟิศ เขาก็รีบไปนั่งเก้าอี้เจ้านายทันที จินตนาการชีวิตหลังเลื่อนตำแหน่ง แต่ไม่กี่นาทีก็โดนจับได้คาหนังคาเขาขณะที่โด จินอู (รับบทโดย ลี ชินกิ) ผู้จัดการทีมขายคู่แข่งสงสัย นักซูคือตัวแทนของ “คอนแด” หรือคนวัยกลางคนที่ติดนิสัยเก่าๆ คล้ายกับบูมเมอร์ในตะวันตก เขาเติบโตในยุคอุตสาหกรรมและปรับตัวกับโลกสมัยใหม่ไม่ได้ ที่ทำงานเขาจู้จี้เรื่องเล็กน้อยอย่างสีสันในสไลด์นำเสนอ ส่วนที่บ้านก็โม้เรื่องซื้อคอนโดที่โซลเป็นการลงทุนดี โดยลืมไปว่าภรรยาอย่างพัก ฮาจิน (รับบทโดย มยองเซบิน) คือคนผลักดันให้ซื้อตั้งแต่แรก

ชีวิตของนักซูดูเหมือนชนะแล้วในแบบที่เขาคิด ทำงานบริษัทใหญ่ มีบ้านในโซล ซึ่งเป็น “อุดมคติมาตรฐาน” ในสายตาเขา แต่โลกส่วนตัวค่อยๆ หดตัวลงเพราะถูกกลืนกินด้วยการเปรียบเทียบ ถ้าเพื่อนถือกระเป๋าแบรนด์ เขาก็ต้องมี รสนิยมส่วนตัวไม่สำคัญ สิ่งที่เขาห่วงคือการชนะเกมเงียบๆ ที่วัดค่าคนด้วยเงินทอง แม้แต่เที่ยวกับเพื่อนเก่า ก็กลายเป็นเสียงถอนหายใจด้วยความดูถูก เมื่อรู้ว่าเพื่อนที่เคยว่างงานตอนนี้เป็นเจ้าของอสังหาฯ แล้ว สำหรับคนอย่างนักซูที่ใช้ชีวิตห้าทศวรรษไล่ตามเส้นชัยที่ถอยหลังไปเรื่อยๆ จุดมุ่งหมายถัดไปคือตำแหน่งกรรมการบริหาร แต่โชคร้ายที่จินอูรุ่นน้องสนิทกับผู้จัดการแบค จองแท (รับบทโดย ยู ซึงมก) และนักซูต้องกลายเป็นคนขับรถให้ในทริปตีกอล์ฟ ซึ่งเป็นการตีหน้าด้วยความภาคภูมิใจ แต่ในวุ่นวายนั้น เขากลับทำโฮลอินวันได้อย่างบังเอิญ

ปฏิสัมพันธ์นี้เหมือนสัญญาณเตือนถึงปัญหาที่ใหญ่กว่า ยิ่งนักซูพยายามสร้างภาพให้คนอื่นประทับใจ ยิ่งสูญเสียตัวเองไปมาก “ความสำเร็จ” นี้ซึ่งเป็นแค่โชคช่วย ไม่สะท้อนความสามารถจริงๆ แต่กลับผลักดันเขาใกล้ตำแหน่งมากขึ้น ลูกกอล์ฟรางวัลราคาแพงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการโอ้อวดไร้สาระ นักซูพยายามไล่ตามความฝันจนไม่เห็นพื้นดินที่กำลังถล่มใต้เท้า และการล้มที่กำลังมาเยือนคืบคลานเข้ามาในความสุขที่เปราะบางด้วยความกลัวที่คืบคลาน

หัวใจของปัญหาคือเพื่อนรุ่นเดียวกันอย่างฮอ แทฮวาน (รับบทโดย ลี ซอฮวาน) ทั้งคู่สมัครงานเข้าบริษัทพร้อมกันในห้องสัมภาษณ์เดียว แต่ต่างจากนักซูที่ยึดติดกับการแข่งขัน แทฮวานถูกโยกย้ายไปเกาะห่างไกล ต้องลงรูท่อตรวจสอบเป็นชั่วโมงๆ โดยมีเพื่อนเก่าเป็นที่พักใจเพียงอย่างเดียว คำตอบชัดเจนว่าบริษัทหวังให้เขาลาออก และนักซูไม่ยอมเสี่ยงช่วยเพื่อนที่เคยช่วยมาแล้วจนกระทบทีมตัวเอง คำพูดของเขากับแทฮวานโหดร้าย แต่เด็กชายในอดีตที่ยิ้มกว้างหลังได้รางวัลรองชนะเลิศยังหลับใหลอยู่ในตัวเขา ดังนั้นแม้ขัดใจตัวเอง นักซูก็พูดช่วยแทฮวาน แต่กลับรู้ว่าผู้จัดการแบคคือคนโยกย้ายเพื่อน

โชคร้ายที่แทฮวานพยายามฆ่าตัวตาย และนักซูต้องรับผิดชอบจัดการไม่ให้กลายเป็นข่าวใหญ่ เขาให้ลูกกอล์ฟทองคำกับเพื่อน บอกว่านี่แค่หลุมที่เก้า แต่แทฮวานมองทะลุคำโกหกที่นักซูยอมรับไม่ได้ ไม่มีอะไรเปลี่ยน บริษัทยังมองพนักงานเป็นของใช้ได้ทิ้ง และตอนนี้ต้องหาคนใหม่มาล้ม สำหรับนักซูที่เคยลุ้นเลื่อนตำแหน่ง ตอนนี้กลายเป็นตัวเต็งโดนไล่ออกแทน ผู้จัดการแบคเตือนสถานะของเขา บอกว่าตอนนี้ไม่ใช่เซลล์แมนแต่เป็นผู้จัดการ ต้องใช้จุดแข็งทีมแทนการเดินหน้าโง่ๆ แต่ถ้านักซูรู้วิธีทำ ก็คงไม่ติดหล่มตั้งแต่แรก เขาสังเกตทักษะนำทีมของจินอู แต่ดันตีความผิด จนกลายเป็นปัญหาใหญ่กว่าเดิม ปากบอกว่าฟังแต่ไม่เคยฟังจริง และความไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนี่ลามไปทั้งงานทั้งบ้าน

ขณะที่นักซูคิดว่าครอบครัวเรียบร้อย ลูกชายคิม ซูเกยอม (รับบทโดย ชาคังยุน) กำลังเผชิญปัญหาตอนเองเรื่องอนาคต การรวมตัวกับเพื่อนเก่าอย่างลี ฮันนา (รับบทโดย ลี จินิ) พาเขาไปรู้จักซีอีโอสตาร์ทอัพลี จองฮวาน (รับบทโดย คิม ซูเกยอม) ซึ่งเป็นพวกฮงแด/เทคบรอขายของลับๆ ในแพ็กเกจสวยๆ (จริงๆ เรียกบริษัทตัวเองว่า “แบรนด์” โดยไม่มีสินค้าจริง) ปกติซูเกยอมคงไม่คบพวกปรัชญาเมเจอร์ที่ลาเรียนเพื่อเหตุผลปรัชญา แต่พ่อผลักให้เข้าบริษัทตัวเองซึ่งอึดอัด ที่นี่อย่างน้อยเขารู้สึกอะไรบ้าง แม้จะเป็นแค่ขยะและการโพสท่า สิ่งที่ทำให้พ่อลูกห่างกันจริงๆ คือตอนนักซูตะคอกพนักงานร้านอาหารเรื่องจองผิดที่ แล้วเพิ่งรู้ว่าตัวเองโทรผิด ซูเกยอมเรียกร้องให้ขอโทษ แต่พ่อกลัวเสียหน้าเกินกว่าจะยอมรับผิด มื้อเย็นจบด้วยการปะทะรุนแรง เมื่อซูเกยอมถามพ่อว่า “ไม่กลัวเหรอว่าตอนนี้กำลังมองพ่อยังไง?”

ทั้งภรรยาและลูกชายทิ้งนักซูไว้คนเดียวในฝน และคนที่เมตตาเขากลับคือคนที่เขาเคยดูถูก แทนกลับบ้าน นักซูไปออฟฟิศแทน แต่เช้าวันถัดมา ทุกอย่างพังยับ มีคนร้องเรียนอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของบริษัทไม่เป็นไปตามสัญญา และการผลักขายสินค้าในพื้นที่ที่ยังไม่ครอบคลุมของนักซูระเบิดคืนใส่หน้า ออฟฟิศวุ่นวาย และนักซูยืนอยู่ตรงกลางพายุ

The Dream Life of Mr Kim (2025) #2

นานแล้วที่ไม่ได้เจอตัวเอกที่น่ารำคาญและกินพลังขนาดนี้ ซีรีส์โยนข้อบกพร่องของนักซูออกมาเต็มๆ โดยไม่ยั้ง ไม่มีข้อแก้ตัวครึ่งๆ กลางๆ ให้มุมมองกดขี่หรือทักษะจัดการห่วยๆ ของเขา แทนที่จะกลบเกลื่อน เรื่องราวค่อยๆ ปอกเลเยอร์ต่อเลเยอร์ของวิธีคิดอันเป็นพิษต่อชีวิตและคนรอบตัว เขาจู้จี้รายละเอียดไร้สาระ ให้คะแนนคนอื่นแบบสุ่มสี่สุ่มห้า และเชื่อว่าทางของตัวเองคือทางเดียวที่ถูก ในแง่หนึ่ง เขาแทนภาพสะท้อนสิ่งผิดปกติในสังคม แต่การนำเสนอตัวละครหลักแบบไม่เกรงใจนี้คือแก่นสารของซีรีส์ เราไม่จำเป็นต้องชอบนักซู (อย่างน้อยตอนนี้) แต่ยังมีความหวังริบหรี่ว่าเขาจะเปลี่ยนได้

ไม่แปลกใจที่ รยูซึงรยง ถ่ายทอดนักซูที่น่าเกลียดด้วยความเห็นอกเห็นใจ จนอดเชียร์ไม่ได้ (ให้เขาเป็นคนที่ดีขึ้นนะ) สีหน้าของเขาไหลลื่นและมีพลัง ส่งทั้งอารมณ์และเสียงหัวเราะ แม้เรื่องไม่ตลกตรงๆ แต่มีอารมณ์ขันมืดที่ทำให้ตัดกันระหว่างความหนักแน่นกับความเบาสบาย การแสดงของรยูยกระดับจุดนั้น แม้เนื้อเรื่องยังไม่ทำให้ติดงอมแงม แต่ทิศทางที่ไปและการแสดงระดับท็อปทำให้อยากติดตามต่อด้วยความหวัง

ซีรีส์นี้ไม่ใช่แค่เล่าเรื่องชายคนหนึ่ง แต่สะท้อนสังคมที่ทุกคนกำลังวิ่งไล่ตามภาพลวงตาของความสำเร็จ โดยลืมความสุขง่ายๆ ไป The Dream Life of Mr. Kim แสดงให้เห็นว่าการเปรียบเทียบตัวเองคือกับดักที่ทำให้สูญเสียเอกลักษณ์ แต่ยังมีความหวังผ่านความสัมพันธ์ที่จริงใจ ไม่ว่าจะที่ทำงานหรือครอบครัว หากใครกำลังรู้สึกอึดอัดกับชีวิตประจำวัน ซีรีส์เรื่องนี้คือกระจกที่ช่วยให้มองเห็นตัวเองชัดขึ้น ลองดูแล้วมาแชร์ในคอมเมนต์ว่าส่วนไหนที่โดนใจที่สุด หรือมีมุมไหนที่อยากเห็นนักซูเปลี่ยนแปลงยังไง อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ที่ชอบซีรีส์ดราม่าชีวิตเกาหลี เพื่อให้ทุกคนได้สะท้อนตัวเองไปด้วยกัน!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: ชีวิตในฝันของคุณคิม
  • ประเภท: ดราม่า, ชีวิตประจำวัน, สังคม
  • วันที่ออกฉาย: 25 ตุลาคม 2568
  • นักแสดงนำ: รยูซึงรยง (Ryu Seung-ryong), มยองเซบิน (Myung Se-bin), ชาคังยุน (Cha Kang-yoon), ลี ชินกิ (Lee Shin-ki), ยู ซึงมก (Yoo Seung-mok)
  • ผู้กำกับ: โจฮยอนแทค
  • ความยาว: 12 ตอน
  • เรตติ้ง IMDb: 6.4/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button